“ หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี ” อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม

ภาพและเรื่องโดย..แฉ่ง บางกระเบา

หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี
เมืองสมุทรสงคราม มีพระเกจิอาจารย์ที่เข้มขลังโด่งดังมาแต่อดีตมากมายหลายรูป เช่น หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย หลวงพ่อร้าย วัดเขายี่สาร หลวงพ่อหรุ่น วัดช้างเผือก หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง ต่อมาที่กระเดื่องเลื่องลือนามก็คือ หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี เพราะเป็นผู้มีฌานหยั่งรู้ “ ตัวเลขแห่งอนาคต ” ได้แม่นยำดุจตาเห็นจึงขอนำเรื่องราวที่พิสูจน์มาแล้ว ช่างน่าอัศจรรย์ใจให้ท่านผู้อ่านสัมผัส เพื่อจะได้รู้เกจิผู้เข้มขลังนั้นมีจริงในแผ่นดินไทย

เมื่อปี พ.ศ.2508 ที่ วัดจุฬามณี อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม มีงานประจำปี ซึ่งปีนั้นคึกคักกว่าปกติ เพราะมีวงดนตรีชื่อดังมาแสดงในงาน คือ วงดนตรีลูกทุ่ง สุรพล สมบัติเจริญ ผู้คนจึงมาวัดมากกว่าปีก่อนๆ และหลังจากดนตรีแสดงจบ

เหรียญรุ่น นะ สังฆาฏิ
บรรดานักร้องนักดนตรีที่ทราบกิตติศัพท์ใน “ การให้ตัวเลขในอนาคตได้แม่นยำ ” ของ “ หลวงพ่อเนื่อง โกวิโท ” ซึ่งเป็นเจ้าอาวาส ต่างก็ไปขอกราบนมัสการก่อนลากลับ แถมด้วยการ ขอเลขเด็ด จากหลวงพ่อที่มีเมตตาจึงบอกเลขไป โดยมีชาวบ้านที่อยู่ในกุฏิ ล้วนได้ยินกันทั่วหน้า วันรุ่งขึ้นจึงพากันนำเลขตัวนั้นไปแทงลอตเตอรี่กันทั้งเมือง ปรากฏว่าทั้งชาวบ้านและนักดนตรีต่างได้เงินกันทั่วถ้วน เมื่อเลขที่หลวงพ่อให้ออกแบบตรงๆ โดยไม่ต้องแปลงหรือแปลแต่อย่างใด เป็นผลให้ชื่อเสียงของ หลวงพ่อเนื่อง เลื่องลือกระฉ่อน ดังนั้นงวดต่อมาจึงมีผู้คนไปหาท่านเต็มวัด มากกว่าผู้ที่มาดูวงดนตรีเสียอีก


พระประธานในโบสถ์วัดจุฬามณี
ด้วยเหตุนี้ข่าวที่ผู้คนหลั่งไหลไป วัดจุฬามณี จึงโด่งดังไปถึงเจ้าคณะภาค 15 ซึ่งสมัยนั้นคือ ท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฎก (สนิท เขมจารี) เจ้าอาวาสวัดเพชรสมุทร ( ต่อมาเป็น สมเด็จพระธีรญาณมุนี วัดปทุมคงคา ) จึงบัญชาให้ตั้งเจ้าคณะอำเภอคือ พระครูปัญญาสมุทรคุณ ( พจน์ ) เป็นประธานไปทำการสอบสวน เพราะเห็นว่า หลวงพ่อเนื่อง แสดงอวดอุตริไม่เหมาะแก่สมณวิสัย และในวันที่สอบสวนนั้น ท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฎก วัดเพชรสมุทร ก็เดินทางร่วมสอบด้วยโดย หลวงพ่อเนื่อง ท่านบอกว่า ไม่ได้อวดอุตริ แต่อย่างใด เพียงแต่เห็นอะไรก็บอกไปอย่างนั้น ทำให้คณะกรรมการพากันสงสัยว่า จะเป็นจริงหรือไม่ จึงมีการพิสูจน์กันขึ้น ซึ่ง หลวงพ่อเนื่อง จึงเขียนตัวเลขของลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ที่จะออกในงวดนั้น แล้วใส่หีบไว้พร้อมมัดด้วยเชือกให้แน่นหนา แขวนไว้ตรงกลางศาลาที่ทำการสอบสวน จากนั้นท่านบอกว่า ในวันหวยออกให้มาเปิดดู แล้วค่อยสอบสวนต่อ ซึ่งคณะกรรมการก็ไม่ได้ไว้ใจ จึงจัดเวรยามทำการเฝ้ากล่องไม้ที่แขวนไว้ตลอด 24 ชั่วโมง 

กระทั่งถึงวันลอตเตอรี่ออก หลังจากทราบตัวเลขที่ออกมาแล้ว คณะกรรมการจึงไปเปิดกล่องไม้แล้วดูตัวเลขในกระดาษที่ หลวงพ่อเนื่อง เขียนไว้ล่วงหน้า ปรากฏว่า ตัวเลขที่เขียนไว้หกตัวตรงกับรางวัลที่ 1 ของงวดนั้นแบบเรียงกันทุกตัวไม่มีสลับที่แม้แต่ตัวเดียว คณะกรรมการจึงสิ้นสงสัยก็ได้แต่บอกว่า หลวงพ่อเนื่อง จะอย่างไรก็ตามการบอกตัวเลข ( หวย ) ให้ชาวนั้นเป็นการประพฤติที่ ไม่เหมาะสมแก่สมณวิสัย จึงขอให้ หลวงพ่อเนื่อง ห้ามบอกอีกต่อไป


รูปปั้นหลวงพ่อเนื่อง
รูปปั้นหลวงพ่อแช่ม โสฬส
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลวงพ่อเนื่อง ท่านจึงยุติการบอกตัวเลขตามคำตักเตือนของคณะกรรมการสอบสวน แต่เมื่อชาวบ้านไปขอกันมากๆ ท่านจึงได้แต่บอกใบ้ไปบ้าง หรือชาวบ้านที่ไปเฝ้าดูพฤติกรรมของท่าน นำไปตีเป็นตัวเลขเอง และพอนำตัวเลขทั้งที่เป็นการใบ้ และตีความกันเองไปแทงลอตเตอรี่ก็ถูกกันตลอดมา พอถูกก็แบ่งเงินไปถวายท่านบ้างตามกำลังของแต่ละคน ซึ่ง หลวงพ่อเนื่อง ก็ไม่สนใจนัก เมื่อมีผู้คนนำเงินไปถวายท่าน ท่านก็ได้แต่เอายัดไว้ในตู้บ้าง ในโต๊ะบ้าง ซอกกุฏิบ้าง โดยไม่เคยไปนับดูหรือหยิบเอาใช้แต่อย่างใด กระทั่งท่านมรณภาพ เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันคือ พระครูโสภิตวิริยาภรณ์ ( อิฏฐ์ ภัทจาโร ) จึงไปเก็บของในกุฏิของหลวงพ่อ ปรากฏว่าพบเงินที่ท่านซุกๆ เอาไว้และอยู่ในซองเก่าตามที่ผู้คนนำมาถวาย ซึ่งล้วนแต่เป็น ธนบัตรเก่า จำนวนมาก นับแล้วได้เงินถึง ยี่สิบล้านบาท เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง


พระอุโบสถจตุรมุข
และเมื่อเร็วๆ นี้คือ วันที่ 28 สิงหาคม 2551 แม้ หลวงพ่อเนื่อง มรณภาพไปนานแล้ว แต่เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันก็ยังคงจัดงานทำบุญ “ สลากภัต ” ตามประเพณีที่เคยทำต่อมา โดยเชิญรองผู้ว่าราชการจังหวัด สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ในขณะนั้นไปเป็นประธานในพิธี และหลังจากพิธีเปิดงานผ่านไปแล้วทางวัดก็เชิญรองผู้ว่าฯทำการจับ “ สลากภัต ” ประเดิมเป็นคนแรก ปรากฏว่าเบอร์สลากภัตได้ กองสลากภัตของ หลวงพ่อเนื่อง ที่ทางวัดจัดไว้เป็นที่ระลึกถึงหลวงพ่อทุกปี และเบอร์ที่จับได้คือเบอร์ “ 666 ” โฆษกของวัดจึงประกาศให้ชาวบ้านทราบทั่วกัน ชาวบ้านที่นิยมแทงลอตเตอรี่จึงนำเลขเบอร์นั้นไปซื้อลอตเตอรี่ ปรากฏว่าเลขออก “ 666 ” ตรงตัวเป๊ะ และบางคนนำเลข   แปลเป็น “ 36 ” ปรากฏว่าลอตเตอรี่เลขท้ายงวดนั้นออก “ 36 ” อีกด้วย ทำให้ชาวบ้านยิ้มกันไปทั่วหน้า

ต่อมารองผู้ว่าราชการจังหวัดสุทธิพงษ์ ไปบูชารูปหล่อบูชา หลวงพ่อเนื่อง เพื่อมอบเป็นที่ระลึกให้กับ พล.ต.ต.สถิตย์ นันทวิศิษฏ์ ซึ่งย้ายจาก สมุทรสงคราม ไปประจำกองนิติเวชสำนักงานตำรวจ ทางวัดจึงมอบให้ท่านรองผู้ว่าฯเป็นที่ระลึกอีก 1 องค์ ท่านรองฯจึงอาราธนาไปตั้งไว้ใน รถประจำตำแหน่ง ทะเบียน 789 สมุทรสงคราม เพื่อเป็นสิริมงคล บรรดาคนขับรถในศาลากลางจังหวัดเห็นรูปหล่อ หลวงพ่อเนื่อง ตั้งอยู่ จึงนำเลขท้ายทะเบียนรถของรองผู้ว่าฯคือ “ 89 ” ไปซื้อลอตเตอรี่ ปรากฏว่าถูกกันทั่วหน้า เป็นที่เลื่องลือกันทั้งศาลากลางจังหวัดว่า “ แม้ หลวงพ่อเนื่อง จะมรณภาพไปแล้วก็ยังมาให้หวยแม่นเหมือนเดิม ”


ในเรื่องความขลังของ หลวงพ่อเนื่อง นอกจากเรื่องของ “ ตัวเลข ” แล้ว “ วัตถุมงคล ” ของท่านก็ศักดิ์สิทธิ์ โดยมีประสบการณ์มากมาย อย่างเช่น นายอดิศักดิ์ คุ้มแสง อยู่บ้านเลขที่ 37/3 หมู่ 6 ต.คลองเขิน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม โทรศัพท์ 08-1917-4362 เจ้าของ ร้านอาหารและรีสอร์ทคุ้มแสงทอง อดีตเป็นมือกีตาร์เบสให้ “ วงดนตรีแหลมเมอริสัน ” มีฉายา “ อี๊ด เมอริสัน ” เล่าว่า เขานับถือหลวงพ่อเนื่องมาก ในคอแขวน เหรียญ หลวงพ่อเนื่อง รุ่นแรก ในรถมีธงยันต์ของ หลวงพ่อเนื่อง  ติดไว้ในรถ เคยขับรถประสบอุบัติเหตุหลายครั้งแต่ไม่ได้รับอันตรายเลย และอีกเหตุการณ์ที่ระทึกขวัญแบบลืมไม่ลงคือเหตุ “ รถแก๊สระเบิด ” ที่ถนนเพชรบุรีเมื่อหลายปีมาแล้ว เขาได้ขับรถเพื่อไปเล่นดนตรีที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ซึ่งต้องผ่านบริเวณที่เกิดเหตุรถแก๊สระเบิด แต่พอขับมาถึงศูนย์การค้าเมโทรก็เกิดอยากสูบบุหรี่ แต่ปรากฏว่าบุหรี่หมดจึงเลี้ยวรถเข้าไปซื้อบุหรี่ในศูนย์การค้าเมโทร

จากนั้นจึงขับรถออกถนนเพชรบุรี แต่กลับมีรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งตัดหน้ากระชั้นชิด อี๊ด เมอริสัน รีบเบรกรถอย่างกะทันหันทำให้เครื่องยนต์ดับลง และพอสตาร์ทรถติดเพื่อขับไปเล่นดนตรีก็เห็นลูกไฟพุ่งมาตามถนน จึงรีบเลี้ยวรถกลับไปทางศูนย์การค้าเมโทรแล้วขับออกไปทางแยกมักกะสัน กระทั่งไปถึงที่เล่นดนตรีจึงทราบว่าเกิดเหตุรถแก๊สพลิกคว่ำแล้วระเบิด ทำให้แก๊สไหลไปตามถนน ทำให้ผู้คนบนรถที่จอดติดกันอยู่บริเวณนั้นตายอย่างสยดสยองนับร้อยคน ส่วนที่เขารอดก็เพราะแวะซื้อบุหรี่ไม่งั้นก็คงอยู่ในจุดที่รถแก๊สระเบิดพอดี ดังนั้น อี๊ด เมอริสัน จึงเชื่อว่ารอดจากเหตุครั้งนั้นก็ด้วยบารมีของ “ หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี ” บันดาลให้เป็นไปแน่นอน

วัดจุฬามณี สถานที่พำนักของ หลวงพ่อเนื่อง นั้นเป็นวัดเก่าแก่มาแต่อดีต มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจมาก มีความสำคัญในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับราชวงศ์จักรี ฝ่ายราชนิกุล ( ตระกูลบางช้าง ) วัดจุฬามณี เดิมมีชื่อเรียกว่า “ วัดแม่เจ้าทิพย์ ” ตามประวัติสืบมาได้ว่า วัดนี้สร้างมาแต่รัชสมัย พระเจ้าปราสาททอง มีกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ตามประวัติว่าท่าน ท้าวแก้วผลึก (น้อย) ธิดาคนหนึ่งของ ท่านพลาย ซึ่งเป็นนายตลาดบางช้าง มีหน้าที่เก็บภาษีอากรขนอนตลาด จึงมีทรัพย์และรายได้มากชั้นเศรษฐีผู้หนึ่ง จึงได้สร้าง วัดจุฬามณี ขึ้นมาใหม่ วัดจุฬามณี ได้รับความอุปถัมภ์ทำนุบำรุงจากมหาอุบาสก และมหาอุบาสิกาสำคัญ ซึ่งต่อมาภายหลังเป็นต้นราชวงศ์จักรี โดยภูมิประเทศแห่งนี้เป็นที่ประสูติของเจ้าผู้ครองประเทศไทยสืบต่อกันมา

ข้อสำคัญก็คือ วงศ์ตระกูล ราชนิกุลบางช้าง นี้ มีต้นกำเนิดไปจากตำบลบางช้างนี้เอง นิวาสถานเดิมของ ท่านเศรษฐีทอง เศรษฐีสั้น เป็นพระชนกชนนีของ สมเด็จพระอัมรินทรามาตย์ นั้นตั้งอยู่หลัง วัดจุฬามณี ซึ่งเดินไปราวสัก 5 เส้น ( หรือราวประมาณ 5 นาที ) บริเวณนิวาสถานนั้นมี ต้นจันทน์ใหญ่ อยู่ 3 ต้น แต่ละต้นวัดโดยรอบประมาณ 2 คนโอบ ระหว่างต้นห่างกันประมาณ 4 วา กล่าวกันว่าปลูกอยู่ข้างบ้านของท่านเศรษฐีทั้งสอง แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าต้นจันทน์ได้ทิ้งซากล้มขอนไว้จนผุ ซากนี้ยังคงทิ้งขอนอยู่จนถึงปีพุทธศักราช 2510


ศาลา
ต่อมาได้ทราบว่าท่านศึกษาธิการ อำเภออัมพวา ในสมัยนั้น ท่านสนใจต้องการทราบประวัติและหลักฐาน ทั้งทางภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ อันเป็นนิวาสถานเดิมของต้นราชตระกูลแห่งราชวงศ์จักรี จึงได้เดินทางไปสำรวจ แต่ตัวผู้เช่าสวนหรือเจ้าของที่ดินรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้เอาไฟเผาซากตอที่ทิ้งซากล้มขอนนั้นไปจนหมดสิ้นไม่เหลือร่องรอยไว้เลย เข้าใจว่าผู้เช่าหรือเจ้าของที่ดินบริเวณนั้นเกรงว่าทางราชการจะมายึดที่ดินคืน คงสงวนไว้เพื่อเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ก็เป็นได้ ซึ่งที่ต้นจันทน์ 3 ต้นนี้ถูกปลูกขึ้น คงอยู่ใกล้นิวาสถานที่ประสูติ และเจริญพระชนมชันษา และประทับที่ตำหนักนี้ สมเด็จพระอมรินทรามาตย์ ( นาค ) เป็นพระธิดารูปสวยงดงามของท่านเศรษฐีบางช้าง จนกิตติศัพท์เลื่องลือไปจนถึงกรุงศรีอยุธยา


ในสมัยนั้นพระเจ้าแผ่นดินกรุงศรีอยุธยาซึ่งทรงแสวงหาสตรีรูปงามไปเป็นสนม ได้มีอำมาตย์ใกล้ชิดกราบบังคมทูลว่าธิดาเศรษฐีบางช้างรูปสวยนัก จึงได้จัดส่งคนมาสู่ขอ ท่านเศรษฐีผู้เป็นบิดา-มารดาทราบเข้า จึงชิงยกลูกสาวให้แต่งงานกับมหาดเล็กชื่อ ทองด้วง เสียก่อน มหาดเล็กทองด้วงนั้นภายหลังได้มาเป็น หลวงยกกระบัตร เมืองแม่กลอง แขวงราชบุรี เมื่อสมรสหรือแต่งงานกันแล้วได้มาอยู่กับศรีภรรยาที่ตำบลบางช้างนี้

ครั้นเมื่อเกิดศึกพม่ายกเข้าตีกรุงศรีอยุธยาแตก หลวงยกกระบัตรทองด้วงได้อพยพครอบครัวหลบภัยพม่าอยู่ในป่าทึบหลัง วัดจุฬามณี นั่นเอง ก่อนที่จะได้ไปฝากตัวเข้ารับราชการกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ผู้ครองกรุงธนบุรี ต่อมาสิ้นแผ่นดินของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หลวงยกกระบัตรทองด้วงหรือ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ ตั้งราชวงศ์จักรี สืบต่อมา



การหลบภัยพม่าครั้งนั้น ท่านนาค ซึ่งต่อมาได้รับสถาปนาเป็น สมเด็จพระอมรินทรามาตย์ พระบรมราชินีใน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงครรภ์แก่จึงต้องพาเสด็จ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งสถิตอยู่ในพระครรภ์ไปหลบซ่อนพม่าอยู่ในป่าทึบหลัง วัดจุฬามณี ด้วย และต่อมาได้ประสูติกาล ท่านฉิม ( พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ) เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2310 ตรงกับวันพุธ เดือน 4 ขึ้น 7 ค่ำ ปีกุน สถานที่ประสูติก็ว่าในนิวาสสถานใกล้ต้นจันทน์อันเป็นนิวาสสถานหลังเก่าของ ท่านเศรษฐีทอง เศรษฐีสั้น นั่นเอง

และยิ่งไปกว่านั้น ในระหว่างที่หลบภัยพม่าอยู่หลัง วัดจุฬามณี นั้น กรมสมเด็จพระศรีสุดารักษ์ (แก้ว) พระพี่นางองค์ที่ 2 ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้เสด็จหลบภัยพม่ามาอาศัยอยู่กับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชด้วย กำลังอยู่ในระหว่างทรงพระครรภ์แก่ และได้ประสูติพระธิดาในป่าหลังวัดจุฬามณีด้วยเหมือนกัน เมื่อวันที่ 21 กันยายน พุทธศักราช 2310 ตรงกับวันอาทิตย์ แรม 12 ค่ำ เดือน 12 ปีกุน พระธิดาพระองค์นี้ทรงพระนามว่า เจ้าฟ้าหญิงบุญรอด ซึ่งถือนิมิตที่ว่าหนีพ้นพม่าข้าศึกมาได้ ภายหลังเจ้าฟ้าหญิงบุญรอดได้อภิเษกสมรสเป็นมเหสีในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 และได้รับการสถาปนาเป็น สมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ นับเป็นพระบรมราชินีองค์ที่ 2 ของราชวงศ์จักรีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และเป็นการประหลาดมากที่ได้มาถือกำเนิดที่ตำบลบางช้างในป่าหลัง วัดจุฬามณี เหมือนสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 1


พระอาจารย์อิฏฐ์
เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน
แผ่นดินตำบลบางช้าง เมืองสมุทรสงคราม บริเวณหลัง วัดจุฬามณี นี้ จึงนับว่าเป็นแผ่นดินที่เป็นมงคลยิ่ง เพราะเหตุ 5 ประการ คือ

1. เป็นสถานที่กำเนิดของพระชนก-ชนนีของสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ เท่ากับเป็นดินแดน ต้นกำเนิดของราชนิกุลบางช้าง

2. เป็นสถานที่ประสูติของ สมเด็จพระอมรินทรามาตย์ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 1 และ สมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระราชินีในรัชกาลที่ 2 ซึ่งท่านเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขชาวสมุทรสงครามโดยตรง

3. เป็นสถานที่ประทับดับร้อนของ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ก่อนที่จะไปเป็นแม่ทัพใหญ่ในสมัยกรุงธนบุรี และต่อมาได้ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ตั้ง ราชวงศ์จักรี ได้เคยฝากดาบฝากแหวนไปถวายสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จากดินแดนแห่งนี้ ตำบลบางช้างจึงเป็นสถานที่ตั้งเนื้อตั้งตัวของพระองค์ท่านโดยแท้

4. เป็นสถานที่ได้รับทุกขเวทนาของ สมเด็จพระอมรินทรามาตย์ ที่ต้องเสด็จหลบหนีภัยพม่าไปพักแรมอยู่ในป่าระหว่างทรงพระครรภ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

5. เป็นสถานที่ประสูติของ พระบาทมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระมหากษตริย์ รัชกาลที่ 2 แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ พุทธศักราช 2310 สถานที่ประสูติในป่าหลัง วัดจุฬามณี


สุทธิพงษ์ จุลเจริญ อดีตรองผู้ว่า
ราชการจังหวัดสมุทรสงคราม
ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าต่อกันมาว่า ท่านเศรษฐีทองกับเศรษฐีสั้น เป็นเศรษฐีใจบุญชอบทำบุญฟังธรรมและถือศีลอุโบสถในวันพระ 8 ค่ำ และ 15 ค่ำเสมอเป็นนิจ มาวันหนึ่งซึ่งวันนั้นเป็นวันพระ ท่านเศรษฐีสองสามี-ภรรยาได้ไปถือศีลอุโบสถอยู่ที่ วัดจุฬามณี ได้ปวารณาตนว่าจะยึดมั่นภาวนารักษาศีลเป็นเวลาคืนและวัน จะไม่ไปไหนหากยังไม่ย่างเข้าวันใหม่ จะไม่ออกจากวัดกลับบ้าน ซึ่งสมัยนั้นมีท่านเจ้าอาวาสของวัดจุฬามณีคือ ท่านพระอธิการอิน ซึ่งเป็นคนในตระกูลเศรษฐีบางช้างผู้หนึ่ง ได้มาอุปสมบทจนได้เป็นสมภารของ วัดจุฬามณี พอตกกลางคืนบ่าวไพร่มาแจ้งว่าอัคคีไฟกำลังไหม้บ้านขอให้รีบกลับไป แต่ด้วยว่าท่านเศรษฐีทั้งสองมีความมั่นคงในบวรพุทธศาสนา ไม่วอกแวกหวั่นไหวปลงใจตกว่า

อันทรัพย์สมบัติย่อมจะต้องมีวิบัติ แม้แต่ชีวิตร่างกายของคนเราก็ยังมีเกิด มีดับไปเป็นธรรมดา เมื่อทรัพย์ยังอยู่ ชีวิตยังอยู่ก็ได้ใช้ทรัพย์ไป เมื่อทรัพย์สูญไปหรือชีวิตดับไปอย่างใดอย่างหนึ่ง ทรัพย์จะเป็นของเราก็หาไม่ ทรัพย์สมบัติเป็นของนอกกาย เมื่อชีวิตยังอยู่ก็คงทำมาหาได้ เมื่อคิดดังนั้นแล้วได้สั่งบ่าวไพร่ว่า ให้ขนทรัพย์สินที่พอหยิบยกได้เอาโยนลงคลองขนัดสวนไป ได้เท่าไหร่ก็เอาขนใส่ลงไปเท่านั้น ส่วนตัวท่านทั้งสองทำใจยึดมั่นอยู่ในการเจริญภาวนาถือศีล รักษาอุโบสถ จวบจนกระทั่งรุ่งเช้าของวันใหม่ ท่านเศรษฐีทั้งสองก็กลับเคหาบ้านเรือนของท่าน ก็ปรากฏว่าอัคคีไฟไหม้บ้านเรือนของท่านไปหมดแล้ว


อดิศักดิ์ คุ้มแสง เจ้าของร้านอาหารและรีสอร์ท
คุ้มแสงทอง ฉายา "อี๊ด เมอริสัน"
เรื่องนี้แสดงว่า วัดจุฬามณี มีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ท้าวแก้วผลึก (น้อย) เศรษฐีในวงศ์ราชนิกุลบางช้างคงสร้าง วัดจุฬามณี นี้ขึ้นมาประมาณปีพุทธศักราช 2190 จะก่อนหรือหลังจากนี้ก็ไม่กี่ปี ท่านเศรษฐีสั้นพระชนนีของสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ ที่เคยมาถือศีลรักษาอุโบสถที่ วัดจุฬามณี นี้นั้น ท่านได้มีอายุต่อมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 1 ท่านสิ้นอายุขัยไปในราวปีพุทธศักราช 2344 อายุได้ 90 ปีเศษ ท่านคงเกิดในราวปีพุทธศักราช 2250 วัดจุฬามณี คงสร้างก่อนท่านเกิดราวประมาณ 70 ปี เพราะ ท่านท้าวแก้วผลึก (น้อย) ผู้สร้าง วัดจุฬามณี นี้เป็นคนในแผ่นดิน วัดจุฬามณี  เป็นธิดา ท่านพลอย เป็นน้องสาวท่านชี ท่านชีเป็นมารดาของท่านเศรษฐีทอง

จะเป็นด้วยว่า วัดจุฬามณี ( วัดแม่เจ้าทิพย์ ) นั้นเป็นวัดเก่าแก่จริงๆ ซึ่งควรค่าแก่การศึกษาค้นคว้าแต่ก็คงยากพอสมควร เพราะว่าสภาพเก่าแก่ของวัดได้ถูกธรรมชาติรบกวนทำลายปรักหักพังไปเกือบหมดสิ้นแล้ว พระอุโบสถเก่าแก่ที่เชื่อว่าท่านเศรษฐีทอง เศรษฐีสั้นมาถือศีลรักษาอุโบสถได้ถูกรื้อทิ้งลงไป เพราะธรรมชาติได้ทำลายจนใช้การไม่ได้แล้ว ทางวัดในสมัย ท่านพระครูโกวิทสมุทรคุณ ( เนื่อง ) จึงทำการสร้างอุโบสถในบริเวณที่ตรงนั้นด้วยประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งอุโบสถหลังเก่าพังยุบลงมาเหลือแต่ฐานล่างแล้ว จึงต้องรื้อไป


( ที่มา : ลานโพธิ์ ฉบับที่ 1013 ปักษ์หลัง เดือน ธันวาคม พ.ศ. 2551 : “ หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี ” อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ตอน 1  ภาพและเรื่องโดย แฉ่ง บางกระเบา  ราคาปก 50 บาท )


วันนี้อ่านหนังสือ ลานโพธิ์ บน i-Pad หรือ Tablet computer ได้ทั่วโลกแล้ว ตามลิงค์นี้ 


สามารถหาอ่านหนังสือ ลานโพธิ์ ในรูปแบบ E-book ได้แล้วจร้า.. 






Available Now!  You can read whenever, wherever with any device.

 BangkokSarn App on Google Play store    Lanpo App on Google play Store    Ookbee Book Shop   Meb Market Book Shop      

#ลานโพธิ์ #หลวงพ่อเนื่อง #วัดจุฬามณี #อ.อัมพวา #จ.สมุทรสงคราม