ภาพและเรื่องโดย เอกลักษณ์ เพริศพริ้ง
ท่านผู้อ่านคิดว่า “ หลวงพ่ออุป วัดตานิม, หลวงพ่อมาก วัดโตนด และหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว เก่งทางคาถาอาคมหรือไม่ ” ผู้เขียนขอตอบแทนท่านแบบ “ รัวๆ ” เลยว่า “ เก่ง ” ท่าน “ เก่งจริงๆ ” ตัวอย่างเช่น มีครูฝึกทหารใหม่เป็น “ นักเลงยิงพระ ” บังคับเอาวัตถุมงคลของทหารเกณฑ์ไปลองยิงเพื่อข่มขวัญ แต่ปรากฏว่า “ ยิงเท่าไหร่ก็ไม่ออก ” จนต้องยอมมากราบขอขมาลาโทษเจ้าของวัตถุมงคลดังกล่าวถึงที่วัด และวัตถุมงคลที่ว่าก็คือ “ รูปถ่ายรุ่นแรกของหลวงพ่ออุป ” หรือผู้ที่แขวนเหรียญรุ่นแรกของ หลวงพ่อมาก แล้วถูกคู่อริใช้ปืนขนาด ๑๑ มม. จ่อยิงแบบเผาขนจนกระเด็นตกบ้าน แต่ก็ “ ยิงไม่เข้า ” จนเป็นที่เลื่องลือ หรือที่ผู้แขวนพระเครื่องของ หลวงพ่อซวง แล้วโดนยิงก็ยิงไม่เข้าอีกเช่นกัน จนกลายเป็นเรื่องซ้ำซาก ชาวบ้านจึงพากันขนานนามเรียกท่านว่า เทพเจ้าแห่งเมืองสิงห์ ฯลฯ
ทีนี้ท่านผู้อ่านคิดว่า “ ผู้ที่สอนวิชาอาคมให้กับพระเกจิอาจารย์ที่กล่าวมาข้างต้นจะเก่งขนาดไหน ” ผู้เขียนขอตอบแทนท่านผู้อ่านก่อนอีกตามเคยว่า “ เก่งมากๆ ” ส่วนอภินิหารที่เกิดจากวัตถุมงคลของท่านพระอาจารย์ เล่ากันเป็นวันๆ ก็ยังไม่จบ เอาเป็นว่า “ มงคลวัตถุของท่าน หากใครมีไว้ ก็จะหวงแหนราวกับทรัพย์สินเงินทองของมีค่ากันเลยทีเดียว ” บางบ้านถึงกับเอาพระเครื่องของท่านใส่ไว้ในพินัยกรรม มอบเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น แนวๆ ว่า “ มีเงิน ก็ใช่ว่าจะได้ครอบครอง ”
สำหรับคำว่า “ เก่งมากๆ ” ที่เอ่ยไปในย่อหน้าก่อน ผู้เขียนเห็นว่า “ ยังไม่สมศักดิ์ศรีแห่งท่าน ” แต่ผู้เขียนก็ยังหา “ คำ ” ที่เหมาะสมไปกว่านั้นไม่ได้ เอาเป็นว่า ท่านเก่งระดับตำนาน ความขลังในมนต์คาถาของท่าน ก็จัดอยู่แถวหน้าแวดวงพุทธเวทแห่งแดนสยาม และพระเถราจารย์ที่เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาอาคมให้กับเหล่าพระเกจิอาจารย์ดังกล่าวที่ว่ามา ก็คือ “ หลวงพ่อแป้น แห่งวัดเสาธงใหม่ ” นั่นเอง
วันนี้ผู้เขียนจักขออนุญาตนำเสนอชีวประวัติของ “ หลวงพ่อแป้น ” วัดเสาธงใหม่ อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กันสักหน่อย ท่านผู้อ่านจะได้ทราบว่า หลวงพ่อแป้น ท่านนี้ คือสุดยอดปรมาจารย์ด้านไสยศาสตร์ตัวจริงที่มีคุณวิเศษมากมายสุดเหลือคณานับ ส่วนวัตถุประสงค์ในการเผยแพร่ชีวประวัติและเกียรติคุณของ หลวงพ่อแป้น ในครั้งนี้นั้น ก็เพื่อประกาศให้สาธุชนผู้คนทั่วทั้งแผ่นดินได้รู้ว่า “ ในทำเนียบพระเถราจารย์ผู้ชำนาญเวทของเมืองไทย ถ้าให้ถูกต้องแล้วล่ะก็ จะต้องมีชื่อของหลวงพ่อแป้นจารึกรวมอยู่ด้วย จึงจะเต็มตำนาน ”
แต่เดิมมีชื่อว่า “ วัดใหม่ไชยวิชิตราษฎร์ศรัทธาธรรม ” หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ วัดใหม่ไชยวิชิต ” หรือ “ วัดไชยวิชิต ” แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่มักจะเรียกกันติดปากว่า “ วัดเสาธงใหม่ ” โดยได้รับวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ.๒๔๒๐
“ วัดใหม่ไชยวิชิตราษฎร์ศรัทธาธรรม ” ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๓ และได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น “ วัดเสาธงใหม่ ” ตามชาวบ้านเรียก นับจากนั้นเป็นต้นมา
“ วัดเสาธงใหม่ ” มีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในยุคของ “ หลวงพ่อแป้น ” เป็นเจ้าอาวาส เนื่องจากท่านเป็นพระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทั้งยังเชี่ยวชาญชำนาญด้านไสยศาสตร์ทุกรูปแบบ แบบที่ว่าหาผู้เสมอเหมือนได้ยากยิ่ง ส่วนศิลปกรรมที่โดดเด่นของวัดเสาธงใหม่ก็คือ หน้าบันของพระอุโบสถนั้น ปั้นเป็นภาพนูนต่ำรูปพุทธประวัติตอนปฐมเทศนา นับว่าเป็นงานปั้นที่งดงามยิ่ง และที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของวัดเสาธงใหม่ก็คือ พระภิกษุสงฆ์จะใช้เรือออกบิณฑบาตในตอนเช้า โดยจะพายเรือไปตามลำน้ำลพบุรี ซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจหาที่ไหนไม่มีอีก
ลำดับเจ้าอาวาส
๑. พระอิน
๒. พระอธิการพันธุ์
๓. หลวงพ่อแป้น อุตฺตโม
๔. พระอธิการธูป พฺรหฺมโชโต
๕. พระอธิการสะอาด อาจารสมฺปนฺโน
๖. พระอธิการบุญช่วย โชติปญฺโญ พ.ศ.๒๕๒๕-๒๕๒๙
๗. พระครูธรรมาภิรักษ์ พ.ศ.๒๔๓๓-ปัจจุบัน
หลวงพ่อแป้น อุตตโม “ หลวงพ่อแป้น ” มีนามเดิมว่า “ แป้น ” เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๐๒ ปีมะแม ณ ตำบลกุดนกเปล้า อำเภอปากเพรียว จังหวัดสระบุรี ไม่มีการจดบันทึกชื่อบิดา-มารดาและญาติพี่น้องของท่านเอาไว้ ท่านมีนามสกุลว่า “ ศรีพา ” เมื่อมีอายุครบบวชก็อุปสมบท ณ วัดแคนอก ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี โดยมี หลวงพ่อแดง เจ้าอาวาสวัดแคนอก เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายา “ อุตตโม ” แปลว่า “ สูงสุด ”
“ หลวงพ่อแป้น ” ท่านเป็นผู้มีใจใฝ่รู้ในทางไสยศาสตร์มาตั้งแต่เป็นเด็ก เมื่อท่านบวชเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านได้เดินทางไปเรียนบาลีและมูลกัจจายน์ที่วัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร ครั้นพอเรียนจบแล้วท่านก็ไปศึกษาสมถวิปัสสนากรรมฐานและพุทธาคมกับ “ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( มา ) แห่งวัดสามปลื้ม ” จากนั้นก็ได้เดินทางไปเรียนอาคมกับ “ หลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาส ( วัดบางเหี้ย ) ” ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อ “ หลวงพ่อแป้น ” มีพลังจิตเข้มแข็งอาคมเข้มขลังแล้ว ท่านก็ออกธุดงควัตรตามรอย “ หลวงพ่อปาน ” ผู้เป็นพระอาจารย์
และในขณะที่ “ หลวงพ่อแป้น ” เดินธุดงค์อยู่ในจังหวัดนครปฐมอยู่นั้น ท่านก็ได้พบกับสุดยอดปรมาจารย์จอมเวทย์อีกท่านหนึ่งของเมืองไทย ใช่แล้ว! ท่านผู้นั้นก็คือ “ หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ” นั่นเอง หลวงพ่อแป้น ใช้เวลาเรียนอาคมกับหลวงพ่อทาอยู่เป็นพักใหญ่ จากนั้นท่านก็ได้มาขอเป็นลูกศิษย์เรียนวิชากับ “ หลวงปู่นาค แห่งวัดห้วยจระเข้ ” ตามคำแนะนำของหลวงพ่อทา และในระหว่างที่ หลวงพ่อแป้น อยู่ในมณฑลนครชัยศรี ท่านก็พบกับ “ หลวงปู่บุญ แห่งวัดกลางบางแก้ว ” ท่านจึงขอเรียนวิชาอาคมด้วย และว่ากันว่า หลวงพ่อแป้น ท่านผูกพันกับหลวงปู่บุญเป็นอย่างมาก ถึงขนาดเดินทางมาหาท่านอยู่บ่อยๆ เฉกเช่นเดียวกันกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ที่มาหาหลวงปู่บุญอยู่เสมอๆ
อนึ่ง อัน เหรียญหล่อหลังรูป “ แพะ ” ของหลวงพ่อแป้นนี้พบที่ วัดกลางบางแก้ว จังหวัดนครปฐม เป็นจำนวนมาก บ้างก็ว่า “ หลวงพ่อแป้น ท่านสร้างแล้วนำมาถวายหลวงปู่บุญไว้เป็นที่ระลึก ” ( หลวงปู่รอด วัดวังน้ำวน ซึ่งอยู่ในการปกครองของหลวงปู่บุญ ก็นำเหรียญหล่อของท่านมาถวายหลวงปู่บุญเช่นกัน ) บางคนว่า “ เอามาถวายหลวงปู่บุญเพื่อให้ท่านแจกลูกศิษย์ลูกหา ” แต่ก็มีอีกหลายท่านบอกว่า “ หลวงพ่อแป้น ท่านนำมาให้หลวงปู่บุญผู้เป็นพระอาจารย์ช่วยปลุกเสกให้ ” หรือบางท่านก็ว่า “ หลวงปู่บุญท่านสร้างให้ หลวงพ่อแป้น ”
สำหรับเรื่องนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน หากผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลในเรื่องดังกล่าวที่ว่ามา ก็ส่งต่อให้ผู้เขียนได้นะครับ ผู้เขียนจะได้นำมารวบรวมเพื่อเผยแพร่เป็นวิทยาทานให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานได้ใช้เป็นข้อมูลที่ถูกต้องต่อไป
สำหรับ “ วิชาธาตุ ” นี้ หากผู้ใดสำเร็จก็จะสามารถเสกสิ่งของให้กลายเป็นสัตว์ได้ เช่น เสกใบมะขามให้เป็นต่อแตน เสกหญ้าเสกผักบุ้งให้กลายเป็นจระเข้ ทั้งยังสามารถล่องหนหายตัวได้ ย่นระยะทางได้อีกด้วย และเรื่องที่ว่ามา หลวงพ่อแป้น ท่านทำได้หมด คนเฒ่าคนแก่ที่เกิดทันท่าน ต่างก็ยืนยันอย่างหนักแน่นเป็นเสียงเดียวกันเพราะเห็นคาตากันตั้งหลายคน ทั้งยังเล่าขานสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นจนกลายเป็นตำนานอันยิ่งใหญ่ของท้องถิ่นว่า “ หลวงปู่แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่าผู้ยิ่งใหญ่ทำอะไรได้ หลวงพ่อแป้น ก็ทำได้เช่นเดียวกัน ” เรื่องก็เป็นเช่นนี้แล...
ส่วนวิชาการสร้าง “ หุ่นพยนต์ ” นั้น หลวงพ่อแป้น ท่านก็เรียนมาจากพระภิกษุชาวเขมรผู้มีนามว่า “ พระอาจารย์โนรี ” อันพระอาจารย์โนรีท่านนี้ มีความเชี่ยวชาญทางด้านไสยศาสตร์จนหาตัวจับยาก
จะเห็นได้ว่า “ ผู้ที่สอนวิชาอาคมให้กับหลวงพ่อแป้น อย่าง หลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้, หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน, สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( มา ) วัดสามปลื้ม, หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว, หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก, หลวงพ่อฤทธิ์ วัดบ้านสวน และ พระอาจารย์โนรี ล้วนแล้วแต่เป็นปรมาจารย์จอมเวทแห่งดินแดนสุวรรณภูมิทั้งสิ้น จึงไม่จำเป็นต้องสาธยายกันอีกต่อไปว่า หลวงพ่อแป้นท่านจะเก่งขนาดไหน ”
ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเสาธงใหม่
ต่อมา “ หลวงพ่อแป้น ” ได้มาปักกลดอยู่แถบ ตำบลเสาธง อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชาวบ้านในย่านนั้นเห็นปฏิปทาของท่านแล้วเกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงพากันมานิมนต์ให้ท่านไปจำพรรษาอยู่ที่ “ วัดเสาธงใหม่ ” ซึ่งในขณะนั้นเจ้าอาวาสได้มรณภาพลงพอดี หลวงพ่อแป้น จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส วัดเสาธงใหม่ นับว่าท่านเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๓ ของวัดนี้ และท่านก็ได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้เป็น “ พระอุปัชฌาย์ ” ในเวลาต่อมา
อนึ่ง หลวงพ่อแป้นท่านเป็นพระอุปัชฌาย์บวชพระภิกษุสงฆ์มามากมาย แต่ก็มีเรื่องแปลกอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นคือ ท่านจะไม่สึกพระให้กับใครอย่างเด็ดขาด หากมีใครมาขอให้ท่านสึก ท่านก็จะให้ไปสึกกับ “ หลวงพ่อฟอง วัดเขาดิน ” หรือสึกกับลูกศิษย์รูปอื่นของท่านแทน
๑. เหรียญหล่อรุ่นแรก แบบที่ ๑ เป็นเหรียญหล่อโบราณรูปห้าเหลี่ยมมีหูในตัว เนื้อทองผสม มีลักษณะเดียวกันกับเหรียญรุ่น ๒ ของหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ด้านหน้าเหรียญเป็นพระพุทธ หลังเหรียญเป็นอักขระภาษาขอมคำว่า “ มิ ” ด้านบนเป็นตัวอุณาโลม
๒. เหรียญหล่อรุ่นแรก แบบที่ ๒ ( หลังแพะ ) เป็นเหรียญหล่อโบราณรูปห้าเหลี่ยมมีหูในตัว เนื้อทองผสม มีลักษณะเดียวกันกับเหรียญแบบที่ ๑ ( เหมือนเหรียญรุ่น ๒ ของหลวงพ่อทา ) ด้านหน้าเหรียญเป็นพระพุทธ หลังเหรียญมีรูป “ แพะ ” ส่วนด้านบนเป็นอักขระภาษาขอมคำว่า “ มิ ” มีตัวอุณาโลมอยู่ด้านบนสุด
อนึ่ง อันเหรียญหล่อ “ หลังแพะ ” ของ หลวงพ่อแป้น นี้ พบที่วัดกลางบางแก้ว จังหวัดนครปฐม เป็นจำนวนมาก บ้างก็ว่า หลวงพ่อแป้น สร้างแล้วนำมาถวายหลวงปู่บุญ ส่วนบางคนก็ว่าหลวงปู่บุญท่านสร้างให้ หลวงพ่อแป้น สำหรับเรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ หากผู้เขียนมีข้อมูลที่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนก็จะนำมาเขียนรับใช้ท่านผู้อ่านต่อไป
๓. รูปถ่ายอัดกระจก หลวงพ่อแป้น ด้านหน้าเป็นรูป หลวงพ่อแป้น ครึ่งองค์ มีภาษาไทยด้านล่างคำว่า “ ที่ฤรึกในการสร้างศาลา ”
๔. รูปถ่ายอัดกระจก หลวงพ่อแป้น หลังหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว ( หลวงพ่อซวง สร้าง )
๕. รูปถ่ายอัดกระจก หลวงพ่อแป้น หลังหลวงพ่อมาก วัดโตนด ( หลวงพ่อมาก สร้าง )
๖. เหรียญปี พ.ศ.๒๕๑๑ เป็นเหรียญรูปหน้าวัว เนื้อทองแดง ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปหลวงพ่อแป้นครึ่งองค์ ด้านข้างทางซ้ายขวาเป็นอักขระภาษาขอม หลังเหรียญมีอักขระภาษาขอม อ่านว่า “ มิ ” ด้านบนเป็นตัวอุณาโลม ส่วนด้านล่างมีภาษาไทยคำว่า “ พระอุปัชฌาย์แป้น อุตฺตโม วัดเสาธงใหม่ ๒๕๑๑ ” เหรียญนี้มีประสบการณ์มากดังที่จะกล่าวถึงในช่วงอภินิหารของ หลวงพ่อแป้น ต่อไป
๗. เหรียญปี พ.ศ.๒๕๒๗ เป็นเหรียญ ๕ เหลี่ยม เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง ด้านหน้าเหรียญ-เป็นรูปหลวงพ่อแป้นนั่งเต็มองค์ ด้านข้างทั้งซ้ายขวามีอักขระภาษาขอม ส่วนด้านล่างมีภาษาไทยคำว่า “ พระอุปัชฌายะแป้น ” หลังเหรียญ-มีอักขระภาษาขอมคำว่า “ มิ ” ด้านบนเป็นตัวอุณาโลม ส่วนด้านล่างมีภาษาไทยคำว่า “ วัดเสาธงใหม่ อ.บางปะหัน อยุธยา ๒๕๒๗ ” สำหรับพระอาจารย์ที่เสกพิธีนี้ก็มีหลายท่าน เช่น หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง เป็นต้น
๘. หุ่นพยนต์
๙. ผ้ายันต์
อยากรู้ไหมว่าอะไรกันที่ทำให้ “ ตา ” ของพวกเสือเพี้ยนไปได้ถึงขนาดนั้น และสิ่งที่ทำให้ตาของพวกเสือผิดเพี้ยนไป ก็เพราะว่า “ ที่บ้านพ่อของคุณฉัตรเพชรมีผ้ายันต์ หลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่ แปะไว้ที่บนหัวเสานั่นเอง ”
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๔ ขณะที่ คุณอารยัณ อายุ ๒๐ ปี แกกับเพื่อนอีก ๒ คน ได้พากันไปเที่ยวที่ “ ร้านอาหารคนด่านเกวียน ” จังหวัดสมุทรปราการ โดยวันนั้นมีคอนเสิร์ตของวงดนตรีเพื่อชีวิตชื่อดัง จึงมีคนพากันไปเที่ยวเป็นจำนวนมาก ทั้งผู้หญิงผู้ชาย ทั้งพวกวัยรุ่น และพวกรุ่นเดอะทั้งหลาย เรียกได้ว่า “ วันนั้นที่ร้านอาหารแห่งนี้ กลายเป็นแหล่งรวมของบรรดานักเที่ยวราตรีทั้งหลาย ” และก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนโสดอายุ ๒๐ กว่าๆ ( กลุ่มคุณอารยัณ ) เมื่อได้มาเที่ยว ก็ต้องเที่ยวกันแบบสนุกสุดเหวี่ยง
ขณะที่คุณอารยัณกับเพื่อนคนแรกกำลังเต้นกันอยู่ข้างโต๊ะ ส่วนเพื่อนคนที่สองก็กำลังคุยกับ “ สาวสวย ” ที่โต๊ะข้างๆ อยู่นั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า “ เรื่องไหนกันแน่ที่ไปขัดหูขัดตาพวกนักเลงเจ้าถิ่นเข้าให้ ” นักเลงเจ้าถิ่นจึงตะโกนด่าทอพร้อมให้ของ “ ลับ ” กับกลุ่มของคุณอารยัณ ( พวกนั้นมากัน ๒ โต๊ะ มีอยู่ประมาณ ๘-๑๐ คน )
แรกๆ คุณอารยัณ ก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่า ‘ พวกนั้นคงด่าโต๊ะข้างๆ ไม่เกี่ยวกับตัว ’ แต่คุณอารยัณคิดผิด! เพราะแกถูกพวกนักเลงเจ้าถิ่นขว้างแก้วใส่ เท่านั้นแหละคุณอารยัณจึงหันหน้ามาแล้วพูดว่า “ ถ้ามึงแน่จริง มึงก็มาต่อยตัวต่อตัวกับกู ” นักเลงเจ้าถิ่นเมื่อเจอคนต่างถิ่นท้าทาย มันก็กระโจนเข้าใส่ผู้มาเยือนทันที
จากร้านอาหารแต่แรกก็กลับกลายเป็นเวทีมวยขนาดย่อมๆ ไป “ โดยนักเลงเจ้าถิ่นเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อน แต่เชิงมวยสู้เด็กบ้านนอกคอกนาไม่ได้ พอมันต่อยมาทีก็โดนเด็กอยุธยาสวนกลับไปแรงๆ ที มันเตะมาทีก็โดนโต้กลับไปแรงๆ อีกที เป็นอย่างนี้อยู่ครู่ใหญ่ ” จวนๆ ที่นักเลงเจ้าถิ่นจะล้มอยู่รอมร่อ “ สารวัตรทหารเรือ ” ( สห. ) ซึ่งเป็นการ์ดคุมงานในวันนั้น ก็กรูกันเข้ามาแยกย้ายทั้งสองฝ่ายออกจากกัน
นับว่าเป็นความโชคดีของนักเลงเจ้าถิ่น เพราะหากว่า “ สห. ” มาช้ากว่านี้ “ นักเลงเจ้าถิ่น ” ก็คงม่อยกระรอกโดนน็อคต่อหน้าธารกำนัลไปแล้ว และเรื่องนี้ได้ทำให้นักเลงเจ้าถิ่นเสียหน้าเป็นอย่างมาก มันจึงรวบรวมสมัครพรรคพวกแล้วดักรอคุณอารยัณอยู่นอกร้าน...
หลังจากร้านปิด กลุ่มคนที่มาเที่ยวต่างก็พากันทยอยออกจากร้าน คุณอารยัณบอกเพื่อนทั้งสองว่าจะไปเข้าห้องน้ำให้ไปรอที่รถ พอแกเดินออกมาจากร้านได้หน่อยหนึ่ง ก็มีชายฉกรรจ์ไม่ต่ำกว่าสิบคนล้อมแกเอาไว้ ส่วนในมือของพวกมันก็ถือมีดถือไม้ ใช่แล้ว! จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกเสียจาก “ แก๊งนักเลงเจ้าถิ่น ” คุณอารยัณยืนยันอย่างหนักแน่นว่า “ ในกลุ่มมีคนถือมีดดาบอยู่ ๒ คน และหนึ่งในนั้นก็คือคนที่ต่อยกับแกนั่นเอง ”
คุณอารยัณเดินสไลด์ออกทางด้านข้างเพื่อให้หลังพิงกำแพงเอาไว้ก่อน โดยในระหว่างนั้นแกได้หาลู่ทางเพื่อจะฝ่าออกมาแต่ก็ไม่เห็นมี ไอ้คนที่ต่อยกับแกก้าวออกมาจากแนวเพื่อนหนึ่งก้าว แล้วเอา “ มีดดาบ ” ชี้หน้าพร้อมพูดจาเสียงดังว่า “ มึงทำกูเจ็บ มึงตาย ” พูดเสร็จคนทั้งกลุ่มก็กระโจนเข้าใส่คุณอารยัณทันที
ถ้ามีแค่หมัดกับเท้าก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่พวกมันมีมีด ๒ เล่ม กับไม้อีก ๒-๓ ท่อน พวกมันช่วยกันกระหน่ำทั้งตีทั้งฟัน ส่วนคนที่ไม่มีมีดไม่มีไม้ก็ระดมทั้งเตะทั้งต่อยแบบไม่มียั้ง แรกๆ พวกมันบางคนก็โดนคุณอารยัณสวนกลับไปตั้งหลายดอกทั้งหมัดทั้งศอก ทำเอานักเลงปลายแถวหลายคนถึงกับกระเด็นหงายท้องก้นจ้ำเบ้า
แต่เมื่อโดนเอาเข้ามากๆ คุณอารยัณก็ถึงกับไถลลงมานั่งอยู่กับพื้นแต่ก็ยังประคองตัวเอาไว้ไม่ให้ล้ม ซึ่ง ณ ขณะนั้นการปัดป้องทำได้ยากเต็มที แต่ก็ยังคงมีสติสัมปชัญญะเพียบพร้อม ผู้เขียนถามเอาภายหลังว่า “ เจ็บไหม ” แกว่า “ ทำไมจะไม่เจ็บเล่า ”
กลับมาที่กลุ่มนักเลงเจ้าถิ่นอีกครั้ง ไอ้คนมีมีดดาบ เกิดเอะใจว่า “ ทำไมดาบคมกริบจึงกินเลือดของคุณอารยัณไม่ได้ ทั้งๆ ที่ฟันแบบไม่ยั้งตั้งหลายที ทั้งตอนฟันมีดดาบก็กระเด้งเอาๆ คมดาบกินได้แค่เสื้อผ้าเท่านั้น ” พวกมันทั้งฟันทั้งตีแต่คุณอารยัณกลับไม่เป็นอะไรเลย มันจึงเอาดาบชี้หน้าแล้วพูดว่า “ มึงจะหนีหรือไม่หนี ถ้าไม่หนีกูจะฟันคอมึงเดี๋ยวนี้ ” คุณอารยัณจึงรีบชันตัวลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลก่อนจะวิ่งไปที่รถ เพื่อนถามว่า “ จะไปแจ้งความไหม ” คุณอารยัณว่า “ ไม่ต้อง แค่นี้มันก็อายเต็มทีแล้ว ”
อนึ่ง คุณอารยัณเล่าให้ฟังต่อว่า “ หลวงพ่อแป้น ท่านเคยเลี้ยงคุณปู่ของแกมาตั้งแต่เป็นเด็ก ปู่บอกว่าหาก หลวงพ่อแป้น ท่านว่าง ท่านก็จะเอาผ้าอาบน้ำฝนมาเสกเป็นกระต่าย ให้เด็กๆ วิ่งไล่จับกันเป็นที่สนุกสนานครื้นเครง ” เรื่องก็เป็นเช่นนี้แล...
หลวงพ่อแป้น ท่านเป็นบรมครูทางไสยศาสตร์ที่เก่งที่สุดอีกท่านหนึ่ง จะเห็นได้จากบรรดาลูกศิษย์ลูกหาผู้สืบสายวิชาต่อมาจากท่านอย่าง หลวงพ่ออุป วัดตานิม, หลวงพ่อมาก วัดโตนด และ หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว ล้วนแล้วแต่เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งยุคทั้งสิ้น ส่วนลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสอย่าง “ อาจารย์ลอย โพธิ์เงิน ” ก็เก่งไม่เป็นสองรองใคร ท่านได้สร้าง “ หุ่นพยนต์ ” ตำรับ “ หลวงพ่อแป้น ” ได้ขลังจนเป็นที่เลื่องลือระบือไกล และที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ยืนยันว่า “ หลวงพ่อแป้น ท่านคือเพชรเม็ดงามอีกเม็ดหนึ่งจาก อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ประดับมงกุฎพุทธาคมของเมืองไทย ”
ครั้นเมื่อถึงปีพุทธศักราช ๒๔๙๑ “ หลวงพ่อแป้น ” ก็ได้มรณภาพลง ณ วัดเสาธงใหม่ สิริอายุ ๘๙ ปี พรรษาที่ ๗๙ ยังความเศร้าโศกเสียใจมายังลูกศิษย์ลูกหาและผู้ที่เคารพศรัทธาในตัวท่าน แม้ว่าท่านจะจากพวกเราไปนานแล้ว แต่บรรดาผู้คนประชาชนทั่วไปก็ยังคงระลึกนึกถึงท่านอยู่เสมอมิมีลืมเลือน นั่นก็เพราะพุทธคุณที่เกิดจากวัตถุมงคลของท่าน ( ทั้งของเก่าที่ทันท่านเสก และของใหม่ที่ท่านไม่ได้เสก ) ได้ช่วยคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายได้ทั้งหมดทั้งมวล ทั้งยังดลบันดาลโชคลาภ เป็นเมตตามหานิยม และยังมากด้วยเดชเดชะมหาอำนาจ
สำหรับความคิดของลูกศิษย์ลูกหาและผู้คนที่อยู่ในพื้นที่แล้ว “ หลวงพ่อแป้น ” ท่านยังคงอยู่ มิได้ดับขันธ์หนีหายไปไหน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมีผู้เดือดเนื้อร้อนใจเป็นไข้ไม่สบายหรืออยากได้โชคลาภ ต่างก็จะพากันเข้าไปกราบกรานอธิษฐานจิตขอกับท่านผ่านรูปปั้นในวิหาร ไม่นานจากนั้นก็สมความมุ่งมาดปรารถนา ต้องนำ “ แกงขี้เหล็ก ” มาถวายแก้บน
นี่แหละคือความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ อมตะ ” ท่านจึงเป็น “ พระอมตะเถรจารย์ ” ที่ไม่มีวันตายไปจากใจคน เฉกเช่นเดียวกันกับ “ หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ” ผู้เป็นพระอาจารย์
![]() |
หลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่ |
![]() |
เหรียญหล่อหลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่ หลัง “มิ” |
สำหรับคำว่า “ เก่งมากๆ ” ที่เอ่ยไปในย่อหน้าก่อน ผู้เขียนเห็นว่า “ ยังไม่สมศักดิ์ศรีแห่งท่าน ” แต่ผู้เขียนก็ยังหา “ คำ ” ที่เหมาะสมไปกว่านั้นไม่ได้ เอาเป็นว่า ท่านเก่งระดับตำนาน ความขลังในมนต์คาถาของท่าน ก็จัดอยู่แถวหน้าแวดวงพุทธเวทแห่งแดนสยาม และพระเถราจารย์ที่เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาอาคมให้กับเหล่าพระเกจิอาจารย์ดังกล่าวที่ว่ามา ก็คือ “ หลวงพ่อแป้น แห่งวัดเสาธงใหม่ ” นั่นเอง
วันนี้ผู้เขียนจักขออนุญาตนำเสนอชีวประวัติของ “ หลวงพ่อแป้น ” วัดเสาธงใหม่ อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กันสักหน่อย ท่านผู้อ่านจะได้ทราบว่า หลวงพ่อแป้น ท่านนี้ คือสุดยอดปรมาจารย์ด้านไสยศาสตร์ตัวจริงที่มีคุณวิเศษมากมายสุดเหลือคณานับ ส่วนวัตถุประสงค์ในการเผยแพร่ชีวประวัติและเกียรติคุณของ หลวงพ่อแป้น ในครั้งนี้นั้น ก็เพื่อประกาศให้สาธุชนผู้คนทั่วทั้งแผ่นดินได้รู้ว่า “ ในทำเนียบพระเถราจารย์ผู้ชำนาญเวทของเมืองไทย ถ้าให้ถูกต้องแล้วล่ะก็ จะต้องมีชื่อของหลวงพ่อแป้นจารึกรวมอยู่ด้วย จึงจะเต็มตำนาน ”
วัดเสาธงใหม่
“ วัดเสาธงใหม่ ” เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย อยู่หมู่ที่ ๔ ตำบลเสาธง อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ริมฝั่งขวาของแม่น้ำลพบุรี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๐๗ ในปลายรัชสมัยของ “ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งราชวงศ์จักรี ” โดยมี เจ้ากรมเป๋อ, นายกี่, นางทรัพย์ เลขยานนท์ พร้อมด้วยบุตรธิดา และชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาในตำบลเสาธงร่วมกันสร้างขึ้น![]() |
รูปหลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่ |
“ วัดใหม่ไชยวิชิตราษฎร์ศรัทธาธรรม ” ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๓ และได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น “ วัดเสาธงใหม่ ” ตามชาวบ้านเรียก นับจากนั้นเป็นต้นมา
“ วัดเสาธงใหม่ ” มีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในยุคของ “ หลวงพ่อแป้น ” เป็นเจ้าอาวาส เนื่องจากท่านเป็นพระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทั้งยังเชี่ยวชาญชำนาญด้านไสยศาสตร์ทุกรูปแบบ แบบที่ว่าหาผู้เสมอเหมือนได้ยากยิ่ง ส่วนศิลปกรรมที่โดดเด่นของวัดเสาธงใหม่ก็คือ หน้าบันของพระอุโบสถนั้น ปั้นเป็นภาพนูนต่ำรูปพุทธประวัติตอนปฐมเทศนา นับว่าเป็นงานปั้นที่งดงามยิ่ง และที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของวัดเสาธงใหม่ก็คือ พระภิกษุสงฆ์จะใช้เรือออกบิณฑบาตในตอนเช้า โดยจะพายเรือไปตามลำน้ำลพบุรี ซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจหาที่ไหนไม่มีอีก
![]() |
รูปถ่ายอัดกระจก หลวงพ่อแป้น รุ่นสร้างศาลา |
๑. พระอิน
๒. พระอธิการพันธุ์
๓. หลวงพ่อแป้น อุตฺตโม
๔. พระอธิการธูป พฺรหฺมโชโต
๕. พระอธิการสะอาด อาจารสมฺปนฺโน
๖. พระอธิการบุญช่วย โชติปญฺโญ พ.ศ.๒๕๒๕-๒๕๒๙
๗. พระครูธรรมาภิรักษ์ พ.ศ.๒๔๓๓-ปัจจุบัน
หลวงพ่อแป้น อุตตโม “ หลวงพ่อแป้น ” มีนามเดิมว่า “ แป้น ” เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๐๒ ปีมะแม ณ ตำบลกุดนกเปล้า อำเภอปากเพรียว จังหวัดสระบุรี ไม่มีการจดบันทึกชื่อบิดา-มารดาและญาติพี่น้องของท่านเอาไว้ ท่านมีนามสกุลว่า “ ศรีพา ” เมื่อมีอายุครบบวชก็อุปสมบท ณ วัดแคนอก ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี โดยมี หลวงพ่อแดง เจ้าอาวาสวัดแคนอก เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายา “ อุตตโม ” แปลว่า “ สูงสุด ”
“ หลวงพ่อแป้น ” ท่านเป็นผู้มีใจใฝ่รู้ในทางไสยศาสตร์มาตั้งแต่เป็นเด็ก เมื่อท่านบวชเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านได้เดินทางไปเรียนบาลีและมูลกัจจายน์ที่วัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร ครั้นพอเรียนจบแล้วท่านก็ไปศึกษาสมถวิปัสสนากรรมฐานและพุทธาคมกับ “ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( มา ) แห่งวัดสามปลื้ม ” จากนั้นก็ได้เดินทางไปเรียนอาคมกับ “ หลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาส ( วัดบางเหี้ย ) ” ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อ “ หลวงพ่อแป้น ” มีพลังจิตเข้มแข็งอาคมเข้มขลังแล้ว ท่านก็ออกธุดงควัตรตามรอย “ หลวงพ่อปาน ” ผู้เป็นพระอาจารย์
![]() |
เหรียญหล่อพระพุทธรูป หลังแพะ |
![]() |
เหรียญพระพุทธ วัดเสาธงใหม่ ปี 2527 หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง ปลุกเสก ออกพร้อมเหรียญหลวงพ่อแป้น ปี 2527 |
สำหรับเรื่องนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน หากผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลในเรื่องดังกล่าวที่ว่ามา ก็ส่งต่อให้ผู้เขียนได้นะครับ ผู้เขียนจะได้นำมารวบรวมเพื่อเผยแพร่เป็นวิทยาทานให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานได้ใช้เป็นข้อมูลที่ถูกต้องต่อไป
สำเร็จวิชาธาตุ
ต่อมาหลวงพ่อแป้นได้เดินทางไปหาความปลีกวิเวกทางภาคเหนือ แล้วท่านก็ได้พบกับ “ หลวงพ่อฤทธิ์ แห่งวัดบ้านสวน ” ( วัดฤทธิ์ศิริราษฎร์เจริญธรรม ) อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย สำหรับ หลวงพ่อฤทธิ์ นี้ท่านเป็นลูกศิษย์ของ “ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี ) ” แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม หลวงพ่อฤทธิ์ท่านสำเร็จวิชาเล่นแร่แปรธาตุ สามารถแปลงโลหะธรรมดาๆ ให้กลายเป็นทองคำได้ หลวงพ่อแป้นจึงขอเรียน “ วิชาธาตุ ” กับท่านจนสำเร็จครบถ้วนกระบวนการสำหรับ “ วิชาธาตุ ” นี้ หากผู้ใดสำเร็จก็จะสามารถเสกสิ่งของให้กลายเป็นสัตว์ได้ เช่น เสกใบมะขามให้เป็นต่อแตน เสกหญ้าเสกผักบุ้งให้กลายเป็นจระเข้ ทั้งยังสามารถล่องหนหายตัวได้ ย่นระยะทางได้อีกด้วย และเรื่องที่ว่ามา หลวงพ่อแป้น ท่านทำได้หมด คนเฒ่าคนแก่ที่เกิดทันท่าน ต่างก็ยืนยันอย่างหนักแน่นเป็นเสียงเดียวกันเพราะเห็นคาตากันตั้งหลายคน ทั้งยังเล่าขานสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นจนกลายเป็นตำนานอันยิ่งใหญ่ของท้องถิ่นว่า “ หลวงปู่แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่าผู้ยิ่งใหญ่ทำอะไรได้ หลวงพ่อแป้น ก็ทำได้เช่นเดียวกัน ” เรื่องก็เป็นเช่นนี้แล...
![]() |
รูปหลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่ หลังผ้ายันต์ |
จะเห็นได้ว่า “ ผู้ที่สอนวิชาอาคมให้กับหลวงพ่อแป้น อย่าง หลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้, หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน, สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( มา ) วัดสามปลื้ม, หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว, หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก, หลวงพ่อฤทธิ์ วัดบ้านสวน และ พระอาจารย์โนรี ล้วนแล้วแต่เป็นปรมาจารย์จอมเวทแห่งดินแดนสุวรรณภูมิทั้งสิ้น จึงไม่จำเป็นต้องสาธยายกันอีกต่อไปว่า หลวงพ่อแป้นท่านจะเก่งขนาดไหน ”
ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเสาธงใหม่
ต่อมา “ หลวงพ่อแป้น ” ได้มาปักกลดอยู่แถบ ตำบลเสาธง อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชาวบ้านในย่านนั้นเห็นปฏิปทาของท่านแล้วเกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงพากันมานิมนต์ให้ท่านไปจำพรรษาอยู่ที่ “ วัดเสาธงใหม่ ” ซึ่งในขณะนั้นเจ้าอาวาสได้มรณภาพลงพอดี หลวงพ่อแป้น จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส วัดเสาธงใหม่ นับว่าท่านเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๓ ของวัดนี้ และท่านก็ได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้เป็น “ พระอุปัชฌาย์ ” ในเวลาต่อมา
อนึ่ง หลวงพ่อแป้นท่านเป็นพระอุปัชฌาย์บวชพระภิกษุสงฆ์มามากมาย แต่ก็มีเรื่องแปลกอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นคือ ท่านจะไม่สึกพระให้กับใครอย่างเด็ดขาด หากมีใครมาขอให้ท่านสึก ท่านก็จะให้ไปสึกกับ “ หลวงพ่อฟอง วัดเขาดิน ” หรือสึกกับลูกศิษย์รูปอื่นของท่านแทน
วัตถุมงคล
![]() |
รูปถ่ายอัดกระจกหลวงพ่อแป้น หลังหลวงพ่อซวง |
๒. เหรียญหล่อรุ่นแรก แบบที่ ๒ ( หลังแพะ ) เป็นเหรียญหล่อโบราณรูปห้าเหลี่ยมมีหูในตัว เนื้อทองผสม มีลักษณะเดียวกันกับเหรียญแบบที่ ๑ ( เหมือนเหรียญรุ่น ๒ ของหลวงพ่อทา ) ด้านหน้าเหรียญเป็นพระพุทธ หลังเหรียญมีรูป “ แพะ ” ส่วนด้านบนเป็นอักขระภาษาขอมคำว่า “ มิ ” มีตัวอุณาโลมอยู่ด้านบนสุด
อนึ่ง อันเหรียญหล่อ “ หลังแพะ ” ของ หลวงพ่อแป้น นี้ พบที่วัดกลางบางแก้ว จังหวัดนครปฐม เป็นจำนวนมาก บ้างก็ว่า หลวงพ่อแป้น สร้างแล้วนำมาถวายหลวงปู่บุญ ส่วนบางคนก็ว่าหลวงปู่บุญท่านสร้างให้ หลวงพ่อแป้น สำหรับเรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ หากผู้เขียนมีข้อมูลที่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนก็จะนำมาเขียนรับใช้ท่านผู้อ่านต่อไป
๓. รูปถ่ายอัดกระจก หลวงพ่อแป้น ด้านหน้าเป็นรูป หลวงพ่อแป้น ครึ่งองค์ มีภาษาไทยด้านล่างคำว่า “ ที่ฤรึกในการสร้างศาลา ”
๔. รูปถ่ายอัดกระจก หลวงพ่อแป้น หลังหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว ( หลวงพ่อซวง สร้าง )
๕. รูปถ่ายอัดกระจก หลวงพ่อแป้น หลังหลวงพ่อมาก วัดโตนด ( หลวงพ่อมาก สร้าง )
๖. เหรียญปี พ.ศ.๒๕๑๑ เป็นเหรียญรูปหน้าวัว เนื้อทองแดง ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปหลวงพ่อแป้นครึ่งองค์ ด้านข้างทางซ้ายขวาเป็นอักขระภาษาขอม หลังเหรียญมีอักขระภาษาขอม อ่านว่า “ มิ ” ด้านบนเป็นตัวอุณาโลม ส่วนด้านล่างมีภาษาไทยคำว่า “ พระอุปัชฌาย์แป้น อุตฺตโม วัดเสาธงใหม่ ๒๕๑๑ ” เหรียญนี้มีประสบการณ์มากดังที่จะกล่าวถึงในช่วงอภินิหารของ หลวงพ่อแป้น ต่อไป
๗. เหรียญปี พ.ศ.๒๕๒๗ เป็นเหรียญ ๕ เหลี่ยม เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง ด้านหน้าเหรียญ-เป็นรูปหลวงพ่อแป้นนั่งเต็มองค์ ด้านข้างทั้งซ้ายขวามีอักขระภาษาขอม ส่วนด้านล่างมีภาษาไทยคำว่า “ พระอุปัชฌายะแป้น ” หลังเหรียญ-มีอักขระภาษาขอมคำว่า “ มิ ” ด้านบนเป็นตัวอุณาโลม ส่วนด้านล่างมีภาษาไทยคำว่า “ วัดเสาธงใหม่ อ.บางปะหัน อยุธยา ๒๕๒๗ ” สำหรับพระอาจารย์ที่เสกพิธีนี้ก็มีหลายท่าน เช่น หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง เป็นต้น
๘. หุ่นพยนต์
๙. ผ้ายันต์
อภินิหารหลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่
เสือมองบ้านไม่เห็น”
“ คุณฉัตรเพชร เดชรัตน์ ” เป็นคนบ้านตานิม อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรุณาเล่าให้ฟังว่า เคยมีพวก “ เสือ ” จะไปปล้นบ้าน พ่อของคุณฉัตรเพชร แต่เมื่อพอพวกเสือมาถึง เสือกลับมองหาบ้านไม่เห็น เห็นมีแต่น้ำอย่างกับบึง ทั้งยังมีเมฆหมอกปกคลุมอยู่เต็มไปหมด ทั้งๆ ที่พวกเสือได้มาดูลาดเลาก่อนแล้วในตอนกลางวัน เสือจึงรู้ว่าบ้านนี้มีของดีจึงละไว้ไม่มาปล้นอีก และ “ เสือ ” คนที่จะมาปล้นได้เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง ซึ่งเพื่อนเสือคนนี้ก็เป็นเพื่อนกับพ่อของคุณฉัตรเพชรอีกที แกจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อคุณฉัตรเพชรฟัง เรื่องก็เป็นเช่นนี้แลอยากรู้ไหมว่าอะไรกันที่ทำให้ “ ตา ” ของพวกเสือเพี้ยนไปได้ถึงขนาดนั้น และสิ่งที่ทำให้ตาของพวกเสือผิดเพี้ยนไป ก็เพราะว่า “ ที่บ้านพ่อของคุณฉัตรเพชรมีผ้ายันต์ หลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่ แปะไว้ที่บนหัวเสานั่นเอง ”
มีดดาบฟันไม่ระคายผิว
“ คุณอารยัณ สีนวล ” อายุ ๓๖ ปี เป็นคนบ้าน เสาธงใหม่ อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรุณาเล่าเรื่องอภินิหารที่เกิดจากเหรียญ “ หลวงพ่อแป้น ” สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๑ ซึ่งทำขึ้นหลังจากที่ท่านได้มรณภาพไปแล้วนานถึง ๒๐ ปี และเหรียญนี้ได้ทำให้ “ คุณอารยัณ ” รอดตายมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ดังนี้...![]() |
เหรียญหลวงพ่อแป้น ปี 2511 รุ่นประสบการณ์ |
ขณะที่คุณอารยัณกับเพื่อนคนแรกกำลังเต้นกันอยู่ข้างโต๊ะ ส่วนเพื่อนคนที่สองก็กำลังคุยกับ “ สาวสวย ” ที่โต๊ะข้างๆ อยู่นั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า “ เรื่องไหนกันแน่ที่ไปขัดหูขัดตาพวกนักเลงเจ้าถิ่นเข้าให้ ” นักเลงเจ้าถิ่นจึงตะโกนด่าทอพร้อมให้ของ “ ลับ ” กับกลุ่มของคุณอารยัณ ( พวกนั้นมากัน ๒ โต๊ะ มีอยู่ประมาณ ๘-๑๐ คน )
แรกๆ คุณอารยัณ ก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่า ‘ พวกนั้นคงด่าโต๊ะข้างๆ ไม่เกี่ยวกับตัว ’ แต่คุณอารยัณคิดผิด! เพราะแกถูกพวกนักเลงเจ้าถิ่นขว้างแก้วใส่ เท่านั้นแหละคุณอารยัณจึงหันหน้ามาแล้วพูดว่า “ ถ้ามึงแน่จริง มึงก็มาต่อยตัวต่อตัวกับกู ” นักเลงเจ้าถิ่นเมื่อเจอคนต่างถิ่นท้าทาย มันก็กระโจนเข้าใส่ผู้มาเยือนทันที
จากร้านอาหารแต่แรกก็กลับกลายเป็นเวทีมวยขนาดย่อมๆ ไป “ โดยนักเลงเจ้าถิ่นเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อน แต่เชิงมวยสู้เด็กบ้านนอกคอกนาไม่ได้ พอมันต่อยมาทีก็โดนเด็กอยุธยาสวนกลับไปแรงๆ ที มันเตะมาทีก็โดนโต้กลับไปแรงๆ อีกที เป็นอย่างนี้อยู่ครู่ใหญ่ ” จวนๆ ที่นักเลงเจ้าถิ่นจะล้มอยู่รอมร่อ “ สารวัตรทหารเรือ ” ( สห. ) ซึ่งเป็นการ์ดคุมงานในวันนั้น ก็กรูกันเข้ามาแยกย้ายทั้งสองฝ่ายออกจากกัน
![]() |
เหรียญหลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่ ปี 2520 |
หลังจากร้านปิด กลุ่มคนที่มาเที่ยวต่างก็พากันทยอยออกจากร้าน คุณอารยัณบอกเพื่อนทั้งสองว่าจะไปเข้าห้องน้ำให้ไปรอที่รถ พอแกเดินออกมาจากร้านได้หน่อยหนึ่ง ก็มีชายฉกรรจ์ไม่ต่ำกว่าสิบคนล้อมแกเอาไว้ ส่วนในมือของพวกมันก็ถือมีดถือไม้ ใช่แล้ว! จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกเสียจาก “ แก๊งนักเลงเจ้าถิ่น ” คุณอารยัณยืนยันอย่างหนักแน่นว่า “ ในกลุ่มมีคนถือมีดดาบอยู่ ๒ คน และหนึ่งในนั้นก็คือคนที่ต่อยกับแกนั่นเอง ”
คุณอารยัณเดินสไลด์ออกทางด้านข้างเพื่อให้หลังพิงกำแพงเอาไว้ก่อน โดยในระหว่างนั้นแกได้หาลู่ทางเพื่อจะฝ่าออกมาแต่ก็ไม่เห็นมี ไอ้คนที่ต่อยกับแกก้าวออกมาจากแนวเพื่อนหนึ่งก้าว แล้วเอา “ มีดดาบ ” ชี้หน้าพร้อมพูดจาเสียงดังว่า “ มึงทำกูเจ็บ มึงตาย ” พูดเสร็จคนทั้งกลุ่มก็กระโจนเข้าใส่คุณอารยัณทันที
ถ้ามีแค่หมัดกับเท้าก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่พวกมันมีมีด ๒ เล่ม กับไม้อีก ๒-๓ ท่อน พวกมันช่วยกันกระหน่ำทั้งตีทั้งฟัน ส่วนคนที่ไม่มีมีดไม่มีไม้ก็ระดมทั้งเตะทั้งต่อยแบบไม่มียั้ง แรกๆ พวกมันบางคนก็โดนคุณอารยัณสวนกลับไปตั้งหลายดอกทั้งหมัดทั้งศอก ทำเอานักเลงปลายแถวหลายคนถึงกับกระเด็นหงายท้องก้นจ้ำเบ้า
แต่เมื่อโดนเอาเข้ามากๆ คุณอารยัณก็ถึงกับไถลลงมานั่งอยู่กับพื้นแต่ก็ยังประคองตัวเอาไว้ไม่ให้ล้ม ซึ่ง ณ ขณะนั้นการปัดป้องทำได้ยากเต็มที แต่ก็ยังคงมีสติสัมปชัญญะเพียบพร้อม ผู้เขียนถามเอาภายหลังว่า “ เจ็บไหม ” แกว่า “ ทำไมจะไม่เจ็บเล่า ”
![]() |
เหรียญหลวงพ่อแป้น ปี 2527 หลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้ง ปลุกเสก |
อนึ่ง คุณอารยัณเล่าให้ฟังต่อว่า “ หลวงพ่อแป้น ท่านเคยเลี้ยงคุณปู่ของแกมาตั้งแต่เป็นเด็ก ปู่บอกว่าหาก หลวงพ่อแป้น ท่านว่าง ท่านก็จะเอาผ้าอาบน้ำฝนมาเสกเป็นกระต่าย ให้เด็กๆ วิ่งไล่จับกันเป็นที่สนุกสนานครื้นเครง ” เรื่องก็เป็นเช่นนี้แล...
หลวงพ่อแป้น ท่านเป็นบรมครูทางไสยศาสตร์ที่เก่งที่สุดอีกท่านหนึ่ง จะเห็นได้จากบรรดาลูกศิษย์ลูกหาผู้สืบสายวิชาต่อมาจากท่านอย่าง หลวงพ่ออุป วัดตานิม, หลวงพ่อมาก วัดโตนด และ หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว ล้วนแล้วแต่เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งยุคทั้งสิ้น ส่วนลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสอย่าง “ อาจารย์ลอย โพธิ์เงิน ” ก็เก่งไม่เป็นสองรองใคร ท่านได้สร้าง “ หุ่นพยนต์ ” ตำรับ “ หลวงพ่อแป้น ” ได้ขลังจนเป็นที่เลื่องลือระบือไกล และที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ยืนยันว่า “ หลวงพ่อแป้น ท่านคือเพชรเม็ดงามอีกเม็ดหนึ่งจาก อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ประดับมงกุฎพุทธาคมของเมืองไทย ”
ครั้นเมื่อถึงปีพุทธศักราช ๒๔๙๑ “ หลวงพ่อแป้น ” ก็ได้มรณภาพลง ณ วัดเสาธงใหม่ สิริอายุ ๘๙ ปี พรรษาที่ ๗๙ ยังความเศร้าโศกเสียใจมายังลูกศิษย์ลูกหาและผู้ที่เคารพศรัทธาในตัวท่าน แม้ว่าท่านจะจากพวกเราไปนานแล้ว แต่บรรดาผู้คนประชาชนทั่วไปก็ยังคงระลึกนึกถึงท่านอยู่เสมอมิมีลืมเลือน นั่นก็เพราะพุทธคุณที่เกิดจากวัตถุมงคลของท่าน ( ทั้งของเก่าที่ทันท่านเสก และของใหม่ที่ท่านไม่ได้เสก ) ได้ช่วยคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายได้ทั้งหมดทั้งมวล ทั้งยังดลบันดาลโชคลาภ เป็นเมตตามหานิยม และยังมากด้วยเดชเดชะมหาอำนาจ
สำหรับความคิดของลูกศิษย์ลูกหาและผู้คนที่อยู่ในพื้นที่แล้ว “ หลวงพ่อแป้น ” ท่านยังคงอยู่ มิได้ดับขันธ์หนีหายไปไหน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมีผู้เดือดเนื้อร้อนใจเป็นไข้ไม่สบายหรืออยากได้โชคลาภ ต่างก็จะพากันเข้าไปกราบกรานอธิษฐานจิตขอกับท่านผ่านรูปปั้นในวิหาร ไม่นานจากนั้นก็สมความมุ่งมาดปรารถนา ต้องนำ “ แกงขี้เหล็ก ” มาถวายแก้บน
นี่แหละคือความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ อมตะ ” ท่านจึงเป็น “ พระอมตะเถรจารย์ ” ที่ไม่มีวันตายไปจากใจคน เฉกเช่นเดียวกันกับ “ หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ” ผู้เป็นพระอาจารย์
( ที่มา : ลานโพธิ์ ฉบับที่ 1214 หลวงแป้น อุตฺตโม วัดเสาธงใหม่ อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภาพและเรื่องโดย เอกลักษณ์ เพริศพริ้งเดือน กันยายน พ.ศ. 2560 ราคาปก 60 บาท )
วันนี้! อ่านหนังสือ ลานโพธิ์ บน i-Pad หรือ Tablet computer ได้ทั่วโลกแล้ว ตามลิงค์นี้
สามารถหาอ่านหนังสือ ลานโพธิ์ ในรูปแบบ E-book ได้แล้วจร้า..