![]() |
เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล พ.ศ.2509 |
ชีวประวัติของ หลวงปู่ขาว
พระหลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล อ.หนองบัวลำภู ( ปัจจุบันเป็น จังหวัดหนองบัวลำภู ) จ.อุดรธานี นามเดิมท่านชื่อ ขาว โคระถา เกิดเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2431 ตรงกับวันอาทิตย์ ปีชวด ณ บ้านบ่อชะเนง ต.หนองแก้ว อ.อำนาจเจริญ ( ปัจจุบันเป็น จังหวัดอำนาจเจริญ ) จ.อุบลราชธานี บิดาชื่อ พั่ว มารดาชื่อ รอด โคระถาท่านมีพี่น้องร่วมบิดา-มารดาเดียวกัน 7 คน ตามลำดับดังนี้
1. นางวัน โคระถา 2. นายบุญจันทร์ โคระถา 3. นางหนูแดง โคระถา 4. หลวงปู่ขาว โคระถา 5. นายกาเหว่า โคระถา 5. นางหลอด โคระถา 7. นางใหล โคระถา พี่และน้องได้ถึงแก่อนิจกรรมไปหมดแล้ว
![]() |
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จไปทรงเยี่ยมหลวงปู่ขาว อนาลโย ณ วัดถ้ำกลองเพล ซึ่งในตอนนั้น หลวงปู่ยังมีสุขภาพแข็งแรงดีอยู่ |
เมื่ออายุ 20 ปี บิดา-มารดาก็จัดให้มีครอบครัว ภรรยาชื่อ นางมี มีบุตรธิดาด้วยกัน 7 คน คนหัวปีเป็นชายชื่อ คำมี ได้ออกบวชตามพ่อคือ หลวงปู่ขาว เวลาท่านออกบวชแล้ว จนสิ้นอายุในเพศนักบวชเมื่อ พ.ศ.2525 นี่เองที่ วัดถ้ำกลองเพล เมื่อบวชแล้วก็ติดสอยห้อยตามหลวงปู่ และมาอยู่ที่ วัดถ้ำกลองเพล ด้วยจนถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิต คนที่สองชื่อ นายลี โคระถา เป็นผู้มีศรัทธา อุตส่าห์ติดตามมาปฏิบัติและถวายอาหารบิณฑบาตหลวงปู่เป็นประจำ ลูกที่มีนิสัยทางศาสนาอย่างเด่นชัดมีอยู่ 2 คน นอกนั้นก็ธรรมดาเหมือนโลกทั่วๆ ไป แต่จะไม่ขอออกนามลูกๆ ท่าน
![]() |
เหรียญรุ่นสอง หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล พ.ศ.2511 หลังเจดีย์ |
![]() |
เหรียญรุ่นสอง หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล พ.ศ.2511 (กลมไม่มีห่วง) |
![]() |
เหรียญรุ่นสอง หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล พ.ศ.2511 |
คำว่า ราคะตัณหา นั้น ย่อมเหมือนไฟในครัวเรือน โลกปราศจากไม่ได้ทั้งสองอย่าง คือต้องเสาะแสวงกันทั้งหญิงทั้งชายในเรื่องครอบครัวผัวเมีย เพราะราคะตัณหาเป็นนายบังคับให้จำต้องแสวง ไฟสำหรับหุงต้มแกง ตลอดแสงสว่างต่างๆ อันหาประมาณไม่ได้ จำต้องมีสำหรับมนุษย์และครอบครัว ทั้งสองอย่างนี้หากนำมาทำประโยชน์ตามความจำเป็นก็ย่อมสนองความต้องการได้เท่าที่ควร แต่ถ้าประมาทลืมตัว ขาดความระมัดระวัง ทั้งสองอย่างนี้ย่อมเผาผลาญมนุษย์ให้ฉิบหายวายป่วงไปได้ไม่อาจสงสัย ดังนั้นปราชญ์ท่านจึงสอนมนุษย์ผู้อยู่ใต้อำนาจแห่ง ราคคฺคิ โทสคฺคิ โมหคฺคิ เหล่านี้ด้วยธรรมอันเป็นน้ำดับไฟ ไม่ปล่อยให้ลุกลามใหญ่โตจะกลายเป็นโลกวินาศ เช่นเดียวกับการรักษาไฟในบ้านไม่ให้เป็นอันตรายแก่ตนและสมบัติทั้งหลายฉะนั้น
สาเหตุให้ท่านออกบวช
![]() |
เจดีย์หลวงปู่ขาว เป็นที่เก็บอัฐิธาตุของ หลวงปู่ขาว สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2509 |
![]() |
พระพุทธรูปในอุโบสถ |
![]() |
พิพิธภัณฑ์อัฐบริขารของหลวงปู่ขาว |
ตามสายธรรมของจอมปราชญ์มีพระศาสดาเป็นพยานแล้ว ตัวเจ้าเองต้องจัดว่าเป็นผู้ทำกรรมชั่วอย่างหนักมาก จนไม่มีมหาเมตตาในธรรมบทใดบาทใดให้อภัยเจ้าได้ เจ้าต้องลงนรกหลุมมหันตทุกข์โดยถ่ายเดียวไม่เป็นอย่างอื่นเลย เจ้าจะเชื่อโทสะกิเลสที่กำลังรุมล้อมพัดผันหัวใจของเจ้าเพื่อให้เป็นไปตามอำนาจของมัน หรือจะเชื่อธรรมของจอมปราชญ์ที่เคยพยุงสัตว์โลกผู้ได้ทุกข์ให้เบาบางสร่างซามานานแสนนาน รีบคิดและตัดสินใจโดยถูกทางเดี๋ยวนี้อย่าชักช้าล้าหลัง กิเลสตัวโหดร้ายจะแซงธรรมและขยำตัวเจ้าให้แหลกทั้งเป็น ถ้าไม่รีบจัดการกับมันแต่ขณะนี้
ท่านว่าเป็นที่แปลกประหลาดและอัศจรรย์อย่างไม่เคยคาดฝันมาก่อน พอความอัศจรรย์ผุดขึ้นจากภายในอันเป็นเชิงบอกเตือนด้วยอุบายต่างๆ ราวกับครูอาจารย์ที่เคารพนับถือมานั่งสั่งสอนเราอยู่เฉพาะหน้าให้สงบลงไป ใจที่เป็นเหมือนกองเพลิงใหญ่ซึ่งกำลังส่งเปลวเต็มที่ พร้อมจะเผาไหม้สิ่งที่กีดขวางอยู่เวลานั้นให้เป็นผุยผงชั่วประเดี๋ยวใจนั้น ได้สงบตัวลงอย่างเงียบผิดธรรมดา และเกิดความสลดสังเวชในเหตุการณ์เกี่ยวกับเมียนอกใจ พร้อมด้วยความอ่อนโยนที่เต็มไปด้วยความสงสารและความให้อภัยเต็มดวงใจ พร้อมกับความเห็นโทษแห่งความโหดร้ายหมายชีวิตอย่างถึงใจในขณะเดียวกัน ยกมือขึ้นประนม สาธุๆๆ
![]() |
เหรียญรุ่นสาม ส.น. หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล พ.ศ.2514 |
![]() |
เหรียญรุ่นสี่ หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล พ.ศ.2515 |
แต่ก่อนท่านไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการหวังความเจริญในทางโลก เมื่อมาประสบเหตุการณ์ธรรมทูตนี้ ความรู้สึกสำนึกทั้งหลายจึงหนักไปในอรรถในธรรมมากกว่าจะคิดไปในแง่อื่นๆ จนถึงขั้นปลงใจบวชด้วยความเห็นโทษเห็นคุณจริงๆ เนื่องจากอะไรก็เคยคิดเคยผ่านมามากต่อมากแล้ว สิ่งที่จะให้สมหวังไม่ค่อยปรากฏ มักมีแต่สิ่งไม่พึงหวังมาปรากฏซ้ำๆ ซากๆ จนถึงขั้นชอกช้ำเต็มที่ แทบจะหาที่ปลงที่วางไม่ได้ คิดเห็นแต่ธรรมอย่างเดียวจะพึ่งเป็นพึ่งตายได้ ด้วยการออกบวชปฏิบัติธรรมให้เต็มกำลังความสามารถ อย่างอื่นๆ ไม่ค่อยมีในห้วงแห่งความคิดนึก จึงได้ตัดสินใจออกบวช โดยบอกความประสงค์ให้ญาติมิตรเพื่อนฝูงทราบแล้วก็ออกถวายตัวเป็นนาคในวัดเพื่อบวชโดยไม่ชักช้า
การบวชของหลวงปู่ขาว
ท่านออกบวชคราวแรก บวชที่วัดโพธิ์ศรี บ้านบ่อชะเนง ต.หนองแก้ว อ.อำนาจเจริญ (ปัจจุบันเป็น จังหวัดอำนาจเจริญ) จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ.2462 โดย พระครูพุฒิศักดิ์ เจ้าคณะอำเภออำนาจเจริญ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์บุญจันทร์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และอยู่จำพรรษาเพื่อศึกษาหลักพระธรรมวินัยในวัดโพธิ์ศรีถึง 6 ปี ในเวลาที่อยู่ในวัดนั้น สังเกตดูครูอาจารย์และเพื่อนภิกษุ-สามเณรด้วยกันประพฤติปฏิบัติพระธรรมวินัยก็เป็นลุ่มๆ ดอนๆ ผิดๆ พลาดๆ ไม่เป็นที่จับใจเชื่อถือได้ ไม่สมเจตนาที่ออกบวชเพื่อมรรคเพื่อผลด้วยความบริสุทธิ์ใจดังที่ตั้งไว้ เมื่อคิดอ่านทบทวนเกี่ยวกับการอยู่และการออกปฏิบัติธรรมจนเป็นที่แน่ใจแล้ว จึงเข้ากราบลาอุปัชฌาย์อาจารย์ ตลอดญาติมิตรเพื่อนฝูงเพื่อทราบเจตนาและความประสงค์ในการออกปฏิบัติธรรมอุปสรรคในการออกเที่ยวธุดงคกรรมฐาน
ตอนก่อนปฏิบัติกรรมฐาน ท่านก็เคยได้รับอารมณ์เขย่าก่อกวนใจนานาประการที่จะให้เป็นอุปสรรคต่อการบำเพ็ญจากคนทั้งหลาย ทั้งเป็นพระทั้งเป็นฆราวาสว่า เวลานี้มรรคผลนิพพานหมดเขตหมดสมัยไปนานแล้ว ใครจะบำเพ็ญถูกต้องดีงามตามพระธรรมวินัยเพียงไร ก็ไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จตามใจหวังได้บ้าง ว่าการบำเพ็ญภาวนาทำให้คนเป็นบ้า ถ้าใครอยากเป็นบ้าก็ออกบำเพ็ญภาวนา ถ้าใครยังอยากเป็นคนดีเหมือนชาวบ้านเขา ก็ไม่ควรออกกรรมฐานเพื่อความเป็นบ้าบ้าง ว่าสมัยนี้เขาไม่มีพระธุดงคกรรมฐานกันหรอก นอกจากพระธุดงคกรรมฐานที่จำหน่ายตะกรุด คาถาวิชาอาคมของขลังต่างๆ เช่น พวกเสน่ห์ยาแฝด อยู่ยงคงกระพันชาตรี ดูฤกษ์งามยามดี ดูชะตาราศีเท่านั้น ส่วนพระธุดงคกรรมฐานที่ดำเนินตามทางพระธุดงค์นั้นไม่มีแล้วสำหรับทุกวันนี้ อย่าไปทำให้เสียเวลาและเหนื่อยเปล่าเลย สู้อยู่สบายอย่างนี้ไม่ได้ บรรดาอุปสรรคที่กีดขวางทางออกบำเพ็ญธุดงควัตรในเวลานั้นรู้สึกมีมากมาย![]() |
รูปปั้นหลวงปู่ขาว |
![]() |
มณฑปหลวงปู่ขาว หรือมณฑปอนาลโย สร้างขึ้น ตั้งแต่สมัยหลวงปู่ขาวยังมีชีวิตอยู่ ปี พ.ศ.2511 |
ท่านว่าขณะที่ผู้คนส่วนมาก ทั้งพระอาจารย์ใหญ่ๆ ทั้งฆราวาสที่ชาวบ้านเคารพนับถือกันว่าเป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิต พูดคัดค้านกีดกันอยู่นั้น ใจเราเหมือนจะกัดเพชรทั้งก้อนให้แหลกเป็นผุยผงไปในนาทีเดียว และเหมือนจะเหาะเหินเดินไปทางอากาศให้เขาดูในเวลานั้น รู้สึกมันมานะมันกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ภายในใจ ราวกับจะออกแสงแจ่มจ้าพุ่งออกมาให้คนทั้งหลายเหล่านั้นเห็นเสียที ซึ่งเป็นลักษณะประกาศตนว่า
“นี่ไงล่ะแสงเพชรอยู่ในใจข้านี้ไงล่ะ พากันเห็นหรือยัง จะพากันมัวประมาท ข้าว่าจะไปเป็นบ้าเป็นบอลูบคลำอะไรต่างๆ อยู่นั้นหรือ ใจข้ากับใจท่านทั้งหลายมันมิได้เป็นดวงเดียวกัน พอจะกวาดต้อนเข้ามามั่วสุมชุมนุมกันตายแบบไม่มีคุณค่า ราวกับหมาตายอย่างไรกัน ข้ายังไม่พอใจจะตายตามแบบที่ท่านทั้งหลายจะพาตายอยู่เวลานี้ ข้าประสงค์จะตายแบบพระพุทธเจ้าพาตาย ซึ่งไม่มีเชื้อแห่งภพเหลือหลออยู่เลย ตายแบบนี้ข้าเคยตายมามากต่อมากแล้ว จนไม่สามารถจะพรรณนาป่าช้าของตนได้ แม้ไม่รู้ด้วยญาณ ข้าก็เชื่อพระพุทธเจ้าผู้ทรงญาณอันเอกไม่มีใครเสมอเหมือน”
![]() |
ป้ายวัดถ้ำกลองเพล จ.หนองบัวลำภู |
![]() |
กุฏิเก่าของหลวงปู่ขาวเป็นเรือนไม้หลังเล็กๆ ตั้งอยู่กลางดงไม้ |
จากนั้นก็ได้จำพรรษากับท่านเรื่อยมา การบำเพ็ญทางจิตภาวนารู้สึกได้กำลังขึ้นเป็นลำดับตอนไปอยู่ที่เชียงใหม่แล้ว พร้อมกับได้ครูอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำสั่งสอน ใจจึงเหมือนจะเหาะจะบินด้วยอำนาจแห่งความอิ่มเอิบในธรรมที่ปรากฏอยู่กับใจ ไม่มีความอับเฉาเศร้าใจเพราะความเป็นลุ่มๆ ดอนๆ ของใจเหมือนพักอยู่ที่อื่นๆ ใจนับวันเจริญขึ้นโดยลำดับ ทั้งด้านสมาธิและปัญญา มีความเพลิดเพลินในความเพียงทั้งกลางวันและกลางคืนไม่มีเวลาอิ่มพอ
( ที่มา : ลานโพธิ์ ฉบับที่ 1193 หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล ต.โนนทัน อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู ปักษ์หลัง เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2559 ราคาปก 60 บาท )