![]() |
หลวงพ่อเงิน บางคลาน |
ถ้าพูดกันว่า หลวงพ่อเงิน บางคลาน คนทั่วไปก็จะรู้จัก แต่ความจริงวัดที่ท่านเคยอยู่ไม่ได้เรียก วัดบางคลาน แล้ว ปัจจุบันเรียก วัดหิรัญญาราม หรือ วัดวังตะโก เดิมนั่นเอง วัดนี้ตั้งอยู่ที่ ตำบลบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร แต่คนทั่วไปเรียกกันติดปากว่า “ หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน ” ก็เป็นที่เข้าใจกันว่าหมายถึง หลวงพ่อเงิน องค์นั้น องค์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอมตะนั่นแหละ
เดิม ตำบลบางคลาน มีฐานะเป็นอำเภอ เนื่องจากตัวอำเภออยู่ห่างจากเส้นทางคมนาคมหลักมาก ทางราชการจึงได้ย้ายที่ทำการไปตั้งใหม่ที่โพทะเล และเรียกชื่ออำเภอว่า อำเภอโพทะเล ส่วน อำเภอบางคลาน เดิมก็ลดฐานะลงเป็น ตำบลบางคลาน ให้ขึ้นอยู่กับ อำเภอโพทะเล การเปลี่ยนชื่อนี้ได้ทำเมื่อปี พ.ศ.2480 แต่คนทั่วไปก็ยังเรียก หลวงพ่อเงิน ว่า หลวงพ่อเงิน บางคลาน มาโดยตลอด
![]() |
รูปหล่อหลวงพ่อเงิน ประดิษฐานอยู่ที่วัดบางคลาน |
ชื่อ หลวงพ่อเงิน โด่งดังยิ่งกว่าชื่อของวัด
ประวัติของ หลวงพ่อเงิน นั้น เมื่อฟังผู้เฒ่าเล่าให้ฟังแล้วจะเห็นว่ามีความพิสดารมาก บางอย่างก็เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ จะเป็นจริงอย่างนั้นหรือไม่ ไม่มีใครทราบ เพราะเป็นเพียงคำบอกกล่าวเท่านั้น การที่ข้าพเจ้าจะนำมาเขียนก็ต้องพิจารณากลั่นกรอง สิ่งที่เหลือเชื่อก็นำมาเขียนไม่ได้ แทนที่จะเป็นผลดีต่อท่านก็กลับจะเป็นผลเสีย เพราะไม่มีใครเชื่อเราต้องยอมรับกันไว้ประการหนึ่งก็คือ ชื่อเสียงและเกียรติคุณของท่านโด่งดังยิ่งกว่าชื่อของวัด ถ้าใครเอ่ยชื่อ วัดหิรัญญาราม ก็คงมีคนรู้จักน้อย ถ้าเอ่ยชื่อ หลวงพ่อเงิน บางคลาน คนจะรู้จักทันที อย่างนี้จะไม่ยอมรับอีกหรือว่าชื่อของท่านโด่งดังกว่าชื่อของวัดที่ท่านสร้างและอาศัยอยู่
ประวัติ หลวงพ่อเงิน
หลวงพ่อเงิน เป็นชาวบ้าน บางคลาน อำเภอบางคลาน ( ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็น อำเภอโพทะเล ) จังหวัดพิจิตร เป็นบุตรคนที่ 4 ของ นายอู๋ นางฟัก เกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน 10 ปีฉลู มีพี่น้องรวมทั้งสิ้น 6 คนด้วยกัน ดังนี้1. ตาพรหม เป็นพีี่ชายคนโต
2. ยายทับ ( ไม่ทราบนามสกุล )
3. ตาทอง หรือตาภุมรา เป็นนายกองส่วยรัชชูปการ และเป็นหมอใหญ่ที่เชี่ยวชาญในวิชาแพทย์แผนโบราณ ในสมัยนั้นมีชื่อเสียงโด่งดังมาก การที่มีชื่อเสียงโด่งดังในทางหมอ และเก็บส่วยน้ำผึ้งนี้ จึงได้มีชื่อใหม่ว่า “ ภุมรา ”
4. หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ
5. ตาหลำ
6. ยายรอด ( ไม่ทราบนามสกุล )
เมื่อ หลวงพ่อเงิน อายุได้ 3 ขวบ ตาช้าง ซึ่งเป็นลุงของหลวงพ่อได้นำเอาหลวงพ่อไปเลี้ยงไว้ที่กรุงเทพฯด้วย ต่อมาเป็นวันเดือนปีใดไม่ทราบ หลวงพ่อเงิน ได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดตองปุ ( ปัจจุบันคือ วัดชนะสงคราม กรุงเทพฯ ) เมื่ออายุได้ 12 ขวบ แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นอุปัชฌาย์ พออายุได้ 20 ปี บิดา-มารดาและบรรดาญาติพี่น้องมีความประสงค์จะให้หลวงพ่ออุปสมบท แต่หลวงพ่อไม่ยอมบวช เพราะเกรงว่าอายุของท่านจะไม่ครบบริบูรณ์จริง บรรดาญาติก็อนุโลมตามจนกระทั่งหลวงพ่ออายุได้ 22 ปี ตรงกับ พ.ศ.2373 และได้กำหนดวันอุปสมบทในปีนี้
จากปีที่อุปสมบทดังกล่าวนี่เอง ทำให้ค่อนข้างจะแน่ใจว่า ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ.2351 ซึ่งเชื่อถือได้มากกว่าปีอื่นๆ
![]() |
รูปหล่อลอยองค์ พิมพ์ขี้ตา |
อุปสมบท
ก่อนที่ หลวงพ่อเงิน จะบวชเป็นพระ ท่านได้สึกจากการเป็นสามเณรเมื่ออายุครบ 20 ปี และได้เดินทางกลับไปสู่บ้านเกิดเมืองนอน คือที่ จังหวัดพิจิตร ระหว่างที่สึกออกมานี้ด้วยความที่เป็นหนุ่มวัยฉกรรจ์ ท่านได้ไปชอบพอกับสาวชาวบ้านชื่อ เงิน เช่นเดียวกัน แต่ด้วยมิใช่เนื้อคู่จึงทำให้ต้องแคล้วคลาดจากกัน มีเรื่องเล่ากันว่า เมื่อครั้งที่ท่านไปมาหาสู่ที่บ้านสาว ตอนขึ้นบ้านขั้นบันไดเกิดหักขึ้นมาทำให้ท่านตกบันได หลวงพ่อจึงเกิดความอายและไม่ได้ไปหาสาวคนนั้นอีกเลย![]() |
รูปหล่อหลวงพ่อเงิน พิมพ์ขี้ตาจีวร 3 เส้น |
ระหว่างที่ท่านบรรพชาเป็นสามเณรนั้น ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนภาษาบาลีจนแตกฉานพอสมควร เมื่ออุปสมบทแล้วก็ได้เดินทางกลับไปศึกษาเพิ่มเติมอีก รวมทั้งด้านวิปัสสนาธุระด้วยประมาณ 3-4 ปี พอดีคุณปู่ป่วยหนักถึงถูกตามตัวกลับ อำเภอโพทะเล หลังจากนั้นไม่มีหลักฐานใดยืนยันว่า ท่านได้เดินทางกลับไปกรุงเทพฯเพื่อศึกษาเพิ่มเติมอีกหรือไม่
![]() |
รูปหล่อหลวงพ่อเงิน พิมพ์เล็ก |
ชีวประวัติที่คลุมเครือ
เมื่อท่านกลับไปอำเภอ บางคลาน แล้ว ขณะนั้นคงมีอายุราว 25-26 ปี ท่านได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดคงคารามเป็นเวลาประมาณ 1 ปี ซึ่งอุปนิสัยของท่านเข้ากับ อาจารย์โห้ ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดคงคารามในขณะนั้นไม่ได้ เพราะอาจารย์โห้เป็นพระที่พูดเสียงดังเอะอะโวยวาย ไม่เหมือนกับท่านที่เป็นพระสันโดษใฝ่วิปัสสนา จึงแยกตัวออกไปจากวัดคงคาราม ตอนนี้แหละที่ประวัติของท่านสับสน บางท่านก็ว่า หลวงพ่อเงิน นย้ายไปอยู่ที่ วัดบางคลาน หรือ วังตะโก เลยหักเอากิ่งโพธิ์จากวัดคงคารามไปด้วย เป็นกิ่งโพธิ์เสี่ยงทายนำไปปลูกที่วัดวังตะโกวัดวังตะโก หรือ วัดบางคลาน นั้น หลวงพ่อเงิน ได้ใช้ชีวิตในบั้นปลายของท่านที่นี่ ก่อนหน้านี้ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดท้ายน้ำ ได้อยู่ร่วมกับ หลวงพ่อเขียว ซึ่งเป็นเจ้าอาวาส วัดท้ายน้ำ ในขณะนั้น หลวงพ่อเขียวเป็นคนแถบอยุธยา เป็นผู้ที่เรืองวิชาอาคมเช่นเดียวกับ หลวงพ่อเงิน เดิมท่านอาศัยอยู่ที่แพริมน้ำใต้ต้นโพธิ์หน้าวัด เมื่อ หลวงพ่อเงิน มาอยู่ด้วยใหม่ๆ ก็ลงไปอยู่ที่แพแต่อยู่กันคนละห้อง ต่อมาเมื่ออาคารถาวรของวัดท้ายน้ำเสร็จ ท่านจึงได้ขึ้นมาอยู่ในบริเวณวัด
![]() |
รูปหล่อหลวงพ่อเงิน พิมพ์ขี้ตาจีวร 4 ชาย บางท่านอาจเรียกจีวร 4 ชายริ้วคว่ำ โปรดสังเกต ริ้วจีวรด้านแขนซ้ายจะโค้งคว่ำเข้าหาสังฆาฏิ |
หลวงพ่อเงิน ขณะอยู่ที่ วัดท้ายน้ำ ท่านไม่ต้องการตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น คือเพียงมาอาศัยอยู่ในฐานะลูกวัด แต่ก็มีผู้เลื่อมใสท่านมากกว่าพระองค์อื่นๆ ในวัด ท่านสนิทสนมกับหลวงพ่อเขียวมาก ผู้เฒ่าในหมู่บ้านท้ายน้ำหลายท่านซึ่งมีชีวิตอยู่ในขณะนี้สามารถยืนยันเหตุการณ์ในอดีตได้เป็นอย่างดี
![]() |
ลุงเลียบ พูลชัยนาท อายุ 87 ปี (พ.ศ.2527) |
![]() |
รูปหล่อหลวงพ่อเงิน พิมพ์ขี้ตาจีวร 5 ชาย บางท่านอาจเรียกพิมพ์ 4 ชาย จีวรเฉียงก็มี พระองค์นี้แม้เส้นจีวรจะเลอะเทอะ แต่ก็ดูออก เพราะเส้นจีวรจะใหญ่ |
มีทัศนะเดียวที่เป็นไปได้ก็คือ เมื่อท่านจากวัดคงคารามนำต้นโพธิ์มาปลูกแล้ว อาจจำพรรษาอยู่ที่นี่สักระยะหนึ่ง แล้วจึงออกธุดงค์ไปที่อื่นนานถึง 50 ปี แล้วจึงกลับมาอยู่ที่ วัดบางคลาน ที่ท่านริเริ่มสร้างไว้ ที่ท่านอยู่ วัดบางคลาน ไม่กี่ปีนั้นอาจเป็นความจริงก็ได้ เพราะถาวรวัตถุที่ วัดบางคลาน ที่ท่านสร้างไว้มีน้อยมาก เปรียบเทียบแล้วสู้วัดท้ายน้ำไม่ได้ ข้าวของเครื่องใช้ของท่านก็มีหลงเหลืออยู่ที่วัดท้ายน้ำมาก วัดบางคลาน ถูกทิ้งร้างมานาน มาได้รับการบูรณะให้เจริญในสมัย หลวงพ่อเปรื่อง นี่เอง
![]() |
พระรูปหล่อพิมพ์จอบใหญ่ |
![]() |
พระรูปหล่อพิมพ์จอบใหญ่ |
![]() |
พระพิมพ์จอบเล็ก |
หลวงพ่อเงิน อายุล่วงเข้าวัยชราภาพ
หลวงพ่อเงิน ได้มรณภาพด้วยโรคชรา อายุของ หลวงพ่อเงิน เมื่อได้ประมวลดูแล้ว อายุประมาณ 111 ปี ท่านได้มรณภาพเมื่อวันศุกร์ แรม 11 ค่ำ เดือน 10 ปีมะแม เวลา 05.00 น. ตรงกับวันที่ 20 กันยายน พ.ศ.2462 ณ วัดวังตะโก ตำบลบางคลาน อำเภอบางคลาน ( โพทะเล ) จังหวัดพิจิตร ส่วนทาง คุณลุงแปลก สุขนวล เล่าว่า หลวงพ่อมรณภาพเมื่อวันศุกร์ ปีมะเมีย เดือน 10 ท่านพระครูวิจิตรวุฒิกร อดีตเจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำ ได้เขียนแสดงความเห็นไว้ว่า“อาตมาเทียบปฏิทินแล้วไม่ตรง คุณหมอแปลกบอกว่า หลวงพ่ออายุ 107 ปี แต่ทางอื่นได้สอบสวนแล้วว่า หลวงพ่อเงิน มีอายุประมาณ 111 ปี มีพรรษา 90 ฉะนั้น อาตมาจึงสืบหาเหตุผลมาพิจารณา ถ้าใครรู้แน่นอนแล้วก็ให้นำมาเปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่”
![]() |
ศาลาหลังเก่าสร้างด้วยไม้ที่หลวงพ่อเงินสร้างไว้ สมัยท่านอยู่วัดท้ายน้ำ |
ถ้าหลวงพ่อมีอายุยืนยาวถึง 111 ปีจริง ท่านก็จะมีอายุอ่อนกว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์โตอยู่เพียง 20 ปีเท่านั้น คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์สิ้นชีพิตักษัยเมื่อปี พ.ศ.2415 นั้น หลวงพ่อเงินจะต้องมีอายุถึง 60 ปีแล้ว และหลวงพ่อก็มีอายุยืนยาวต่อมาอีก 47 ปี จึงมรณภาพ นับว่าท่านอายุยืนยาวมาก วิทยาคมจึงแก่กล้าเป็นธรรมดา จึงไม่เป็นที่น่าสงสัยเลยว่าทำไมชาวบางคลานจึงยกย่องท่านเป็นเทพเจ้าผู้ทรงความศักดิ์สิทธิ์เป็นอมตะแห่งอำเภอโพทะเล ( สมเด็จพระพุฒาจารย์โต ชาตะ พ.ศ.2331 สิ้นชีพิตักษัย พ.ศ.2451 )
เรื่องราว ประวัติชีวิต และวัตถุมงคล หลวงพ่อเงิน บางคลาน เทพเจ้าแห่งโพทะเล พิจิตร ได้รวบรวมนำมาเสนอเป็นรูปเล่ม ฉบับที่เรียกว่า มาตรฐานสูงสุดในวงการก็ว่าได้ เพราะเป็นฝีมือการเขียนค้นคว้าระดับคุณภาพคับแก้วของผู้มีนามว่า ชัยรัตน์ โมไนยพงศ์ ผลงานของท่านเป็นที่ยอมรับในวงการว่า ข้อมูลเนื้อหา ที่นำมาเสนอ ถูกต้อง ชัดเจน และครบถ้วน หนังสือเล่มนี้ ลานโพธิ์ เคยพิมพ์เผยแพร่ไปนานนับสิบปีมาแล้ว เป็นหนังสือดี หนังสือหายากในปัจจุบัน หลายวันมานี้ ลานโพธิ์ ได้พบหนังสือดังกล่าวตกค้างอยู่พอสมควร ท่านผู้ใดอยากได้ก็ต้องรีบติดต่อขอซื้อเข้าไปที่ สำนักงานนิตยสาร ลานโพธิ์ โอกาสดีของท่านในวันนี้ จะได้อ่านหนังสือดีข้อมูลชัดเจนที่หาได้ยากในปัจจุบัน
( ที่มา : ลานโพธิ์ ฉบับที่ 799 หลวงพ่อเงิน บางคลาน พิจิตร พระอาจารย์ผู้มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอมตะ ตอนที่ 1 ภาพและเรื่องโดย ชัยรัตน์ โมไนยพงศ์ ปักษ์หลัง เดือน มกราคม พ.ศ. 2543 ราคาปก 40 บาท )
วันนี้! อ่านหนังสือ ลานโพธิ์ บน i-Pad หรือ Tablet computer ได้ทั่วโลกแล้ว ตามลิงค์นี้
สามารถหาอ่านหนังสือ ลานโพธิ์ ในรูปแบบ E-book ได้แล้วจร้า..