หลวงแป้น อุตฺตโม วัดเสาธงใหม่ อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ภาพและเรื่องโดย เอกลักษณ์ เพริศพริ้ง


หลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่
ท่านผู้อ่านคิดว่า “ หลวงพ่ออุป วัดตานิม, หลวงพ่อมาก วัดโตนด และหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว เก่งทางคาถาอาคมหรือไม่ ” ผู้เขียนขอตอบแทนท่านแบบ “ รัวๆ ” เลยว่า “ เก่ง ” ท่าน “ เก่งจริงๆ ” ตัวอย่างเช่น มีครูฝึกทหารใหม่เป็น “ นักเลงยิงพระ ” บังคับเอาวัตถุมงคลของทหารเกณฑ์ไปลองยิงเพื่อข่มขวัญ แต่ปรากฏว่า “ ยิงเท่าไหร่ก็ไม่ออก ” จนต้องยอมมากราบขอขมาลาโทษเจ้าของวัตถุมงคลดังกล่าวถึงที่วัด และวัตถุมงคลที่ว่าก็คือ “ รูปถ่ายรุ่นแรกของหลวงพ่ออุป ” หรือผู้ที่แขวนเหรียญรุ่นแรกของ หลวงพ่อมาก แล้วถูกคู่อริใช้ปืนขนาด ๑๑ มม. จ่อยิงแบบเผาขนจนกระเด็นตกบ้าน แต่ก็ “ ยิงไม่เข้า ” จนเป็นที่เลื่องลือ หรือที่ผู้แขวนพระเครื่องของ หลวงพ่อซวง แล้วโดนยิงก็ยิงไม่เข้าอีกเช่นกัน จนกลายเป็นเรื่องซ้ำซาก ชาวบ้านจึงพากันขนานนามเรียกท่านว่า เทพเจ้าแห่งเมืองสิงห์ ฯลฯ

เหรียญหล่อหลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่ หลัง “มิ”
ทีนี้ท่านผู้อ่านคิดว่า “ ผู้ที่สอนวิชาอาคมให้กับพระเกจิอาจารย์ที่กล่าวมาข้างต้นจะเก่งขนาดไหน ” ผู้เขียนขอตอบแทนท่านผู้อ่านก่อนอีกตามเคยว่า “ เก่งมากๆ ” ส่วนอภินิหารที่เกิดจากวัตถุมงคลของท่านพระอาจารย์ เล่ากันเป็นวันๆ ก็ยังไม่จบ เอาเป็นว่า “ มงคลวัตถุของท่าน หากใครมีไว้ ก็จะหวงแหนราวกับทรัพย์สินเงินทองของมีค่ากันเลยทีเดียว ” บางบ้านถึงกับเอาพระเครื่องของท่านใส่ไว้ในพินัยกรรม มอบเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น แนวๆ ว่า “ มีเงิน ก็ใช่ว่าจะได้ครอบครอง ”

สำหรับคำว่า “ เก่งมากๆ ” ที่เอ่ยไปในย่อหน้าก่อน ผู้เขียนเห็นว่า “ ยังไม่สมศักดิ์ศรีแห่งท่าน ” แต่ผู้เขียนก็ยังหา “ คำ ” ที่เหมาะสมไปกว่านั้นไม่ได้ เอาเป็นว่า ท่านเก่งระดับตำนาน ความขลังในมนต์คาถาของท่าน ก็จัดอยู่แถวหน้าแวดวงพุทธเวทแห่งแดนสยาม และพระเถราจารย์ที่เป็นผู้ถ่ายทอดวิชาอาคมให้กับเหล่าพระเกจิอาจารย์ดังกล่าวที่ว่ามา ก็คือ “ หลวงพ่อแป้น แห่งวัดเสาธงใหม่ ” นั่นเอง

วันนี้ผู้เขียนจักขออนุญาตนำเสนอชีวประวัติของ “ หลวงพ่อแป้น ” วัดเสาธงใหม่ อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กันสักหน่อย ท่านผู้อ่านจะได้ทราบว่า หลวงพ่อแป้น ท่านนี้ คือสุดยอดปรมาจารย์ด้านไสยศาสตร์ตัวจริงที่มีคุณวิเศษมากมายสุดเหลือคณานับ ส่วนวัตถุประสงค์ในการเผยแพร่ชีวประวัติและเกียรติคุณของ หลวงพ่อแป้น ในครั้งนี้นั้น ก็เพื่อประกาศให้สาธุชนผู้คนทั่วทั้งแผ่นดินได้รู้ว่า “ ในทำเนียบพระเถราจารย์ผู้ชำนาญเวทของเมืองไทย ถ้าให้ถูกต้องแล้วล่ะก็ จะต้องมีชื่อของหลวงพ่อแป้นจารึกรวมอยู่ด้วย จึงจะเต็มตำนาน ”


วัดเสาธงใหม่

“ วัดเสาธงใหม่ ” เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย อยู่หมู่ที่ ๔ ตำบลเสาธง อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งอยู่ริมฝั่งขวาของแม่น้ำลพบุรี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๐๗ ในปลายรัชสมัยของ “ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งราชวงศ์จักรี ” โดยมี เจ้ากรมเป๋อ, นายกี่, นางทรัพย์ เลขยานนท์ พร้อมด้วยบุตรธิดา และชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาในตำบลเสาธงร่วมกันสร้างขึ้น


รูปหลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่
แต่เดิมมีชื่อว่า “ วัดใหม่ไชยวิชิตราษฎร์ศรัทธาธรรม ” หรือเรียกสั้นๆ ว่า “ วัดใหม่ไชยวิชิต ” หรือ “ วัดไชยวิชิต ” แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่มักจะเรียกกันติดปากว่า “ วัดเสาธงใหม่ ” โดยได้รับวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ.๒๔๒๐

“ วัดใหม่ไชยวิชิตราษฎร์ศรัทธาธรรม ” ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๓ และได้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น “ วัดเสาธงใหม่ ” ตามชาวบ้านเรียก นับจากนั้นเป็นต้นมา

“ วัดเสาธงใหม่ ” มีความเจริญรุ่งเรืองสูงสุดในยุคของ “ หลวงพ่อแป้น ” เป็นเจ้าอาวาส เนื่องจากท่านเป็นพระอริยสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทั้งยังเชี่ยวชาญชำนาญด้านไสยศาสตร์ทุกรูปแบบ แบบที่ว่าหาผู้เสมอเหมือนได้ยากยิ่ง ส่วนศิลปกรรมที่โดดเด่นของวัดเสาธงใหม่ก็คือ หน้าบันของพระอุโบสถนั้น ปั้นเป็นภาพนูนต่ำรูปพุทธประวัติตอนปฐมเทศนา นับว่าเป็นงานปั้นที่งดงามยิ่ง และที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของวัดเสาธงใหม่ก็คือ พระภิกษุสงฆ์จะใช้เรือออกบิณฑบาตในตอนเช้า โดยจะพายเรือไปตามลำน้ำลพบุรี ซึ่งเป็นภาพที่น่าประทับใจหาที่ไหนไม่มีอีก


รูปถ่ายอัดกระจก หลวงพ่อแป้น รุ่นสร้างศาลา
ลำดับเจ้าอาวาส
๑. พระอิน
๒. พระอธิการพันธุ์
๓. หลวงพ่อแป้น อุตฺตโม
๔. พระอธิการธูป พฺรหฺมโชโต
๕. พระอธิการสะอาด อาจารสมฺปนฺโน
๖. พระอธิการบุญช่วย โชติปญฺโญ พ.ศ.๒๕๒๕-๒๕๒๙
๗. พระครูธรรมาภิรักษ์ พ.ศ.๒๔๓๓-ปัจจุบัน

หลวงพ่อแป้น อุตตโม “ หลวงพ่อแป้น ” มีนามเดิมว่า “ แป้น ” เกิดเมื่อ พ.ศ.๒๔๐๒ ปีมะแม ณ ตำบลกุดนกเปล้า อำเภอปากเพรียว จังหวัดสระบุรี ไม่มีการจดบันทึกชื่อบิดา-มารดาและญาติพี่น้องของท่านเอาไว้ ท่านมีนามสกุลว่า “ ศรีพา ” เมื่อมีอายุครบบวชก็อุปสมบท ณ วัดแคนอก ตำบลบางกระสอ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี โดยมี หลวงพ่อแดง เจ้าอาวาสวัดแคนอก เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายา “ อุตตโม ” แปลว่า “ สูงสุด ”

“ หลวงพ่อแป้น ” ท่านเป็นผู้มีใจใฝ่รู้ในทางไสยศาสตร์มาตั้งแต่เป็นเด็ก เมื่อท่านบวชเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านได้เดินทางไปเรียนบาลีและมูลกัจจายน์ที่วัดสระเกศ กรุงเทพมหานคร ครั้นพอเรียนจบแล้วท่านก็ไปศึกษาสมถวิปัสสนากรรมฐานและพุทธาคมกับ “ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( มา ) แห่งวัดสามปลื้ม ” จากนั้นก็ได้เดินทางไปเรียนอาคมกับ “ หลวงพ่อปาน วัดมงคลโคธาวาส ( วัดบางเหี้ย ) ” ตำบลคลองด่าน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อ “ หลวงพ่อแป้น ” มีพลังจิตเข้มแข็งอาคมเข้มขลังแล้ว ท่านก็ออกธุดงควัตรตามรอย “ หลวงพ่อปาน ” ผู้เป็นพระอาจารย์


เหรียญหล่อพระพุทธรูป หลังแพะ
และในขณะที่ “ หลวงพ่อแป้น ” เดินธุดงค์อยู่ในจังหวัดนครปฐมอยู่นั้น ท่านก็ได้พบกับสุดยอดปรมาจารย์จอมเวทย์อีกท่านหนึ่งของเมืองไทย ใช่แล้ว! ท่านผู้นั้นก็คือ “ หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ” นั่นเอง หลวงพ่อแป้น ใช้เวลาเรียนอาคมกับหลวงพ่อทาอยู่เป็นพักใหญ่ จากนั้นท่านก็ได้มาขอเป็นลูกศิษย์เรียนวิชากับ “ หลวงปู่นาค แห่งวัดห้วยจระเข้ ” ตามคำแนะนำของหลวงพ่อทา และในระหว่างที่  หลวงพ่อแป้น อยู่ในมณฑลนครชัยศรี ท่านก็พบกับ “ หลวงปู่บุญ แห่งวัดกลางบางแก้ว ” ท่านจึงขอเรียนวิชาอาคมด้วย และว่ากันว่า หลวงพ่อแป้น ท่านผูกพันกับหลวงปู่บุญเป็นอย่างมาก ถึงขนาดเดินทางมาหาท่านอยู่บ่อยๆ เฉกเช่นเดียวกันกับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ที่มาหาหลวงปู่บุญอยู่เสมอๆ


เหรียญพระพุทธ วัดเสาธงใหม่ ปี 2527
หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง ปลุกเสก
ออกพร้อมเหรียญหลวงพ่อแป้น ปี 2527
อนึ่ง อัน เหรียญหล่อหลังรูป “ แพะ ” ของหลวงพ่อแป้นนี้พบที่ วัดกลางบางแก้ว จังหวัดนครปฐม เป็นจำนวนมาก บ้างก็ว่า หลวงพ่อแป้น ท่านสร้างแล้วนำมาถวายหลวงปู่บุญไว้เป็นที่ระลึก ” ( หลวงปู่รอด วัดวังน้ำวน ซึ่งอยู่ในการปกครองของหลวงปู่บุญ ก็นำเหรียญหล่อของท่านมาถวายหลวงปู่บุญเช่นกัน ) บางคนว่า “ เอามาถวายหลวงปู่บุญเพื่อให้ท่านแจกลูกศิษย์ลูกหา ” แต่ก็มีอีกหลายท่านบอกว่า หลวงพ่อแป้น ท่านนำมาให้หลวงปู่บุญผู้เป็นพระอาจารย์ช่วยปลุกเสกให้ ” หรือบางท่านก็ว่า “ หลวงปู่บุญท่านสร้างให้ หลวงพ่อแป้น ”

สำหรับเรื่องนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันชัดเจน หากผู้อ่านท่านใดมีข้อมูลในเรื่องดังกล่าวที่ว่ามา ก็ส่งต่อให้ผู้เขียนได้นะครับ ผู้เขียนจะได้นำมารวบรวมเพื่อเผยแพร่เป็นวิทยาทานให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานได้ใช้เป็นข้อมูลที่ถูกต้องต่อไป 


สำเร็จวิชาธาตุ

ต่อมาหลวงพ่อแป้นได้เดินทางไปหาความปลีกวิเวกทางภาคเหนือ แล้วท่านก็ได้พบกับ “ หลวงพ่อฤทธิ์ แห่งวัดบ้านสวน ” ( วัดฤทธิ์ศิริราษฎร์เจริญธรรม ) อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย สำหรับ หลวงพ่อฤทธิ์ นี้ท่านเป็นลูกศิษย์ของ “ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต พรหมรังสี ) ” แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม หลวงพ่อฤทธิ์ท่านสำเร็จวิชาเล่นแร่แปรธาตุ สามารถแปลงโลหะธรรมดาๆ ให้กลายเป็นทองคำได้ หลวงพ่อแป้นจึงขอเรียน “ วิชาธาตุ ” กับท่านจนสำเร็จครบถ้วนกระบวนการ

สำหรับ “ วิชาธาตุ ” นี้ หากผู้ใดสำเร็จก็จะสามารถเสกสิ่งของให้กลายเป็นสัตว์ได้ เช่น เสกใบมะขามให้เป็นต่อแตน เสกหญ้าเสกผักบุ้งให้กลายเป็นจระเข้ ทั้งยังสามารถล่องหนหายตัวได้ ย่นระยะทางได้อีกด้วย และเรื่องที่ว่ามา หลวงพ่อแป้น ท่านทำได้หมด คนเฒ่าคนแก่ที่เกิดทันท่าน ต่างก็ยืนยันอย่างหนักแน่นเป็นเสียงเดียวกันเพราะเห็นคาตากันตั้งหลายคน ทั้งยังเล่าขานสืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นจนกลายเป็นตำนานอันยิ่งใหญ่ของท้องถิ่นว่า “ หลวงปู่แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่าผู้ยิ่งใหญ่ทำอะไรได้ หลวงพ่อแป้น ก็ทำได้เช่นเดียวกัน ” เรื่องก็เป็นเช่นนี้แล...


รูปหลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่ หลังผ้ายันต์
ส่วนวิชาการสร้าง “ หุ่นพยนต์ ” นั้น หลวงพ่อแป้น ท่านก็เรียนมาจากพระภิกษุชาวเขมรผู้มีนามว่า “ พระอาจารย์โนรี ” อันพระอาจารย์โนรีท่านนี้ มีความเชี่ยวชาญทางด้านไสยศาสตร์จนหาตัวจับยาก
  
จะเห็นได้ว่า “ ผู้ที่สอนวิชาอาคมให้กับหลวงพ่อแป้น อย่าง หลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้, หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน, สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( มา ) วัดสามปลื้ม, หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว, หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก, หลวงพ่อฤทธิ์ วัดบ้านสวน และ พระอาจารย์โนรี ล้วนแล้วแต่เป็นปรมาจารย์จอมเวทแห่งดินแดนสุวรรณภูมิทั้งสิ้น จึงไม่จำเป็นต้องสาธยายกันอีกต่อไปว่า หลวงพ่อแป้นท่านจะเก่งขนาดไหน ”
ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเสาธงใหม่

ต่อมา “ หลวงพ่อแป้น ” ได้มาปักกลดอยู่แถบ ตำบลเสาธง อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชาวบ้านในย่านนั้นเห็นปฏิปทาของท่านแล้วเกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงพากันมานิมนต์ให้ท่านไปจำพรรษาอยู่ที่ “ วัดเสาธงใหม่ ” ซึ่งในขณะนั้นเจ้าอาวาสได้มรณภาพลงพอดี หลวงพ่อแป้น จึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส วัดเสาธงใหม่ นับว่าท่านเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ ๓ ของวัดนี้ และท่านก็ได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้เป็น “ พระอุปัชฌาย์ ” ในเวลาต่อมา

อนึ่ง หลวงพ่อแป้นท่านเป็นพระอุปัชฌาย์บวชพระภิกษุสงฆ์มามากมาย แต่ก็มีเรื่องแปลกอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นคือ ท่านจะไม่สึกพระให้กับใครอย่างเด็ดขาด หากมีใครมาขอให้ท่านสึก ท่านก็จะให้ไปสึกกับ “ หลวงพ่อฟอง วัดเขาดิน ” หรือสึกกับลูกศิษย์รูปอื่นของท่านแทน


วัตถุมงคล

รูปถ่ายอัดกระจกหลวงพ่อแป้น หลังหลวงพ่อซวง
๑. เหรียญหล่อรุ่นแรก แบบที่ ๑ เป็นเหรียญหล่อโบราณรูปห้าเหลี่ยมมีหูในตัว เนื้อทองผสม มีลักษณะเดียวกันกับเหรียญรุ่น ๒ ของหลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ด้านหน้าเหรียญเป็นพระพุทธ หลังเหรียญเป็นอักขระภาษาขอมคำว่า “ มิ ” ด้านบนเป็นตัวอุณาโลม

๒. เหรียญหล่อรุ่นแรก แบบที่ ๒ ( หลังแพะ ) เป็นเหรียญหล่อโบราณรูปห้าเหลี่ยมมีหูในตัว เนื้อทองผสม มีลักษณะเดียวกันกับเหรียญแบบที่ ๑ ( เหมือนเหรียญรุ่น ๒ ของหลวงพ่อทา ) ด้านหน้าเหรียญเป็นพระพุทธ หลังเหรียญมีรูป “ แพะ ” ส่วนด้านบนเป็นอักขระภาษาขอมคำว่า “ มิ ” มีตัวอุณาโลมอยู่ด้านบนสุด

อนึ่ง อันเหรียญหล่อ “ หลังแพะ ” ของ หลวงพ่อแป้น นี้ พบที่วัดกลางบางแก้ว จังหวัดนครปฐม เป็นจำนวนมาก บ้างก็ว่า หลวงพ่อแป้น สร้างแล้วนำมาถวายหลวงปู่บุญ ส่วนบางคนก็ว่าหลวงปู่บุญท่านสร้างให้ หลวงพ่อแป้น สำหรับเรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อยุติ หากผู้เขียนมีข้อมูลที่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนก็จะนำมาเขียนรับใช้ท่านผู้อ่านต่อไป

๓. รูปถ่ายอัดกระจก หลวงพ่อแป้น ด้านหน้าเป็นรูป หลวงพ่อแป้น ครึ่งองค์ มีภาษาไทยด้านล่างคำว่า “ ที่ฤรึกในการสร้างศาลา ”

๔. รูปถ่ายอัดกระจก หลวงพ่อแป้น  หลังหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว ( หลวงพ่อซวง สร้าง )

๕. รูปถ่ายอัดกระจก หลวงพ่อแป้น หลังหลวงพ่อมาก วัดโตนด ( หลวงพ่อมาก สร้าง )

๖. เหรียญปี พ.ศ.๒๕๑๑ เป็นเหรียญรูปหน้าวัว เนื้อทองแดง ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปหลวงพ่อแป้นครึ่งองค์ ด้านข้างทางซ้ายขวาเป็นอักขระภาษาขอม หลังเหรียญมีอักขระภาษาขอม อ่านว่า “ มิ ” ด้านบนเป็นตัวอุณาโลม ส่วนด้านล่างมีภาษาไทยคำว่า “ พระอุปัชฌาย์แป้น อุตฺตโม วัดเสาธงใหม่ ๒๕๑๑ ” เหรียญนี้มีประสบการณ์มากดังที่จะกล่าวถึงในช่วงอภินิหารของ หลวงพ่อแป้น ต่อไป

๗. เหรียญปี พ.ศ.๒๕๒๗ เป็นเหรียญ ๕ เหลี่ยม เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง ด้านหน้าเหรียญ-เป็นรูปหลวงพ่อแป้นนั่งเต็มองค์ ด้านข้างทั้งซ้ายขวามีอักขระภาษาขอม ส่วนด้านล่างมีภาษาไทยคำว่า “ พระอุปัชฌายะแป้น ” หลังเหรียญ-มีอักขระภาษาขอมคำว่า “ มิ ” ด้านบนเป็นตัวอุณาโลม ส่วนด้านล่างมีภาษาไทยคำว่า “ วัดเสาธงใหม่ อ.บางปะหัน อยุธยา ๒๕๒๗ ” สำหรับพระอาจารย์ที่เสกพิธีนี้ก็มีหลายท่าน เช่น หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง เป็นต้น

๘. หุ่นพยนต์

๙. ผ้ายันต์


อภินิหารหลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่

เสือมองบ้านไม่เห็น”

“ คุณฉัตรเพชร เดชรัตน์ ” เป็นคนบ้านตานิม  อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรุณาเล่าให้ฟังว่า เคยมีพวก “ เสือ ” จะไปปล้นบ้าน พ่อของคุณฉัตรเพชร แต่เมื่อพอพวกเสือมาถึง เสือกลับมองหาบ้านไม่เห็น เห็นมีแต่น้ำอย่างกับบึง ทั้งยังมีเมฆหมอกปกคลุมอยู่เต็มไปหมด ทั้งๆ ที่พวกเสือได้มาดูลาดเลาก่อนแล้วในตอนกลางวัน เสือจึงรู้ว่าบ้านนี้มีของดีจึงละไว้ไม่มาปล้นอีก และ “ เสือ ” คนที่จะมาปล้นได้เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง ซึ่งเพื่อนเสือคนนี้ก็เป็นเพื่อนกับพ่อของคุณฉัตรเพชรอีกที แกจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อคุณฉัตรเพชรฟัง เรื่องก็เป็นเช่นนี้แล

อยากรู้ไหมว่าอะไรกันที่ทำให้ “ ตา ” ของพวกเสือเพี้ยนไปได้ถึงขนาดนั้น และสิ่งที่ทำให้ตาของพวกเสือผิดเพี้ยนไป ก็เพราะว่า “ ที่บ้านพ่อของคุณฉัตรเพชรมีผ้ายันต์ หลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่ แปะไว้ที่บนหัวเสานั่นเอง ”


มีดดาบฟันไม่ระคายผิว

“ คุณอารยัณ  สีนวล ” อายุ ๓๖ ปี เป็นคนบ้าน เสาธงใหม่ อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรุณาเล่าเรื่องอภินิหารที่เกิดจากเหรียญ “ หลวงพ่อแป้น ” สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๑ ซึ่งทำขึ้นหลังจากที่ท่านได้มรณภาพไปแล้วนานถึง ๒๐ ปี และเหรียญนี้ได้ทำให้ “ คุณอารยัณ ” รอดตายมาได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ดังนี้...


เหรียญหลวงพ่อแป้น ปี 2511 รุ่นประสบการณ์
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๔ ขณะที่ คุณอารยัณ อายุ ๒๐ ปี แกกับเพื่อนอีก ๒ คน ได้พากันไปเที่ยวที่ “ ร้านอาหารคนด่านเกวียน ” จังหวัดสมุทรปราการ โดยวันนั้นมีคอนเสิร์ตของวงดนตรีเพื่อชีวิตชื่อดัง จึงมีคนพากันไปเที่ยวเป็นจำนวนมาก ทั้งผู้หญิงผู้ชาย ทั้งพวกวัยรุ่น และพวกรุ่นเดอะทั้งหลาย เรียกได้ว่า “ วันนั้นที่ร้านอาหารแห่งนี้ กลายเป็นแหล่งรวมของบรรดานักเที่ยวราตรีทั้งหลาย ” และก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนโสดอายุ ๒๐ กว่าๆ ( กลุ่มคุณอารยัณ ) เมื่อได้มาเที่ยว ก็ต้องเที่ยวกันแบบสนุกสุดเหวี่ยง

ขณะที่คุณอารยัณกับเพื่อนคนแรกกำลังเต้นกันอยู่ข้างโต๊ะ ส่วนเพื่อนคนที่สองก็กำลังคุยกับ “ สาวสวย ” ที่โต๊ะข้างๆ อยู่นั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า “ เรื่องไหนกันแน่ที่ไปขัดหูขัดตาพวกนักเลงเจ้าถิ่นเข้าให้ ” นักเลงเจ้าถิ่นจึงตะโกนด่าทอพร้อมให้ของ “ ลับ ” กับกลุ่มของคุณอารยัณ ( พวกนั้นมากัน ๒ โต๊ะ มีอยู่ประมาณ ๘-๑๐ คน )

แรกๆ คุณอารยัณ ก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่า ‘ พวกนั้นคงด่าโต๊ะข้างๆ ไม่เกี่ยวกับตัว ’ แต่คุณอารยัณคิดผิด! เพราะแกถูกพวกนักเลงเจ้าถิ่นขว้างแก้วใส่ เท่านั้นแหละคุณอารยัณจึงหันหน้ามาแล้วพูดว่า “ ถ้ามึงแน่จริง มึงก็มาต่อยตัวต่อตัวกับกู ” นักเลงเจ้าถิ่นเมื่อเจอคนต่างถิ่นท้าทาย มันก็กระโจนเข้าใส่ผู้มาเยือนทันที

จากร้านอาหารแต่แรกก็กลับกลายเป็นเวทีมวยขนาดย่อมๆ ไป “ โดยนักเลงเจ้าถิ่นเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อน แต่เชิงมวยสู้เด็กบ้านนอกคอกนาไม่ได้ พอมันต่อยมาทีก็โดนเด็กอยุธยาสวนกลับไปแรงๆ ที มันเตะมาทีก็โดนโต้กลับไปแรงๆ อีกที เป็นอย่างนี้อยู่ครู่ใหญ่ ” จวนๆ ที่นักเลงเจ้าถิ่นจะล้มอยู่รอมร่อ “ สารวัตรทหารเรือ ” ( สห. ) ซึ่งเป็นการ์ดคุมงานในวันนั้น ก็กรูกันเข้ามาแยกย้ายทั้งสองฝ่ายออกจากกัน


 เหรียญหลวงพ่อแป้น วัดเสาธงใหม่ ปี 2520
นับว่าเป็นความโชคดีของนักเลงเจ้าถิ่น เพราะหากว่า “ สห. ” มาช้ากว่านี้ “ นักเลงเจ้าถิ่น ” ก็คงม่อยกระรอกโดนน็อคต่อหน้าธารกำนัลไปแล้ว และเรื่องนี้ได้ทำให้นักเลงเจ้าถิ่นเสียหน้าเป็นอย่างมาก มันจึงรวบรวมสมัครพรรคพวกแล้วดักรอคุณอารยัณอยู่นอกร้าน...

หลังจากร้านปิด กลุ่มคนที่มาเที่ยวต่างก็พากันทยอยออกจากร้าน คุณอารยัณบอกเพื่อนทั้งสองว่าจะไปเข้าห้องน้ำให้ไปรอที่รถ พอแกเดินออกมาจากร้านได้หน่อยหนึ่ง ก็มีชายฉกรรจ์ไม่ต่ำกว่าสิบคนล้อมแกเอาไว้ ส่วนในมือของพวกมันก็ถือมีดถือไม้ ใช่แล้ว! จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกเสียจาก “ แก๊งนักเลงเจ้าถิ่น ” คุณอารยัณยืนยันอย่างหนักแน่นว่า “ ในกลุ่มมีคนถือมีดดาบอยู่ ๒ คน และหนึ่งในนั้นก็คือคนที่ต่อยกับแกนั่นเอง ”

คุณอารยัณเดินสไลด์ออกทางด้านข้างเพื่อให้หลังพิงกำแพงเอาไว้ก่อน โดยในระหว่างนั้นแกได้หาลู่ทางเพื่อจะฝ่าออกมาแต่ก็ไม่เห็นมี ไอ้คนที่ต่อยกับแกก้าวออกมาจากแนวเพื่อนหนึ่งก้าว แล้วเอา “ มีดดาบ ” ชี้หน้าพร้อมพูดจาเสียงดังว่า “ มึงทำกูเจ็บ มึงตาย ” พูดเสร็จคนทั้งกลุ่มก็กระโจนเข้าใส่คุณอารยัณทันที

ถ้ามีแค่หมัดกับเท้าก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่พวกมันมีมีด ๒ เล่ม กับไม้อีก ๒-๓ ท่อน พวกมันช่วยกันกระหน่ำทั้งตีทั้งฟัน ส่วนคนที่ไม่มีมีดไม่มีไม้ก็ระดมทั้งเตะทั้งต่อยแบบไม่มียั้ง แรกๆ พวกมันบางคนก็โดนคุณอารยัณสวนกลับไปตั้งหลายดอกทั้งหมัดทั้งศอก ทำเอานักเลงปลายแถวหลายคนถึงกับกระเด็นหงายท้องก้นจ้ำเบ้า

แต่เมื่อโดนเอาเข้ามากๆ คุณอารยัณก็ถึงกับไถลลงมานั่งอยู่กับพื้นแต่ก็ยังประคองตัวเอาไว้ไม่ให้ล้ม ซึ่ง ณ ขณะนั้นการปัดป้องทำได้ยากเต็มที แต่ก็ยังคงมีสติสัมปชัญญะเพียบพร้อม ผู้เขียนถามเอาภายหลังว่า “ เจ็บไหม ” แกว่า “ ทำไมจะไม่เจ็บเล่า ”


เหรียญหลวงพ่อแป้น ปี 2527 หลวงปู่หน่าย
วัดบ้านแจ้ง ปลุกเสก
กลับมาที่กลุ่มนักเลงเจ้าถิ่นอีกครั้ง ไอ้คนมีมีดดาบ เกิดเอะใจว่า “ ทำไมดาบคมกริบจึงกินเลือดของคุณอารยัณไม่ได้ ทั้งๆ ที่ฟันแบบไม่ยั้งตั้งหลายที ทั้งตอนฟันมีดดาบก็กระเด้งเอาๆ คมดาบกินได้แค่เสื้อผ้าเท่านั้น ” พวกมันทั้งฟันทั้งตีแต่คุณอารยัณกลับไม่เป็นอะไรเลย มันจึงเอาดาบชี้หน้าแล้วพูดว่า “ มึงจะหนีหรือไม่หนี ถ้าไม่หนีกูจะฟันคอมึงเดี๋ยวนี้ ” คุณอารยัณจึงรีบชันตัวลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเลก่อนจะวิ่งไปที่รถ เพื่อนถามว่า “ จะไปแจ้งความไหม ” คุณอารยัณว่า “ ไม่ต้อง แค่นี้มันก็อายเต็มทีแล้ว ”

อนึ่ง คุณอารยัณเล่าให้ฟังต่อว่า หลวงพ่อแป้น ท่านเคยเลี้ยงคุณปู่ของแกมาตั้งแต่เป็นเด็ก ปู่บอกว่าหาก หลวงพ่อแป้น ท่านว่าง ท่านก็จะเอาผ้าอาบน้ำฝนมาเสกเป็นกระต่าย ให้เด็กๆ วิ่งไล่จับกันเป็นที่สนุกสนานครื้นเครง ” เรื่องก็เป็นเช่นนี้แล...

หลวงพ่อแป้น ท่านเป็นบรมครูทางไสยศาสตร์ที่เก่งที่สุดอีกท่านหนึ่ง จะเห็นได้จากบรรดาลูกศิษย์ลูกหาผู้สืบสายวิชาต่อมาจากท่านอย่าง หลวงพ่ออุป วัดตานิม, หลวงพ่อมาก วัดโตนด และ หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว ล้วนแล้วแต่เป็นพระเกจิอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งยุคทั้งสิ้น ส่วนลูกศิษย์ที่เป็นฆราวาสอย่าง “ อาจารย์ลอย โพธิ์เงิน ” ก็เก่งไม่เป็นสองรองใคร ท่านได้สร้าง “ หุ่นพยนต์ ” ตำรับ “ หลวงพ่อแป้น ” ได้ขลังจนเป็นที่เลื่องลือระบือไกล และที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ยืนยันว่า หลวงพ่อแป้น ท่านคือเพชรเม็ดงามอีกเม็ดหนึ่งจาก อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ประดับมงกุฎพุทธาคมของเมืองไทย ”

ครั้นเมื่อถึงปีพุทธศักราช ๒๔๙๑ “ หลวงพ่อแป้น ” ก็ได้มรณภาพลง ณ วัดเสาธงใหม่  สิริอายุ ๘๙ ปี  พรรษาที่ ๗๙ ยังความเศร้าโศกเสียใจมายังลูกศิษย์ลูกหาและผู้ที่เคารพศรัทธาในตัวท่าน แม้ว่าท่านจะจากพวกเราไปนานแล้ว แต่บรรดาผู้คนประชาชนทั่วไปก็ยังคงระลึกนึกถึงท่านอยู่เสมอมิมีลืมเลือน นั่นก็เพราะพุทธคุณที่เกิดจากวัตถุมงคลของท่าน ( ทั้งของเก่าที่ทันท่านเสก และของใหม่ที่ท่านไม่ได้เสก ) ได้ช่วยคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายได้ทั้งหมดทั้งมวล ทั้งยังดลบันดาลโชคลาภ เป็นเมตตามหานิยม และยังมากด้วยเดชเดชะมหาอำนาจ

สำหรับความคิดของลูกศิษย์ลูกหาและผู้คนที่อยู่ในพื้นที่แล้ว “ หลวงพ่อแป้น ” ท่านยังคงอยู่ มิได้ดับขันธ์หนีหายไปไหน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมีผู้เดือดเนื้อร้อนใจเป็นไข้ไม่สบายหรืออยากได้โชคลาภ ต่างก็จะพากันเข้าไปกราบกรานอธิษฐานจิตขอกับท่านผ่านรูปปั้นในวิหาร ไม่นานจากนั้นก็สมความมุ่งมาดปรารถนา ต้องนำ “ แกงขี้เหล็ก ” มาถวายแก้บน

นี่แหละคือความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ อมตะ ” ท่านจึงเป็น “ พระอมตะเถรจารย์ ” ที่ไม่มีวันตายไปจากใจคน เฉกเช่นเดียวกันกับ “ หลวงพ่อทา วัดพะเนียงแตก ” ผู้เป็นพระอาจารย์


( ที่มา : ลานโพธิ์ ฉบับที่ 1214 หลวงแป้น อุตฺตโม วัดเสาธงใหม่ อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ภาพและเรื่องโดย เอกลักษณ์ เพริศพริ้งเดือน กันยายน พ.ศ. 2560 ราคาปก 60 บาท )


วันนี้อ่านหนังสือ ลานโพธิ์ บน i-Pad หรือ Tablet computer ได้ทั่วโลกแล้ว ตามลิงค์นี้ 


สามารถหาอ่านหนังสือ ลานโพธิ์ ในรูปแบบ E-book ได้แล้วจร้า.. 







Available Now!  You can read whenever, wherever with any device.

 BangkokSarn App on Google Play store    Lanpo App on Google play Store    Ookbee Book Shop   Meb Market Book Shop      

#ลานโพธิ์ #หลวงพ่อแป้น #วัดเสาธงใหม่ #อ.บางปะหัน #จ.อยุธยา