วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ก้าวไปกับหนังสือ “ อีบุคส์ ”



ภาพและเรื่องโดย แฉ่ง บางกระเบา

ในกระบวนพระเกจิอาจารย์เมืองนครปฐมแล้ว อ.ยุทธ โตอดิเทพย์ นับว่ากว้างขวางและคุ้นเคยชนิดรู้ลึกรู้หมดแทบจะทุกองค์ ด้วยพื้นเพมีชีวิตวนเวียนอยู่ในจังหวัดนี้มาช้านาน เรียกว่าตั้งแต่เกิดจนเดี๋ยวนี้เกษียณจากราชการแล้วก็ยังลัดเลาะอยู่ตามวัดนั้นวัดนี้ไม่เคยขาด เนื่องจากมีจิตใจฝักใฝ่ในวัดวาอารามมาแต่เยาว์วัย จึงทำให้ข้อเขียนเรื่องราวพระเกจิอาจารย์ของท่านแจ่มแจ้งแทงทะลุครบเครื่องสมบูรณ์แบบหาตัวจับยาก

วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2562

มหัศจรรย์การสร้างวัตถุมงคล

อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน
ท่านสุทธิพงษ์ จุลเจริญ
เหรียญพระพุทธโสธร รุ่น “ออป.”
ภาพและเรื่องโดย แฉ่ง บางกระเบา

“ มหัศจรรย์การสร้างวัตถุมงคล ” มีอานุภาพอันเป็นมิ่งมงคลแบบไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ เมื่อ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย คนปัจจุบัน “ ท่านสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ” ซึ่งเป็นผู้ศรัทธาเลื่อมใสในมงคลวัตถุมาตั้งแต่วัยหนุ่ม เป็นคนจังหวัดตราด “ แขวนเหรียญหลวงพ่อทิม วัดละหารไร่ ” ไว้ในคอเหรียญเดียว สมัยเรียนหนังสืออยู่โรงเรียนตราดตระการคุณตอนเย็นวันหนึ่ง โดนรถชน ร่างกระเด็นไปไกลท่ามกลางสายตาชาวบ้านรวมทั้งคุณครูที่เห็นเหตุการณ์ทุกคนบอกเป็นคำเดียวว่า “ ไม่ตายก็คางเหลือง ” แต่การณ์กลับเป็นว่าพอลุกขึ้นมาได้ เอามือปัดฝุ่นก็เรียบร้อยดีไม่มีอะไรชำรุดแม้แต่น้อย ตั้งแต่ท่านได้เจออภินิหาร วัตถุมงคล มาในครั้งนั้นจึงประทับใจมาจนถึงวันนี้

วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2562

ปกหน้า ลานโพธิ์ ฉบับที่ 1241 เหรียญหล่อพิมพ์จอบใหญ่ พ.ศ.2478 หลวงพ่อไปล่ ฉนฺทสโร วัดกำแพง กรุงเทพฯ เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2562 ราคาปก 70 บาท

ปกหน้า ลานโพธิ์ ฉบับที่  1241 เหรียญหล่อพิมพ์จอบใหญ่ พ.ศ.2478 หลวงพ่อไปล่ ฉนฺทสโร วัดกำแพง กรุงเทพฯ เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2562 ราคาปก 70 บาท แจกฟรี โปสเตอร์ หลวงพ่อซวง อภโย วัดชีปะขาว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี “เกจิอาจารย์ผู้มีพุทธาคมเข้มขลังโด่งดังแห่งเมืองสิงห์ ” ชุด 2

ในบรรดาเหรียญหล่อรูปพระเกจิอาจารย์แล้ว คงไม่มีใครเกินกว่า เหรียญหล่อพิมพ์จอบ ของทั้งสองท่านนี้คือ “ หลวงพ่อเงิน บางคลาน ” และ “ หลวงพ่อไปล่ วัดกำแพง ” จัดได้ว่าเป็นสุดยอดของ เหรียญหล่อพิมพ์จอบ ทีเดียว แต่หลวงพ่อใดจะเป็นที่ชื่นชอบของท่านใดก็แล้วแต่เป็นความชื่นชอบเฉพาะตน เหรียญจอบหลวงพ่อเงิน บางคลาน มีความเก่าแก่โด่งดังมาก่อน

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

“ หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี ” อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม

ภาพและเรื่องโดย..แฉ่ง บางกระเบา

หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
เมืองสมุทรสงคราม มีพระเกจิอาจารย์ที่เข้มขลังโด่งดังมาแต่อดีตมากมายหลายรูป เช่น หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย หลวงพ่อร้าย วัดเขายี่สาร หลวงพ่อหรุ่น วัดช้างเผือก หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง ต่อมาที่กระเดื่องเลื่องลือนามก็คือ หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี เพราะเป็นผู้มีฌานหยั่งรู้ “ ตัวเลขแห่งอนาคต ” ได้แม่นยำดุจตาเห็นจึงขอนำเรื่องราวที่พิสูจน์มาแล้ว ช่างน่าอัศจรรย์ใจให้ท่านผู้อ่านสัมผัส เพื่อจะได้รู้เกจิผู้เข้มขลังนั้นมีจริงในแผ่นดินไทย

เมื่อปี พ.ศ.2508 ที่ วัดจุฬามณี อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม มีงานประจำปี ซึ่งปีนั้นคึกคักกว่าปกติ เพราะมีวงดนตรีชื่อดังมาแสดงในงาน คือ วงดนตรีลูกทุ่ง สุรพล สมบัติเจริญ ผู้คนจึงมาวัดมากกว่าปีก่อนๆ และหลังจากดนตรีแสดงจบ

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

หลวงพ่ออ่ำ อินฺทปญฺโญ ( พระพุทธวิหารโสภณ ) วัดวงษ์ฆ้อง พระนครศรีอยุธยา พระเกจิผู้เก่งกล้าทั้งเรื่องไสยศาสตร์และแพทยศาสตร์

ภาพและเรื่องโดย..เมธี ไทยนิกร

“หลวงพ่ออ่ำ” ที่มีพัดยศ ถ่ายขณะเป็น
พระราชาคณะที่ “พระพุทธวิหารโสภณ”
เจ้าอาวาสวัดหน้าพระเมรุ (พระอารามหลวง)
คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า “ พระนครศรีอยุธยา ” เป็นจังหวัดหนึ่งซึ่งอุดมไปด้วยพระสงฆ์เรืองวิชามาแต่โบราณกาล เท่าที่พอจะนึกออกบอกได้ในตอนนี้ก็มี อาทิ “ สมเด็จพระวันรัตน์ ” วัดป่าแก้ว ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของ “ พระนเรศวรฯ ” อย่างมาก หลังจากยุคนั้นก็มี “ พระอาจารย์พรหม ” ( หรือ “ พระพรหมมุนี ” ) วัดปากน้ำประสบ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของ “ พระนารายณ์ฯ ” ( และเชื้อพระวงศ์ ) ส่วนอีกองค์ที่ร่วมสมัยได้แก่ “ พระพิมลธรรม ” วัดระฆัง ซึ่งเก่งในทาง “ ยามสามตา ” อย่างน่าอัศจรรย์ โดยเฉพาะในคราวที่ “ พระยาสีหราชเดโช ” ข้าศึกจับแต่สามารถแก้รอดมาได้ ท่านทำนายเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ด้วยกระนั้น

วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ที่อัญเชิญมาเป็นพระประธานในพระวิหาร พระอารามหลวงในกรุงเทพมหานคร

ภาพและเรื่องโดย อภิวัฒน์ โควินทรานนท์


“ สมัยสุโขทัย เป็นยุคที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองที่สุด ดังนั้นจึงเป็นยุคทองของพุทธศิลป์ พระมหากษัตริย์แห่งกรุง สุโขทัย ซึ่งเรียกกันทั่วไปว่า พระร่วง ตลอดจนชาว สุโขทัย มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างเต็มเปี่ยม ได้สร้างสรรค์ศาสนวัตถุ ศาสนสถานอย่างมากมาย ทั้งวิหารเจดีย์คือ วัดอันเป็นศาสนสถาน และ พระพุทธรูป อันเป็นศาสนาวัตถุ

อาณาจักร สุโขทัย มีวัดที่ใหญ่โตและสวยงามหลายสิบวัด วัดที่สำคัญเช่น วัดมหาธาตุ วัดตระพังเงิน วัดตระพังทอง วัดศรีสวาย วัดสระศรี วัดพระพายหลวง วัดศรีชุม วัดสรศักดิ์ วัดเชตุพน วัดช้างล้อม วัดตระพังทองหลาง วัดเขาพระบาทน้อย วัดเขาอินทร์ ฯลฯ ส่วน พระพุทธรูป นั้น ในสมัย สุโขทัย ได้สร้าง พระพุทธรูป จำนวนมากมายอย่างน่าอัศจรรย์ ตั้งแต่ พระพุทธรูป ขนาดพระบูชา คือขนาดหน้าตักไม่กี่นิ้ว จนถึง พระพุทธรูป พระประธานในโบสถ์วิหาร ที่มีขนาดตั้งแต่เท่าคนจริง จนถึงขนาดใหญ่กว่าคนจริง 2 เท่า 3 เท่า 4 เท่า จนถึง 8 เท่า! คือขนาดหน้าตักกว่า 3 วา หรือ 6 เมตร มีทั้งพระอิฐ พระปูน พระหล่อสัมฤทธิ์ พระนาก จนถึงพระทองคำ ( ยกเว้นพระหินและพระไม้ ที่ไม่พบในศิลปะ สุโขทัย )

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

หลวงพ่อชม วัดพุทไธศวรรย์ ผู้สร้างตำนาน “ อีโต้ลอยน้ำ ” องค์ที่สอง

ภาพและเรื่องโดย..ศักดิ์ อโยธยา


ภาพหลวงพ่อชม ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะถ่ายในช่วง
ที่ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะหมวดรองแขวงกรุงเก่า
พระเกจิเมืองกรุงเก่าอีกองค์หนึ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้นิยมสะสมวัตถุมงคลส่วนใหญ่ ได้แก่ หลวงพ่อชม พรฺหมฺโชติ หรือ พระครูอุเทศธรรมวินัย วัดพุทไธศวรรย์ ต.สำเภาล่ม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา และหากจะว่าไปเหตุปัจจัยสำคัญมาจากเหรียญของท่านซึ่งได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางทั้งในอยุธยาและต่างจังหวัด หรือพูดให้ชัดก็คือถือเป็นเหรียญดังระดับประเทศด้วยซ้ำ

สิ่งที่ทำให้เหรียญดังกล่าวเป็นที่ต้องการของใครต่อใคร ไม่ใช่เพราะเป็นรุ่นแรก ( และรุ่นเดียว ) หรือสร้างมานาน แต่ความสำคัญของเหรียญนี้อยู่ที่ความศักดิ์สิทธิ์หรืออภินิหารมากกว่า เพราะแน่นอนว่าผู้สร้าง (และปลุกเสก) ซึ่งก็คือหลวงพ่อชมนั้นเก่งกล้าถึงขั้นเป็นผู้สร้างตำนาน “ อีโต้ลอยน้ำ ” องค์ที่สอง ( รองจาก “ ขรัว ” ที่สร้างพระบรรจุไว้ในเจดีย์วัดเลียบ ) ทีเดียว

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

พระครูภาวนาภิรัต ( หลวงปู่ทิม อิสริโก ) วัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง

ภาพและเรื่องโดย..เพียรวิทย์ จารุสถิติ, สิทธานต์ อุปริสัจกุล และคณะศิษย์


หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
ก่อนที่จะเริ่มประวัติและเกียรติคุณของ หลวงปู่ทิม อิสริโก แห่งวัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง นั้น ผู้เขียนใคร่ขอนำข้อความที่กล่าวถึง หลวงปู่ทิม อิสริโก โดยพระเถระผู้ใหญ่ของ จังหวัดระยอง ซึ่งก็คือท่านเจ้าคุณ พระราชวิมลมุนี อดีตเจ้าคณะ จังหวัดระยอง ที่ได้กล่าวถึง หลวงปู่ทิม ไว้ในหนังสืองานพระราชทานเพลิงศพ หลวงปู่ทิม เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๒๖ ไว้ว่า

พระครูภาวนาภิรัต หรือ หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง เป็นพระเถระผู้ใหญ่ มีอายุพรรษาอยู่ในเกณฑ์สูง ก่อนจะถึงมรณภาพแทบจะกล่าวได้ว่า เป็นพระเถระที่มีอายุพรรษามากเป็นอันดับหนึ่งในเขต จังหวัดระยอง เป็นผู้ที่มีศีลาจารวัตร น่าเคารพเลื่อมใสเคร่งครัดในพระธรรมวินัย เป็นพระมีระเบียบแบบแผน จิตใจสะอาดสมกับภาวะของพระ พูดน้อย และเป็นพระเถระขมังเวทย์ ก่อนถึงมรณภาพประมาณ ๒๐ ปี มีผู้นิยมเลื่อมใสในวัตถุมงคลของท่านมาก มีชื่อเสียงกระฉ่อนไปไกลในเรื่องวัตถุมงคล ถ้ามีงานพุทธาภิเษกในวัดใด ทั้งในจังหวัดหรือต่างจังหวัด โดยมากจะได้รับอาราธนาให้เข้าร่วมในพิธีเกือบทุกแห่ง

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

หลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข พระวิมลธรรมภาณ ( ฐิตปุญญเถร วิเวียร ) วัดดวงแข กรุงเทพมหานคร

ภาพและเรื่องโดย..นิพนธ์ คันทรง

พระวิมลธรรมภาณ
(ฐิตปุญฺญเถร หลวงปู่วิเวียร บุญมาก)
วัดดวงแข กทม.
ท่านเจ้าคุณพระวิมลธรรมภาณ มีนามเดิมว่า “ สังเวียน บุญมาก ” กำเนิด ณ บ้านหมู่ที่ 8 ตำบลบ้านแก่ง อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2464 ตรงกับวันพุธ ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 12 ปีระกา โยมบิดาชื่อ กริ่ม บุญมาก โยมมารดาชื่อ พริ้ง บุญมาก มีพี่น้องรวมด้วยกัน 6 คน คือ

1. นางขาว เหมพิจิตร
2. นางสาวละออง บุญมาก
3. นางน้ำค้าง บุญมาก
4. นางน้ำผึ้ง บุญมาก
5. พระพรหมมุนี ( ปุญญารามเถร หลวงปู่วิชมัย บุญมาก ) วัดบวรนิเวศวิหาร
6. พระวิมลธรรมภาณ ( ฐิตปุญญเถร หลวงปู่วิเวียร บุญมาก ) วัดดวงแข

วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

หลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร “ ศิษย์เอกองค์เดียวของหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ”

ภาพและเรื่องโดย..อ.ยุทธ โตอดิเทพย์

หลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร
ในระยะก่อนปี 2535 นครปฐมเมืองเกจิอาจารย์ชั้นยอดแถวหน้าของวงการพระเครื่อง มีเกจิอาจารย์อาคมขลังแฝงเร้นอยู่องค์หนึ่ง รู้ดีในวงการคนนครปฐมว่าวัตถุมงคลของท่านแจ่มแจ๋ว “ เชื่อขนมกินได้ ” เจ้าของพระเครื่องที่ตำรวจยิงคนร้ายกระเด็นไม่ระคายผิว แขวนเพียงเหรียญของท่านเหรียญเดียวจริงๆ “ ผ้ายันต์แดง ” ของท่านชักขึ้นฟ้าทันใดฝนตั้งเค้าครึ้มอย่างไรก็ไม่ตก  ห้ามฝนได้ราวปาฏิหาริย์ คนนครปฐมรู้กันทั้งเมือง ตั้งโต๊ะจีนเป็นร้อยกลางฤดูฝนขอให้มี “ ผ้ายันต์แดง ” ของท่านเพียงผืนเดียว รับรองกินกันจนจบงานฝนก็ยังไม่ตก เกจิอาจารย์ท่านนี้นามว่า “ หลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร ” ศิษย์เอกคนเดียวของหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง อั้นมานานถึงวันนี้ ขอให้ท่าน “ ดัง ” กับเขาบ้างได้ไหม

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

หลวงปู่อ่ำ ( ท่านพระครูเทพสิทธิการ ) วัดหนองกะบอก จ.ระยอง กับการสร้างแพะมหาเสน่ห์

โดย ประเจียด คงศาสตรา 
                                                                                                         
หลวงพ่ออ่ำ (เรือเก่า)
อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองกะบอก
ชาตะพ.ศ. 2408 มรณภาพ พ.ศ. 2495
แพะสาลิกา ฝีมือลุงพลับ ตัวเมีย
(ไม่มีเครา)

คำบูชาบูรพาจารย์

การเขียนเรื่องราวแห่ง หลวงปู่อ่ำ วัดหนองกะบอก ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ขออุทิศถวายองค์พระคเณศฯมหาเทวะผู้ประทานความสำเร็จ, ลวงปู่อ่ำ วัดหนองกะบอก, ท่านพลตรีประจน กิตติประวัติ ( ตรียัมปวาย ), ครูผล ประดิษศิริผล และ ปลัดเจริญ เพชรนครสอง ผู้แกะ แพะมหาเสน่ห์ พิมพ์มาตรฐานให้กับ หลวงปู่อ่ำ วัดหนองกะบอก จนเป็นที่ยอมรับของนักเล่นเครื่องราง ทั้งที่เป็นชาว ระยอง และต่างถิ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แลครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ทั้งปวง จนผู้เขียนมีความรู้ความสามารถในการเขียนหนังสือเกี่ยวกับพระเกจิอาจารย์มาจนทุกวันนี้.

วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

หลวงพ่อลำเจียก วัดศาลาตึก พระเกจิอาจารย์เมืองกำแพงแสน นครปฐม “ หนามแหลมไม่ต้องเสี้ยม มะนาวกลมเกลี้ยงไม่ต้องกลึง ”

ภาพและเรื่องโดย อ.ยุทธ โตอดิเทพย์


หลวงพ่อลำเจียก วัดศาลาตึก
ศาลาตึก เป็นซากโบราณสถาน ตั้งอยู่ในเขต ตำบลทุ่งลูกนก อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม บริเวณใกล้เคียงกับชุมชนตำบลสนามแย้ อำเภอท่ามะกา  จังหวัดกาญจนบุรี และชุมชนตำบลห้วยกระบอก อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี “ ศาลาตึก ” สันนิษฐานว่าเรียกตามประวัติทางโบราณคดีโดยมีหลักฐานที่เหลือร่องรอยไว้เป็นซากอิฐโบราณสร้างเป็นรูปตึกแถว มีประวัติความเป็นมาว่า ศาลาตึก เก่าหลังนี้สร้างในสมัยสมเด็จพระพุทธพันปี ( ตามคำบอกเล่าของชาวบ้าน ) สำหรับให้คนเดินทางมาพักแรมหลบภัยอันตรายจากสัตว์ร้ายต่างๆ ในยามค่ำคืน เช่น เสือ ช้าง งู ฯลฯ 

สมัยโบราณเส้นทาง ศาลาตึก จะเป็นทางผ่านสำหรับผู้คนที่ไปนมัสการพระแท่นดงรัง จังหวัดกาญจนบุรี ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าว่า ศาลาตึก สร้างเป็นตึกสองชั้น ชั้นล่างเป็นที่พักช้างพักม้า ชั้นบนสำหรับเป็นที่พักคนเดินทาง ปัจจุบันเหลือเพียงซากฐานตึก ซึ่งทางวัดได้อนุรักษ์ไว้นับเป็นโบราณสถานสำคัญในด้านประวัติศาสตร์ท้องถิ่น บริเวณดังกล่าวเป็นที่ตั้งของ วัดศาลาตึก ชุมชนบ้านห้วยกระบอก โรงเรียนประถมศึกษา โรงเรียนมัธยมศึกษา ได้เรียกชื่อสถานที่ต่างๆ ตามนามของโบราณสถานตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจวบจนถึงทุกวันนี้

วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

ปกหน้า ลานโพธิ์ ฉบับที่ 1240 เหรียญหลวงพ่อพระอุปัชฌาย์เอีย รุ่นแรก พ.ศ.2502 วัดบ้านด่าน อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ราคาปก 99 บาท

ปกหน้า ลานโพธิ์ ฉบับที่  1240 เหรียญหลวงพ่อพระอุปัชฌาย์เอีย รุ่นแรก พ.ศ.2502 วัดบ้านด่าน อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 ราคาปก 99 บาท แจกฟรี โปสเตอร์ พระครูสังวรกิตติคุณ (หลวงพ่อเอีย) วัดบ้านด่าน ต.เกาะลอย อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี “เกจิอาจารย์ผู้ทรงกิตติคุณลือชาปรากฏทางพุทธาคม” ชุดที่  1 แจกฟรีพร้อมหนังสือ เหรียญนั่งพาน รุ่นบารมีพันล้าน ๘๘ หลวงพ่อสุนทร วัดหนองสะเดา อ.หนองแค ราคาปก 99 บาท 

“ ลานโพธิ์ ” ฉบับนี้แจกฟรี เหรียญหลวงพ่อสุนทร วัดหนองสะเดา สระบุรี ให้ผู้อ่านพร้อมกับหนังสือทุกเล่ม ซื้อหนังสือที่ไหนรับได้ที่นั่น ที่ดูเหมือนจะพิเศษกว่าคนอื่นก็คือ “ ท่านสมาชิกลานโพธิ์ ” เหรียญแจกฟรีไปมอบให้ท่านถึงประตูบ้านไม่ต้องลำบากไปหาซื้อตามแผงหนังสือ ซึ่งถ้าไปช้าก็หมดก่อนที่จะไปถึง มีหลายท่านประสบปัญหาเช่นนี้ จึงสมัครเป็นสมาชิกเข้ามาเพื่อประกันความผิดหวัง ทุกครั้งที่มีการแจกท่านสมาชิกทุกท่านจึงสบายใจได้ว่า ต้องได้แน่นอน

วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2562

หลวงพ่อตี๋ ฉันทธัมโม สำนักสงฆ์เขาเขียวพนาราม ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี

ภาพและเรื่องโดย..กนก ขำสุวรรณ


หลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม
หลวงปู่ตี๋ ฉันทธัมโม เดิมชื่อ วิทยา น้ำดอกไม้ เป็นบุตรชายคนโตของ นายห้อย น้ำดอกไม้ และ นางกิมบี้ แซ่แต้ บิดาเป็นคนราชบุรี มารดาเป็นคนอำเภอสองพี่น้อง เมื่อทั้งสองแต่งงานกันแล้วจึงอพยพโยกย้ายมาทำมาหากินอยู่ที่ตลาดท่าช้าง อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี โดยยึดอาชีพค้าขาย มีบุตรด้วยกัน 5 คน เป็นชาย 4 คน เป็นหญิง 1 คน

หลวงปู่ตี๋ เกิดที่ตลาดท่าช้าง อ.เดิมบางนางบวช เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ.2467 ตรงกับวันอาทิตย์ ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 9 ปีชวด โยมห้อยผู้เป็นบิดานั้นเป็นช่างก่อสร้างและช่างฝีมือประจำวัดหัวเขารุ่นเก่า ในยุคสมัยที่ยังมี หลวงพ่ออิ่ม สิริปุญโญ อดีตปรมาจารย์นามกระเดื่องเป็นเจ้าสำนัก ขณะนั้นวัดหัวเขาได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างมณฑปบนยอดเขาซึ่งนับว่าเป็นงานอันสำคัญ หลวงพ่ออิ่มจึงมอบหมายให้ช่างห้อยบิดาของท่านเป็นผู้ควบคุมดำเนินงาน หลวงปู่ตี๋ ซึ่งอยู่ในวัยเด็กก็ได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามบิดามาอยู่กินนอนที่วัดหัวเขาเป็นประจำ จากวันเป็นเดือน จากเดือนเลื่อนไปเป็นปี จนกระทั่ง หลวงปู่ตี๋ เติบโตวิ่งเล่นเป็นเด็กวัดหัวเขาไปโดยปริยาย ซึ่งนั่นอาจหมายถึงคำว่าบุญวาสนาที่เป็นกุศลผลกรรมอันน่ายินดี

วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2562

พระสมเด็จเกศไชโย พิมพ์นิยม รุ่น “ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ”

พระสมเด็จเกศไชโย รุ่น “ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ” พ.ศ.2552
แฉ่ง บางกระเบา เคยเป็นข้าราชการ กระทรวงมหาดไทย เมื่อวัยหนุ่ม ตอนนี้แก่แล้วนั่งกินเงินเดือนฟรีไปพลางๆ เป็นเรื่องดีของข้าราชการยามแก่เฒ่า เมื่อคราวอายุกระทรวงมหาดไทยครบ 100 ปี ได้เป็นหัวแรงช่วยสร้าง “ พระกริ่งดำรงราชานุภาพ ” เพื่อเป็นที่ระลึกในวาระครั้งนั้น ทำตั้งแต่สร้างพิมพ์จนไปจบเอาเมื่อปลุกเสกเสร็จทุกขบวนการ เดี๋ยวนี้ “ พระกริ่งดำรงราชานุภาพ ” ครั้งนั้นราคาไปไกล เฉพาะทองคำมูลค่ามากกว่าเลขหกหลักเข้าไปแล้ว มีคนมาไถ่ถามว่าเมื่อไหร่จะเบื่อ ขอจองคิวองค์ของ “ แฉ่ง ” เอาไว้หลายราย แต่ก็ยังไม่เบื่อสักที

วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2562

“ ของดี หลวงพ่อวัดดอนตัน ” พระครูเนกขัมมาภินันท์ ( บุญทา พุทธวังโส ) วัดดอนตัน อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน

ภาพและเรื่องโดย วัชรมนต์


หลวงพ่อวัดดอนตัน “พระครูเนกขัมมาภินันท์”
อ.ท่าวังผา จ.น่าน
เมื่อเอ่ยชื่อ “ หลวงพ่อวัดดอนตัน ” อ.ท่าวังผา จ.น่าน คนทางเหนือย่อมรู้จักท่านดี เพราะ เครื่องรางของขลัง เหรียญ ผ้ายันต์ ของท่าน “ ดัง ” มีอานุภาพปกป้องคุ้มภัย ให้โชคให้ลาภดีสารพัด เมื่อหลายปีมาแล้วแม้กระทั่งวิทยุปักกิ่ง จีนแดง เมื่อได้รู้กิตติศัพท์อานุภาพเหรียญ-ผ้ายันต์ของ หลวงพ่อวัดดอนตัน นเข้า ก็ได้นำไปกล่าวขวัญออกอากาศ ทั้งนี้เนื่องจากตอนที่พวกผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ทางชายแดน จังหวัดน่าน ประมาณ 200 คน ได้บุกเข้าโจมตีฐานที่ตั้งหน่วยงานของบริษัทอิตาเลียนไทยที่ ต.น้ำยาว อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2517 ได้ก่อความสูญเสียทั้งชีวิตร่างกายของเจ้าหน้าที่และคนงาน ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้และสิ่งก่อสร้างอย่างหนัก

แต่รถและคนที่มีเหรียญและผ้ายันต์ของ หลวงพ่อวัดดอนตัน จะปลอดภัย ไม่ได้รับอันตราย ทั้งๆ ที่ถูกยิง ถูกจุดไฟเผา และถูกระเบิดขว้าง

วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2562

หลวงแป้น อุตฺตโม วัดเสาธงใหม่ อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ภาพและเรื่องโดย เอกลักษณ์ เพริศพริ้ง


หลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่
ท่านผู้อ่านคิดว่า “ หลวงพ่ออุป วัดตานิม, หลวงพ่อมาก วัดโตนด และหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว เก่งทางคาถาอาคมหรือไม่ ” ผู้เขียนขอตอบแทนท่านแบบ “ รัวๆ ” เลยว่า “ เก่ง ” ท่าน “ เก่งจริงๆ ” ตัวอย่างเช่น มีครูฝึกทหารใหม่เป็น “ นักเลงยิงพระ ” บังคับเอาวัตถุมงคลของทหารเกณฑ์ไปลองยิงเพื่อข่มขวัญ แต่ปรากฏว่า “ ยิงเท่าไหร่ก็ไม่ออก ” จนต้องยอมมากราบขอขมาลาโทษเจ้าของวัตถุมงคลดังกล่าวถึงที่วัด และวัตถุมงคลที่ว่าก็คือ “ รูปถ่ายรุ่นแรกของหลวงพ่ออุป ” หรือผู้ที่แขวนเหรียญรุ่นแรกของ หลวงพ่อมาก แล้วถูกคู่อริใช้ปืนขนาด ๑๑ มม. จ่อยิงแบบเผาขนจนกระเด็นตกบ้าน แต่ก็ “ ยิงไม่เข้า ” จนเป็นที่เลื่องลือ หรือที่ผู้แขวนพระเครื่องของ หลวงพ่อซวง แล้วโดนยิงก็ยิงไม่เข้าอีกเช่นกัน จนกลายเป็นเรื่องซ้ำซาก ชาวบ้านจึงพากันขนานนามเรียกท่านว่า เทพเจ้าแห่งเมืองสิงห์ ฯลฯ

หุ่นพยนต์อาจารย์แหล่ม แจ้งเจริญ “ อยุธยา ” “ รุ่นพิทักษ์ทรัพย์ รับโชคลาภ ”

หุ่นรุ่นพิทักษ์ทรัพย์ รับโชคลาภ
อาจารย์แหล่ม แจ้งเจริญ
“ อาจารย์แหล่ม แจ้งเจริญ ” ศิษย์เอกหนึ่งเดียวของ “ อาจารย์ลอย โพธิ์เงิน ” จอมขมังเวทย์แห่งอยุธยา ผู้สืบสานวิชาหุ่นพยนต์มาทำได้ขลังโด่งดังในปัจจุบัน วิชา หุ่นพยนต์ นี้อาจารย์ลอย โพธิ์เงิน ศึกษามาจาก “ หลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่ ” ซึ่งศิษย์ร่วมสำนักนี้ก็มี “ หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว ” ซึ่ง “ ลานโพธิ์ ” กำลังลงเรื่องราวของท่านอยู่ “ หลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่ ” ขลังขนาดไหนลองไปค้นอ่านในนิตยสาร ลานโพธิ์ ฉบับก่อนๆ ได้เคยนำมาเสนอไว้อย่างพิสดาร คนอ่านแล้วฮือฮากันทั้งประเทศ “ วิชาหุ่นพยนต์ ” ของสายนี้รับรองว่าขลังแน่นอน ผู้เขียนเองก็มีประสบการณ์มาเล่าให้ฟัง หลังจากได้รับ หุ่นพยนต์ จาก “ อาจารย์แหล่ม แจ้งเจริญ ” ไปบูชาได้นำไปบูชาไว้ให้ดูแลบ้านและทรัพย์สินที่บ้านปากช่อง ซึ่งเป็นบ้านพักผ่อนเดินทางไปอยู่บ้าง ไม่อยู่บ้าง ตั้งแต่เอา หุ่นพยนต์ อาจารย์แหล่ม ไปเฝ้าดูแลบ้านก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ปกหน้า ลานโพธิ์ ฉบับที่ 1239 พระพุทธลีลาหล่อโบราณ เนื้อสัมฤทธิ์ พิมพ์ฐานตั้ง หลังจาร หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2562 ราคาปก 70 บาท

ปกหน้า ลานโพธิ์ ฉบับที่  1239 พระพุทธลีลาหล่อโบราณ เนื้อสัมฤทธิ์ พิมพ์ฐานตั้ง หลังจาร หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2562 ราคาปก 70 บาท แจกฟรี โปสเตอร์ หลวงพ่อซวง อภโย วัดชีปะขาว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี “ เกจิอาจารย์ผู้มีพุทธาคมเข้มขลังโด่งดังแห่งเมืองสิงห์ ” ชุดที่  1

“ ลานโพธิ์ ” ฉบับนี้ปกหน้าเป็น พระพิมพ์ลีลา “ หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว สิงห์บุรี ” องค์ที่มีความงดงามสมบูรณ์แบบที่สุด ได้รับความเมตตาจาก คุณประเสริฐชัย ขำสุวรรณ ( แกะ อ่างทอง ) เจ้าของพระมอบภาพมาให้ จึงขอขอบคุณไว้ ณ โอกาสนี้ และปกหน้าฉบับที่แล้ว เหรียญหลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว รุ่นสอง ได้ลงชื่อเจ้าของภาพผิด ความจริงเป็นของ คุณธนเสฏฐ์ นิธิศรีวงศ์ จึงขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ และขอขอบคุณ คุณธนเสฏฐ์ ไว้เช่นกัน

หลวงพ่อดอกไม้ พระครูวัตตสารโสภณ วัดดอนเจดีย์ ต.ดอนเจดีย์ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี

ภาพและเรื่องโดย  สารกาญจน์


พระครูวัตตสารโสภณ (หลวงพ่อดอกไม้)
วัดดอนเจดีย์ ต.ดอนเจดีย์ อ.พนมทวน
จ.กาญจนบุรี
มีเรื่องเล่าสืบต่อกันว่าผู้ที่มาเป็นศิษย์ของ หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ต้องผ่านทดสอบการใช้สมาธิพลังจิตเพ่งไส้เทียนให้ขาดกลาง ( แสดงถึงพลังจิตพื้นฐานเข้มแข็ง ) หลวงปู่ยิ้มจึงจักประสิทธิ์ประสาทวิชาชั้นสูงให้ ครั้นเมื่อ หลวงพ่อดอกไม้ ทราบข่าว ที่วัดหนองบัวมีพระเกจิปรมาจารย์ผู้แก่กล้าเกิดศรัทธายิ่งนัก จึงเดินทางถวายตัวเป็นศิษย์และสามารถผ่านการทดสอบ เพ่งไส้เทียนขาด ได้เป็นศิษย์หลวงปู่ยิ้มเล่าเรียนวิชาอาคมชั้นสูง พร้อมปฏิบัติกิจของสงฆ์อยู่วัดหนองบัวถึงขั้นเก่งกล้าสามารถ จนญาติโยมในละแวกเขตวัดหนองบัวยังจำชื่อของ หลวงพ่อดอกไม้ ได้เป็นอย่างดีเมื่อคราวมีใครเอ่ยถาม ก่อนที่หลวงพ่อจะย้ายกลับมาจำพรรษาเป็นเจ้าอาวาสปกครองอยู่วัดหนองขาว ต.หนองขาว อ.วังขนาย ( ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น อำเภอท่าม่วง ) จ.กาญจนบุรี

วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2562

ของดีวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จังหวัดเชียงใหม่

หลวงพ่อโต พระประธาน
ในพระวิหารหลวง
พระรอด พิมพ์ใหญ่ พระประธาน
เนื้อเขียวหินครก วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่
วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิด “ วรมหาวิหาร ” ตั้งอยู่ ณ ถนนสามล้าน ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นพระอารามสำคัญของเมือง เชียงใหม่ ที่มีประวัติยาวนานยิ่ง นอกจากนี้ยังเป็นวัดที่ประดิษฐาน “ พระพุทธสิหิงค์ ” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของเมือง เชียงใหม่ อีกด้วย ณ วัดแห่งนี้ย้อนไปในอดีตนานนับ 463 ปี ตั้งแต่มีการสร้างมา ล้วนมีเรื่องราวที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ในส่วนเฉพาะการสร้างมงคลวัตถุของ วัดพระสิงห์ หากย้อนไปเพียง 58 ปีที่แล้ว มีการสร้าง “ พระรอดวัดพระสิงห์ ” ขึ้นมา เป็นพระรอดที่มีคุณความศักดิ์สิทธิ์ ที่นับว่าใช้แทน “ พระรอดลำพูน ” ที่หาได้ยากเกินไขว่คว้าได้ หลังจากนั้นก็มีของดีอีกหลายอย่างที่เกิดขึ้น ณ พระอารามแห่งนี้คือ “ พระกริ่งนเรศวรเมืองงาย ” เป็นลำดับต่อมา จนถึง “ พระหลวงพ่อทวด ” และ “ พระชุดหลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา ” ซึ่งนำขึ้นมาเผยแพร่ ณ วัดแห่งนี้ เรื่องราว “ ของดีวัดพระสิงห์ ” จะเป็นอย่างไรลองติดตามกันดู

วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2562

ลานโพธิ์ แจกฟรี! เหรียญพระพุทธมหามงคลเก้า " พลังแผ่นดิน " เนื้อทองแดงเถื่อน

เหรียญพระพุทธมหามงคลเก้า "พลังแผ่นดิน" เนื้อทองแดงเถื่อน
แจกฟรี! พร้อมหนังสือฉบับที่ 806
"พระพุทธมหามงคลเก้า" เหรียญ "พลังแห่งแผ่นดิน" เนื้อพิเศษ
(แจกฟรีเฉพาะแด่ท่านผู้อ่านที่ร่วมส่งชนวนมายังลานโพธิ์
เพื่อร่วมหล่อหลอมพลังศรัทธา จากผู้อ่านทั่วประเทศ)

พิธีเข้มขลัง มังคลาภิเษก วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม

วันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ.2543

วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2562

ลานโพธิ์ แจกฟรี พระหลวงปู่ทวด เนื้อแก่ผง พิมพ์หลัง “ นอโม ”

พระหลวงปู่ทวด เนื้อแก่ผง พิมพ์หลัง “ นอโม ”
แจกฟรี พร้อมหนังสือฉบับที่ 925
พระหลวงปู่ทวด เนื้อแก่ว่าน
พิมพ์หลัง " นอโม " ใบโพธิ์
แจกฟรี! พร้อมหนังสือฉบับที่ 913
ปรากฏการณ์พบรอยเท้า หลวงปู่ทวด ที่เหยียบไว้กลางทะเลอำเภอขนอม ซึ่งน้ำในรอยเท้ายังจืดสนิทอยู่จนถึงทุกวันนี้ และ “ ลานโพธิ์ ” ได้นำเอาทรายและแร่ธาตุในรอยเท้านั้นมาสร้าง พระหลวงปู่ทวด เนื้อแก่ว่าน ( สีดำ ) และเนื้อแก่ผง ( สีขาว ) ส่วนหนึ่งให้ทำบุญเพื่อสร้างรูปสลักหินแกรนิต “ ศิลาอมรินทร์ ” ซึ่งผู้อ่าน ลานโพธิ์ ( คุณนาคเสน ) มอบให้ฟรีๆ ขณะนี้การแกะสลักรูป หลวงปู่ทวด ขนาดหน้าตัก 36 นิ้ว เสร็จสิ้นแล้ว และจะนำไปทำพิธีบวงสรวงและปลุกเสกที่อำเภอขนอม ก่อนนำไปประดิษฐานไว้ ณ จุดรอยเท้า หลวงปู่ทวด บนเกาะกลางทะเลอำเภอขนอมต่อไป

วันอังคารที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2562

หลวงพ่อเงิน บางคลาน พิจิตร พระอาจารย์ผู้มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอมตะ

ภาพและเรื่องโดย ชัยรัตน์ โมไนยพงศ์

หลวงพ่อเงิน บางคลาน
เมื่อเอ่ยถึงชื่อ “ หลวงพ่อเงิน บางคลาน ” แล้ว นักสะสมพระเครื่องในปัจจุบันต่างยกย่องให้เป็นเอก หรือเป็น “ เพชรน้ำหนึ่ง ” ของวงการได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ เพราะไม่ว่าด้านอภินิหารความศักดิ์สิทธิ์ วัตถุมงคลของท่านก็ไม่เป็นสองรองใคร ราคาค่างวดในการเช่าหาก็แพงติดอันดับ จนคนเบี้ยน้อยหอยน้อยหากันเป็นเจ้าของได้ยาก ที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงนี้หมายถึงวัตถุมงคลรุ่นเก่าสมัยที่สร้างกันขึ้นในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ส่วนวัตถุมงคลรุ่นใหม่ๆ ก็ศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน โดยเฉพาะพระเครื่องรูปของท่านที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2515 นั้นมีชื่อเสียงมาก แม้จะเป็นของที่ผลิตขึ้นใหม่ไม่กี่ปีมานี้เอง แต่ก็เป็นของที่หาได้ยากเสียแล้ว

ถ้าพูดกันว่า หลวงพ่อเงิน บางคลาน คนทั่วไปก็จะรู้จัก แต่ความจริงวัดที่ท่านเคยอยู่ไม่ได้เรียก วัดบางคลาน แล้ว ปัจจุบันเรียก วัดหิรัญญาราม หรือ วัดวังตะโก เดิมนั่นเอง วัดนี้ตั้งอยู่ที่ ตำบลบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร แต่คนทั่วไปเรียกกันติดปากว่า “ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ” ก็เป็นที่เข้าใจกันว่าหมายถึง หลวงพ่อเงิน องค์นั้น องค์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอมตะนั่นแหละ

วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2562

สุดยอดเกจิอาจารย์ “ ผู้เจนจบศาสตร์แห่งธุดงควัตร ” หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม

ภาพและเรื่องโดย ทวน ทวาราวดี

หลวงพ่ออุตตมะ
หากจะถามว่า ทำไม หลวงพ่ออุตตมะ แห่งวัดวังก์วิเวการาม กาญจนบุรี จึงเข้มขลังพลังพลานุภาพสุดยอด ก็ต้องตอบอย่างกว้างๆ ว่า ท่านเป็นผู้เลิศด้วยการปฏิบัติธรรมอย่างเอกอุ อะไรคือแนวทางปฏิบัติธรรมอย่างเอกอุ ก็ต้องตอบต่อไปว่า ท่านเปี่ยมล้นไปด้วยแนวทางแห่งวิปัสสนากรรมฐานล้วนๆ ซึ่งทั้งสิ้นทั้งปวงเกิดการใช้ชีวิตแต่วัยหนุ่มพรรษาน้อยๆ ด้วยการถือธุดงควัตรเป็นชีวิตตราบจนสิ้นลมปราณทีเดียว เป้าหมายของท่านคือ การล่วงพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง นั่นก็คือ “ การเกิด ” ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์ หากไม่เกิดก็ไม่ทุกข์ การไม่กลับมาเกิดอีกคือเป้าหมายอันแน่วแน่ของหลวงพ่ออุตตมะ

รู้ได้อย่างไรว่า หลวงพ่ออุตตมะ คือพระเถระหนึ่งเดียวที่เจนจบศาสตร์แห่งธุดงควัตร เพื่อเป็นเส้นทางแห่งการพ้นทุกข์โดยแท้ ก็ จากคำกล่าวของท่าน หากจะฟังหรืออ่านอย่างพิจารณาให้ถ่องแท้แล้ว ก็จะต้องบอกได้คำเดียวว่า “ สุดยอด ” ในโอกาสที่ “ นิตยสารลานโพธิ์ ” ได้รวบรวมชีวิตประวัติและมงคลวัตถุของท่าน พิมพ์เป็นเล่มออกเผยแพร่และวางตลาดอยู่ในขณะนี้ จึงขอนำเอาแนวทางธุดงควัตรของท่านซึ่งเป็นเรื่องมีคุณค่าและลึกซึ้งยิ่ง สำคัญที่ว่าเป็นเรื่องจากคำอธิบาย ( โดยย่อ ) ของท่านเองโดยตรง มาฝากท่านผู้อ่าน โดยท่านได้บันทึกไว้ในหนังสือ อุตตมะ 84 ปี ” ดังนี้

วันศุกร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2562

พระอุปัชฌาย์กลั่น ธมฺมโชติ วัดพระญาติการาม จ.อยุธยา สุดยอดพระเกจิแห่งเมืองกรุงเก่า

ภาพและเรื่องโดย..เมธี  ไทยนิกร

ในบรรดาพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทั้งหลายนั้น แน่นอนว่า “ หลวงพ่อกลั่น ” ก็เป็นอีกองค์หนึ่ง ซึ่งไม่เพียงได้รับความเคารพนับถือจากชาว อยุธยา และปริมณฑลเท่านั้น แต่กิตติคุณของท่านยังกล่าวขวัญกันอย่างแพร่หลายไปทั่วประเทศอีกต่างหาก สังเกตได้จากกรณีที่นิตยสารพระเครื่องแทบทุกสำนัก  มักจะนำประวัติหรือเรื่องราวเกี่ยวกับท่านมาเสนอกันอย่างค่อนข้างถี่หรือบ่อยกว่าพระเกจิอาจารย์องค์ไหนๆ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน

ที่สำคัญก็คือ เหรียญ ( รุ่นแรก ) ของท่าน ยังเป็นที่นิยมกันอย่างเอิกเกริกกว้างขวางตลอดมา โดยมูลค่าในการเช่าหามีแต่จะพุ่งสูงขึ้นอย่างพุ่งพรวดพราด ขนาดนับเป็นตัวเลขถึง 5-6 หลักเข้าไปแล้วก็ว่าได้ ทั้งๆ ที่สามารถนำไปถอยรถใหม่ป้ายแดงได้คันหนึ่ง โดยไม่ต้องพรั่นพรึงหรือนอนสะดุ้งผวากับเรื่องดอกเบี้ยที่บานสะพรั่งแบบตลอดกาล ดังนั้นจึงมิพักต้องสงสัยในความ “ เจ๋ง ” ให้เสียเวลา เพราะราคาที่ว่าถือเป็นคำตอบสุดท้ายได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว

วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2562

วัดแห่งพระกริ่ง วัดสุทัศนเทพวราราม ตำนานพระกริ่ง (4)

ภาพและเรื่องโดย อภิวัฒน์ โควินทรานนท์

พระกริ่งใหญ่ : พระกริ่งนอก

ประวัติการสร้าง พระกริ่ง

ประวัติการสร้าง พระกริ่ง ต้องแยกศึกษาเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรก คือการสร้าง พระกริ่ง ในต่างประเทศ ซึ่งมีหนึ่งเดียวคือจีน และเรียกกันทั่วไปว่า “ พระกริ่งนอก ” หรือ “ กริ่งนอก ”

ส่วนหลัง คือการสร้าง พระกริ่ง ในประเทศไทย ซึ่งมีประวัติเริ่มต้นที่วัดบวรนิเวศวิหาร แต่มารุ่งเรืองที่สุดที่ วัดสุทัศนเทพวราราม อาจเรียกได้ว่าเป็น “ พระกริ่งใน ” หรือ “ กริ่งใน ”

สรุปคือ พระกริ่ง ที่สร้างนอกประเทศ และ พระกริ่ง ที่สร้างในประเทศ

วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2562

ปกหน้า ลานโพธิ์ ฉบับที่ 1238 เหรียญรุ่นสองพระครูอุภัยภาดาทร หลวงพ่อขอม อนิโช พ.ศ.2499 วัดไผ่โรงวัว สุพรรณบุรี เดือน กันยายน พ.ศ. 2562 ราคาปก 70 บาท

ปกหน้า ลานโพธิ์ ฉบับที่  1238 เหรียญรุ่นสองพระครูอุภัยภาดาทร หลวงพ่อขอม อนิโช พ.ศ. 2499 วัดไผ่โรงวัว สุพรรณบุรี เดือน กันยายน พ.ศ. 2562 ราคาปก 70 บาท แจกฟรี โปสเตอร์ หลวงพ่อขอม อนิโช วัดไผ่โรงวัว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี “ พระเถระผู้มากด้วยบุญญาบารมีสูงส่งแห่งสุพรรณบุรี ” ชุดที่ 2

ลานโพธิ์ ฉบับนี้ปกหน้าเป็นภาพ เหรียญรุ่นสอง ของ หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว เหตุที่นำเหรียญรุ่นสองปี พ.ศ.2499 มาลงแทนเหรียญรุ่นแรกปี พ.ศ.2497 ก็เนื่องจากเหรียญรุ่นนี้มีฝีมือการแกะพิมพ์งดงามกว่า และมีความนิยมมากกว่านั่นเอง ซึ่งได้รับความเอื้อเฟื้อภาพจาก คุณ ธนเสฏฐ์  นิธิศรีวงศ์ จึงขอขอบคุณไว้ ณ โอกาสนี้ นอกจากเหรียญแล้ว หลวงพ่อขอม จัดว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ที่สร้างวัตถุมงคลไว้มาก โดยเฉพาะเนื้อดินพิมพ์ต่างๆ ซึึ่งสร้างไว้นับล้านองค์ ซึ่ง ลานโพธิ์ จะได้ทยอยนำมาเสนอในหน้ากลางในโอกาสต่อๆ ไป เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้รู้จักมงคลวัตถุอันหลากหลายของท่าน

วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2562

วัดแห่งพระกริ่ง วัดสุทัศนเทพวราราม (3)

ภาพและเรื่องโดย อภิวัฒน์ โควินทรานนท์
พระอุโบสถวัดมหายาน จะประดิษฐานพระประธาน 3 องค์
เรียก “ซำฮุด” องค์กลางคือ พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า องค์ด้านซ้ายมือ
พระอมิตถะพุทธเจ้า องค์ด้านขวาคือ พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า

ตำนานพระกริ่ง

พระกริ่ง เป็นสุดยอดพระเครื่องเนื้อโลหะ ความสุดยอดของ พระกริ่ง นั้น มาจากประวัติความเป็นมาของพระกริ่ง 1 เนื้อโลหะในการสร้างพระกริ่ง 1 พิธีกรรมในการสร้าง พระกริ่ง 1 ทั้ง 3 ประการนี้ ไม่มีพระเครื่องเนื้อโลหะประเภทใดเทียบเทียมได้


ประวัติความเป็นมาของ พระกริ่ง

ประวัติของ พระกริ่ง นั้น จะขอแยกพิจารณาเป็น 2 ส่วน คือในส่วนที่เป็นนามธรรม และในส่วนที่เป็นรูปธรรม

ประวัติ พระกริ่ง ที่เป็นนามธรรม คือ ปรัชญาความเชื่อเรื่อง พระกริ่ง หรือต้นกำเนิดของ พระกริ่ง

ประวัติ พระกริ่ง ที่เป็นรูปธรรม คือ การสร้าง พระกริ่ง พระกริ่ง ชนิดต่างๆ

วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562

วัดแห่งพระกริ่ง วัดสุทัศนเทพวราราม กรุงเทพฯ (2)

ภาพและเรื่องโดย อภิวัฒน์ โควินทรานนท์

( 19 ) เนื่องจากพระอุโบสถมีขนาดใหญ่มาก โดยเฉพาะยาวที่สุดถึง 13 ห้อง กำแพงแก้วรอบพระอุโบสถ นอกจากมีซุ้มพัทธสีมา 8 ทิศ 8 ซุ้ม อันเป็นภาคบังคับของพระอุโบสถแล้ว ก็ได้ทำซุ้มประตูทางขึ้นลานประทักษิณอีกด้านละ 2 ประตู 4 ด้านพระอุโบสถ รวม 8 ประตู แล้วยังเหลือที่ว่างอีกมาก จึงได้ทำ เกยโปรยทาน บนกำแพงแก้ว 2 ข้างพระอุโบสถ ระหว่างซุ้มพัทธสีมากับซุ้มประตูด้านละ 4 เกย รวม 8 เกย พระอุโบสถ วัดสุทัศน์ จึงเป็นพระอุโบสถเดียวในประเทศไทยที่มีเกยโปรยทาน และมีมากถึง 8 เกย

( 20 ) พระตรีโลกเชษฐ์ พระประธานพระอุโบสถ วัดสุทัศน์ เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดที่รัชกาลที่ 3 ทรงสร้าง และเป็นพระพุทธรูปหล่อโลหะองค์ใหญ่ที่สุดในสมัยรัตนโกสินทร์ มีพุทธลักษณะพิเศษแบบพระรัชกาลที่ 3 อยู่ประการหนึ่งคือ “ ทรงนุ่งห่มเป็นปริมณฑลถูกต้องตามพระวินัย โดยทรงครองจีวรลดไหล่แนบพระกัจฉะ ( รักแร้ ) ปิดพระถันเบื้องขวามิดชิด ” ซึ่งต่างจากพระพุทธรูปสมัยโบราณทั้งหลาย ตั้งแต่สมัยทวาราวดีถึงสมัยปัจจุบัน ล้วนห่มจีวรลดไหล่ลงมาจนเห็นนมข้างหนึ่ง การห่มจีวรเท่ๆ จนเห็นหัวนมนั้น อาบัติทุกกฎครับ และรับรองว่าพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลายไม่มีใครกล้าห่มจีวรแบบนี้ออกจากวัด แล้วเหตุไฉนพระศาสดาจึงครองจีวรอาบัติเสียเองเล่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวคงจะทรงตระหนักดังนี้ พระพุทธรูปที่รัชกาลที่ 3 ทรงสร้างจึงห่มจีวรเรียบร้อย ( นุ่งห่มเป็นปริมณฑล ) ไม่เห็นนมอย่างพระตรีโลกเชษฐ์ทั้งสิ้น และพระพุทธรูปที่รัชกาลที่ 4 ที่ 5 ทรงสร้างต่างก็ถือคตินี้เช่นกัน

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562

วัดแห่งพระกริ่ง วัดสุทัศนเทพวราาม กรุงเทพฯ (1)

ภาพและเรื่องโดย อภิวัฒน์ โควินทรานนท์

พระศรีศากยมุนี ซึ่งพระบาทสมเด็จ
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
โปรดฯให้อัญเชิญมาจากวัดมหาธาตุ สุโขทัย
มาประดิษฐาน ณ พระวิหารหลวง
ก่อนที่ท่านผู้อ่านจะรู้จักพระกริ่งวัดสุทัศน์ : ที่จับต้องได้ ” ผู้เขียนจะขอนำท่านผู้อ่านให้รู้จัก “ วัดสุทัศนเทพวราราม : วัดแห่งพระกริ่ง ” เสียก่อน โดยจะนำเสนอเรื่อง วัดสุทัศนเทพวราราม ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม ศาสนสถาน ศาสนวัตถุ ศาสนบุคคล ตลอดจนศาสนพิธี เป็นข้อๆ ดังนี้คือ

( 1 ) ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ยกย่อง วัดสุทัศน์ ว่า “ เป็นวัดที่มีผังวัดสวยที่สุดในกรุงรัตนโกสินทร์ ” เพราะผัง วัดสุทัศน์ นั้นเป็นผังที่สมมาตร ( Symmetry ) โดยมีพระวิหารหลวงเป็นศูนย์กลาง ล้อมรอบด้วยพระระเบียง วางพระอุโบสถเป็นฉากหลัง หลังพระอุโบสถเป็นเขตสังฆาวาส หมู่กุฏิเป็นแถวเป็นแนวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่มีวัดใดเหมือน

วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2562

หลวงพ่อพาน สุขกาโม วัดโป่งกะสัง อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ภาพและเรื่องโดย สุธน ศรีหิรัญ

หลวงพ่อพาน สุขกาโม
วัดโป่งกะสัง ประจวบคีรีขันธ์
เกจิอาจารย์ในแถบจังหวัดเพชรบุรี และ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่โด่งดังตั้งแต่อดีตมามีหลายองค์ หนึ่งในจำนวนนั้นก็มี หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง ที่มีลูกศิษย์ลูกหาแถบนี้มากมาย สืบสายกันต่อมาคือ หลวงพ่อแผ่ว วัดโตนดหลวง หลวงพ่อนิ่ม วัดเขาน้อย หลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง และ หลวงพ่อพาน วัดโป่งกะสัง ซึ่งดูเหมือนจะมีอาวุโสน้อยกว่าองค์อื่นๆ ซึ่งจะเล่าเรื่องของท่านให้ทราบ เพราะท่านมีวัตถุมงคลที่ลือเลื่องกระเดื่องนามด้านประสบการณ์มากมาย กล่าวขวัญกันจนอธิบายไม่จบ หลวงพ่อพาน นอกจากจะได้เรียนรู้วิทยาคมสาย หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวงแล้ว ยังได้รับวิชาพุทธาคมมาจากสาย หลวงพ่อฉุย วัดคงคารามอีกด้วย เนื่องจากท่านได้ศึกษากับ หลวงพ่ออินทร์ วัดยาง ซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อฉุย นัยว่า หลวงพ่อพาน เป็นศิษย์รักชนิดก้นกุฏิของหลวงพ่ออินทร์ทีเดียว จึงไม่ต้องเป็นที่สงสัยเลยว่า ทำไมวัตถุมงคลของหลวงพ่อพาน วัดโป่งกะสัง จึงโด่งดังด้านประสบการณ์ จนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ใครมีวัตถุมงคล ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ตาม ขอให้เป็นของ หลวงพ่อพาน สุขกาโม วัดโป่งกะสัง “รับรองว่าปลอดภัยจากสรรพภัยนานาชนิดได้อย่างสบายมาก”

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ขอเชิญศิษย์กวิศร์-วินิตศึกษา และสาธุชนทั่วไป บูชารูปหล่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อ “พระพุทธวรญาณ” เนื่องในวาระครบรอบ 10 ปี วันมรณภาพ วันที่ 17 ธันวาคม 2545

รูปหล่อบูชาพระเดชพระคุณหลวงพ่อ “พระพุทธวรญาณ”
อดีตเจ้าอาวาสวัดกวิศราราม ราชวรวิหาร เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี
เจ้าคณะภาค ๖ ผู้ให้กำเนิดโรงเรียนวินิตศึกษา ในพระราชูปถัมภ์ฯ
ในโอกาสที่วาระสำคัญ ได้เวียนมาบรรจบครบรอบ 10 ปี วันมรณภาพ ของพระเดชพระคุณ หลวงพ่อ “ พระพุทธวรญาณ ” สมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียน วินิตศึกษา โดย พลตรี พัลลภ อาชวาคม นายกสมาคมฯ และคณะกรรมการสมาคมฯ จัดสร้างรูปหล่อบูชาเนื้อโลหะผสมรมผิวมันปู พระเดชพระคุณ หลวงพ่อ “ พระพุทธวรญาณ ” เป็นรูปยืนถือไม้เท้า ขนาดสูง 13.5 นิ้ว ใต้ฐานรูปหล่อบูชาฯบรรจุผงเถ้าอังคารของพระเดชพระคุณ หลวงพ่อ “ พระพุทธวรญาณ ”

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ชี้ช่อง มองของดี พระหลวงพ่อเนียม ที่พบใหม่

พระกริ่งคลองตะเคียน (หน้าใหญ่ สองหน้า)
“ หลวงพ่อเนียม ”  เป็นชาวบ้านวัดป่าพฤกษ์  ตำบลตะค่า  อำเภอบางปลาม้า  จังหวัดสุพรรณบุรี  บิดาเป็นชาวบ้านส้อง  ตำบลมดแดง  อำเภอศรีประจันต์  สุพรรณบุรี  มารดาเป็นชาวบ้านป่าพฤกษ์ฯ
หลวงพ่อเกิดเมื่อ พ.ศ.2372  เมื่อเด็กไปอยู่วัดในกรุงเทพฯ  ไม่มีใครรู้ชัดว่าท่านไปอยู่วัดไหน  ผู้ใหญ่รุ่นหลังไม่มีใครเกิดทัน  คุณทองหยด  จิตตวีระ อดีตผู้แทนราษฎรจังหวัดสุพรรณบุรี  อดีต รมว.กระทรวงสาธารณสุข  ให้ข้อสันนิษฐานว่า