ภาพและเรื่องโดย...ปรักกะโม
ผู้ที่รับซื้อขันสาครจากนักโจรกรรมไปไว้ในครอบครอง ถือว่าบุญไม่ถึงที่จะได้ใช้ได้ครอบครองของสูง การโจรกรรมของวัดไปขายก็ถือว่าเป็นบาป ผู้ซื้อต่อไว้ก็มีบาปด้วย จึงไม่อาจครอบครองของดังกล่าวไว้ได้จนต้องนำกลับมาคืนไว้ที่เดิม...
“ วัดจันทราวาส ตั้งอยู่ที่ถนนบริพัตร ต.ท่าราบ อ.เมือง จ.เพชรบุรี เนื้อที่ 19 ไร่ 12 ตารางวา ด้านทิศตะวันตกติดแม่น้ำเพชรบุรี ”
สันนิษฐานจากหลักฐานที่เกี่ยวข้องประมาณว่า วัดจันทราวาส ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2202 หลักฐานที่พอจะค้นคว้าได้นั้น วัดจันทราวาส มีสมภารปกครองวัดสืบต่อกันมาจนถึงท่านเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันจำนวน 11 องค์ ด้วยกันได้แก่
1. พระอธิการเสือ
2. พระอธิการกรุด
3. พระอธิการยา
4. พระอธิการพ่วง
5. พระอธิการวัด
6. พระอธิการอ่วม
7. พระอธิการคง
8. พระอธิการเพชร
9. พระครูชุ่ม พุทธสโร
10. พระครูปัญญาวัชรคุณ ปัญญาเตโช
11. พระครูวินัยธร ( ชุ่ม ) พุทธญาโณ
หลวงพ่อพระครูวินัยธร ( ชุ่ม ) พุทฺธญาโณ เดิมชื่อ ชุ่ม ทองเงิน เป็นบุตรของ คุณแม่เชย กับ คุณพ่อออด ทองเงิน ชาตะ ณ บ้านเลขที่ 58 บ้านสมอลก ต.หาดเจ้าสำราญ อ.เมือง จ.เพชรบุรี เกิดเมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ.2494 จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาโรงเรียนบ้านดอกยี่กรอก
อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดจันทราวาส เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2514 พระราชวชิราภรณ์ ( หลวงปู่อินทร์ อินทโชโต ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการทองย้อย ปัญญาเตโช วัดจันทราวาส เป็นพระกรรมวาจารย์ พระอธิการแก้ว ฐิตรติ วัดลุ่มโพธิ์ทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “ พุทธญาโณ ” จบนักธรรมเอกสนามสอบวัดคงคาราม
ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส วัดจันทราวาส เมื่อปี พ.ศ.2528 เจ้าคณะตำบลท่าราบ พ.ศ.2530 รับตราตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์เมื่อปี พ.ศ.2536 ได้รับสมณศักดิ์เป็น พระใบฎีกาชุ่ม, พระครูใบฎีกาชุ่ม, พระครูธรรมธรชุ่ม, พระครูวินัยธรชุ่ม ทั้งหมดอยู่ในฐานานุกรมของ ท่านเจ้าคุณพระวิสุทธาธิบดี วัดสุทัศนเทพวราราม
ผลงานดีเด่นของท่านพระครูวินัยทองชุ่ม ได้แก่ การสร้างอุโบสถหลังใหม่ให้กับ วัดจันทราวาส แล้วเสร็จ จนผูกพัทธสีมาเมื่อปี พ.ศ.2553 เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างเมื่อปี พ.ศ.2534 เลื่อนเป็นวัดพัฒนาดีเด่นเมื่อปี พ.ศ.2554
“ โบสถ์ วัดจันทราวาส หลังนี้อาจไม่ใช่หลังที่สอง ”
ท่านได้อนุมานลายปูนปั้นและลักษณะศิลปกรรมของโบสถ์เก่า จนสามารถสรุปได้ตามที่ท่านได้เขียนไว้ว่า
“ เมื่อพิจารณาจากศิลปะที่ปรากฏเราอาจอนุมานเอาได้ว่า โบสถ์หลังเก่าของ วัดจันทราวาส สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ช่วงระยะเวลาระหว่างสมัยรัชกาลที่ 3-5 ที่เห็นได้ชัดเจนคือ หน้าบันด้านหลังโบสถ์ที่มีปูนปั้นเป็นรูปลายดอกพุดตานประดับด้วยถ้วยลายคราม เป็นศิลปะที่นิยมกันมากนับแต่สมัยรัชกาลที่ 3 และรัชกาลต่อมา สอดคล้องกับพระพุทธรูปประธานในโบสถ์ ซึ่งเป็นศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
ครั้งที่มีการรื้อโบสถ์หลังเก่าออกนั้นได้มีพิธีถอนพัทธสีมาด้วย เมื่อถอนสีมาแล้วทางวัดได้ขุดลงไปใต้ฐานเสมา ได้พบลูกนิมิตที่ทำจากหินขนาดไล่เลี่ยกัน แต่ไม่ได้เป็นก้อนกลมอย่างลูกนิมิตในปัจจุบัน นอกจากลูกนิมิตแล้วภายในหลุมยังพบชิ้นส่วนพระพุทธรูปและชิ้นส่วนใบเสมาขนาดใหญ่ทำจากหินทรายแดง ซึ่งมีอายุเก่าขึ้นไปถึงสมัยอยุธยาตอนต้นหรืออู่ทองเลยทีเดียว
![]() |
โบสถ์หลังใหม่ของวัดจันทราวาส |
![]() |
พระสมเด็จเนื้อผง วัดจันทราวาส สร้างเป็นที่ระลึก ในการวางศิลาฤกษ์อุโบสถหลังใหม่ จัดสร้างโดย พระครูวินัยธรชุ่ม พุทฺธญาโณ เจ้าอาวาส วัดจันทราวาส เมื่อปี พ.ศ.2533 |
ความเป็นมาของ วัดจันทราวาส
ประวัติวัดจันทราวาส จากการรวบรวมของ นายประหยัด จันทรสุขโข ระบุที่ตั้งของ วัดจันทราวาส เอาไว้ดังนี้“ วัดจันทราวาส ตั้งอยู่ที่ถนนบริพัตร ต.ท่าราบ อ.เมือง จ.เพชรบุรี เนื้อที่ 19 ไร่ 12 ตารางวา ด้านทิศตะวันตกติดแม่น้ำเพชรบุรี ”
![]() |
พระปฏิมาประธาน เป็นศิลปะสมัย รัตนโกสินทร์ยุคต้น |
1. พระอธิการเสือ
2. พระอธิการกรุด
3. พระอธิการยา
4. พระอธิการพ่วง
5. พระอธิการวัด
6. พระอธิการอ่วม
7. พระอธิการคง
8. พระอธิการเพชร
9. พระครูชุ่ม พุทธสโร
10. พระครูปัญญาวัชรคุณ ปัญญาเตโช
11. พระครูวินัยธร ( ชุ่ม ) พุทธญาโณ
![]() |
โบสถ์หลังเก่าที่ถูกถอน พัทธสีมาเพื่อสร้างใหม่ |
![]() |
ลวดลายปูนปั้นหน้าบันด้านหน้า และซุ้มหน้าต่างของโบสถ์หลังเก่า |
ประวัติท่านเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน
หลวงพ่อพระครูวินัยธร ( ชุ่ม ) พุทฺธญาโณ เดิมชื่อ ชุ่ม ทองเงิน เป็นบุตรของ คุณแม่เชย กับ คุณพ่อออด ทองเงิน ชาตะ ณ บ้านเลขที่ 58 บ้านสมอลก ต.หาดเจ้าสำราญ อ.เมือง จ.เพชรบุรี เกิดเมื่อวันที่ 6 กันยายน พ.ศ.2494 จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาโรงเรียนบ้านดอกยี่กรอก
![]() |
ท่านพระครูวินัยธรชุ่มกับขันสาคร ที่หายไปจากวัดถึง 16 ปี จู่ๆ ก็มีผู้นำมาคืนถึงที่วัด |
ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส วัดจันทราวาส เมื่อปี พ.ศ.2528 เจ้าคณะตำบลท่าราบ พ.ศ.2530 รับตราตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์เมื่อปี พ.ศ.2536 ได้รับสมณศักดิ์เป็น พระใบฎีกาชุ่ม, พระครูใบฎีกาชุ่ม, พระครูธรรมธรชุ่ม, พระครูวินัยธรชุ่ม ทั้งหมดอยู่ในฐานานุกรมของ ท่านเจ้าคุณพระวิสุทธาธิบดี วัดสุทัศนเทพวราราม
ผลงานดีเด่นของท่านพระครูวินัยทองชุ่ม ได้แก่ การสร้างอุโบสถหลังใหม่ให้กับ วัดจันทราวาส แล้วเสร็จ จนผูกพัทธสีมาเมื่อปี พ.ศ.2553 เป็นวัดพัฒนาตัวอย่างเมื่อปี พ.ศ.2534 เลื่อนเป็นวัดพัฒนาดีเด่นเมื่อปี พ.ศ.2554
![]() |
ล็อกเกตสมเด็จโต พรหมรังสี พ.ศ.2533 |
![]() |
เหรียญเสมาหลวงพ่อทวด พ.ศ.2549 |
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับอุโบสถ วัดจันทราวาส หลังเก่า
ท่านอาจารย์แสนประเสริฐ ปานเนียม มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ได้ให้แง่คิดเกี่ยวกับอุโบสถหลังเก่าเอาไว้ด้วยคำว่า“ โบสถ์ วัดจันทราวาส หลังนี้อาจไม่ใช่หลังที่สอง ”
ท่านได้อนุมานลายปูนปั้นและลักษณะศิลปกรรมของโบสถ์เก่า จนสามารถสรุปได้ตามที่ท่านได้เขียนไว้ว่า
![]() |
หลวงพ่อทวด หลังจตุคามรามเทพ เนื้อผง รุ่นงานยกช่อฟ้าอุโบสถ พ.ศ.2550 |
![]() |
จตุคามรามเทพ หลังรัชกาลที่ 5 รุ่นงานยกช่อฟ้าอุโบสถ พ.ศ.2550 |
![]() |
เหรียญรูปไข่หลวงพ่อชุ่ม พุทฺธสโร พ.ศ.2512 (มี 2 เนื้อ คือ เนื้อทองแดง, เนื้ออัลปาก้า) |
![]() |
เหรียญพระครูธรรมธร ทองย้อย (ปญฺญาเตโช) |
![]() |
ล็อกเกตหลวงปู่ทวด พ.ศ.2533 |
![]() |
เบี้ยแก้ เก็บมาจากอุโบสถหลังเก่า |
จริงอยู่ว่าพระพุทธรูปและใบเสมาเป็นของเคลื่อนที่ได้ อาจมีการโยกย้ายมาจากวัดร้างสักแห่งหนึ่งเพื่อนำมาใช้ แต่คงไม่มีใครไปขนพระพุทธรูปและใบเสมาที่ปรักหักพังแล้วจากที่อื่น มาฝังรวมกับลูกนิมิตของโบสถ์ที่สร้างขึ้นใหม่เป็นแน่ ของนี้ต้องมีคู่กันมากับวัดมาแต่เดิม อาจเป็นพระพุทธรูปและใบเสมาของโบสถ์หลังที่มีมาก่อนโบสถ์ที่สร้างเมื่อสมัยรัชกาลที่ 3-5
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วโบสถ์หลังที่มีการปิดทองฝังลูกนิมิตกันในคราวนี้ อาจไม่ใช่โบสถ์หลังที่สองของ วัดจันทราวาส ก็เป็นได้
จากหนังสือที่ระลึกงานผูกพัทธสีมา วัดจันทราวาส มีเรื่อง “ ปรากฏการณ์ขันสาคร ของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ( ช่วง บุนนาค ) ที่เพชรบุรี ทำน้ำมนต์ประจำวัดอยู่ใบหนึ่ง เขียนโดย ทวีโรจน์ กล่ำกล่อมจิตร ” เป็นเรื่องที่น่าสนใจผู้เขียนจะนำมาเรียบเรียงให้ย่นย่อดังต่อไปนี้
ขันสาคร เป็นของที่ทางวัดใช้ทำน้ำพระพุทธมนต์ในพิธีต่างๆ มาโดยตลอด ได้ถูกโจรกรรมหายไปจากวัดในปี พ.ศ.2512 ขณะที่ท่าน พระครูปัญญาวัชรคุณ ( หลวงพ่อทองย้อย วงศ์พราหมณ์ ) เป็นเจ้าอาวาส แม้จะมีการแจ้งความให้ตำรวจออกสืบหา รวมทั้งให้ผู้พบเห็นว่าอยู่ที่ใดให้แจ้งเบาะแสแต่ไร้ร่องรอย จนกระทั่งท่าน พระครูปัญญาวัชรคุณ ถึงแก่มรณภาพในปี พ.ศ.2528 เป็นปีที่ 16 ที่ขันสาครหายไปจากวัดจันทราวาส
คืนวันที่ 7 หลังจากการสวดพระอภิธรรมศพของท่านพระครูปัญญาวัชรคุณผ่านไปแล้ว วัดจันทราวาสตกอยู่ในความเงียบ พลันพระทั้งวัดก็ต้องสะดุ้ง เมื่อมีเสียงตะโกนดังมาจากบันไดกุฏิท่านเจ้าอาวาสผู้ล่วงลับว่า
“ ไม่เอาแล้ว เอามาคืนแล้วนะ ”
พอพระ-เณรและศิษย์วัดตรูกันออกมาก็พบแต่ขันสาครวางอยู่พร้อมพานโตกสองใบ ในขันสาครมีเงินอยู่ที่ก้นขัน 7,000 บาท เจ้าของเสียงเผ่นแนบไปแล้ว เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ว่า ขันสาครหายจากวัดถึง 16 ปี แต่กลับคืนกลับมาที่วัดเองโดยไม่ต้องไปติดตามหา มีเรื่องเล่าลือกันว่า
“ ขันสาครที่ถูกขโมยไปถูกขายต่อไปให้กับนักสะสมของเก่า ก่อนเปลี่ยนมือไปเรื่อยๆ ขันไปอยู่ในครอบครองของผู้ใด ผู้นั้นจะมีแต่เรื่องเดือดร้อน จนต้องขายต่อออกไปเป็นทอดๆ มีร้านค้าร้านหนึ่งในอำเภอท่ายาง ได้ครอบครองขันสาครดังกล่าว เกิดเหตุไฟไหม้ร้านวอดวาย กลืนชีวิตคู่ชีวิตของเจ้าของร้านไปในเปลวเพลิง... ”
จากการพิจารณาขันสาครอย่างละเอียดพบว่าทำจากโลหะทองเหลือง รูปทรงคล้ายถ้วยชาก้นสอบเล็กน้อย มีหูสองข้าง ขนาดความสูงจากก้นถึงปากขัน 17 นิ้ว เส้นรอบวงก้นขัน 42 นิ้ว เส้นรอบวงปากขัน 70 นิ้ว เส้นผ่าศูนย์กลาง 22 นิ้ว ขนาดความจุน้ำของขันสาครประมาณ 2 ปีบ รอบขอบมีดวงตราสุริยะสลักภาษาอังกฤษว่า “ CHOW PHYA SRI SURY WONGE และ RECENT OF SIAM ” 30 ดวง กับอักษรภาษาจีน 4 ตัว
คุณทวีโรจน์ กล่ำกล่อมจิตร ผู้เขียนเรื่องนี้ได้ถ่ายภาพไว้นำไปให้ อากงซุนเส็ง ( อากงแสง ลัภยานุกูล ) ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาจีนโบราณอ่านว่า “ ลิ้ม กวง ไท เจ๋า ” แปลความหมายรวมว่า ขันใบนี้สั่งทำมาจากเมืองจีนโดยช่างตระกูลลิ้ม “ ภายใต้เครื่องหมายการค้า กวงไท ”
จึงอนุมานได้ว่า ขันสาคร ใบนี้เป็นขันสาครที่ ท่านเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ( ณ เวลานั้นดำรงตำแหน่งพระสมุหกลาโหมคุมกำลังทหารทั้งหมด ) ก่อนจะเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงฝากฝังให้คอยถวายการอารักขาความปลอดภัยให้กับ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยุวกษัตริย์ที่ยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะ ในตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน จนเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเข้าพิธีบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์อย่างเป็นทางการแล้ว ท่านเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์จึงพ้นจากตำแหน่งไป ถือได้ว่าท่านเป็นสมเด็จเจ้าพระยาคนสุดท้ายในยุครัตนโกสินทร์
ขันสาคร แบบเดียวกับที่อยู่ใน วัดจันทราวาส ศาสตราภิชาน ( ล้อม เพ็งแก้ว ) เคยพบอยู่ที่วัดเกาะ อ.เมือง จ. เพชรบุรี จึงเป็นไปได้ว่าท่านเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ท่านได้สั่งทำมาหลายใบ แต่ตกอยู่ใน จ.เพชรบุรี 2 ใบ ท่านศาสตราพิชาน ( ล้อม เพ็งแก้ว ) ให้คำอธิบายว่า
“ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ( ช่วง บุนนาค ) ขณะดำรงฐานะเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน สั่งทำขันสาครไว้ใช้เองเวลาอาบน้ำ บ่าวจะปรุงน้ำหอมด้วยแล้วตักอาบ เมื่อท่านถึงแก่พิราลัย บุตรหลานจึงจัดถวายพระเป็นเครื่องสังเค็ด ไม่กล้านำเอามาใช้ เพราะท่านผู้เป็นเจ้าของมียศเป็นถึงเจ้าพระยา และดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน เจ้าอาวาสวัดจันทราวาสและวัดเกาะในสมัยนั้นอาจได้รับนิมนต์มาในงาน และได้รับถวายขันสาครนี้มา... ”
ครับท่านผู้อ่าน ด้วยเหตุว่าผู้ที่รับซื้อขันสาครจากนักโจรกรรมไปไว้ในครอบครอง ถือว่าบุญไม่ถึงที่จะได้ใช้ได้ครอบครองของสูง และอีกอย่างหนึ่งก็เป็นของวัด การโจรกรรมของวัดไปขายก็ถือว่าเป็นบาป ผู้ซื้อต่อไว้ก็มีบาปด้วย จึงไม่อาจครอบครองของดังกล่าวไว้ได้จนต้องนำกลับมาคืนไว้ที่เดิม
ทุกวันนี้ขันสาครได้กลับมาอยู่ที่ วัดจันทราวาส อีกครั้ง ที่ทางวัดได้ใช้ในการทำน้ำพระพุทธมนต์ในพิธีสำคัญๆ ถือเป็นขันสาครที่มีอานุภาพดียิ่งในการทำน้ำมนต์ หากท่านมีโอกาสผ่านไปเพชรบุรีแวะเข้าไปเยือน วัดจันทราวาส ชมความงดงามของเสนาสนะที่อยู่ในวัด และชมขันสาครที่มีอภินิหารดังที่ได้กล่าวมาแล้ว และแวะชมวัตถุมงคลที่ทางวัดมีไว้ให้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลของตัวท่านและครอบครัว
วันนี้! อ่านหนังสือ ลานโพธิ์ บน i-Pad หรือ Tablet computer ได้ทั่วโลกแล้ว ตามลิงค์นี้
สามารถหาอ่านหนังสือ ลานโพธิ์ ในรูปแบบ E-book ได้แล้วจร้า..
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วโบสถ์หลังที่มีการปิดทองฝังลูกนิมิตกันในคราวนี้ อาจไม่ใช่โบสถ์หลังที่สองของ วัดจันทราวาส ก็เป็นได้
อภินิหารขันสาคร วัดจันทราวาส
![]() |
อักษรภาษาจีนลายมืออากงแสง ลัภยานุกูล เขียนถอดจากที่สลักไว้ บนขอบขันสาคร |
![]() |
ตราสุริยะประจำตัวท่านเจ้าพระยา บรมมหาศรีสุริยวงศ์ ที่ขอบขันสาคร |
![]() |
ขันสาครที่เป็นขันอาบน้ำของ ท่านเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ |
คืนวันที่ 7 หลังจากการสวดพระอภิธรรมศพของท่านพระครูปัญญาวัชรคุณผ่านไปแล้ว วัดจันทราวาสตกอยู่ในความเงียบ พลันพระทั้งวัดก็ต้องสะดุ้ง เมื่อมีเสียงตะโกนดังมาจากบันไดกุฏิท่านเจ้าอาวาสผู้ล่วงลับว่า
![]() |
พระอุดม อุตตโม วัดเกาะ ผู้เก็บรักษาขันสาคร แบบเดียวกับที่วัดจันทราวาส |
“ ไม่เอาแล้ว เอามาคืนแล้วนะ ”
พอพระ-เณรและศิษย์วัดตรูกันออกมาก็พบแต่ขันสาครวางอยู่พร้อมพานโตกสองใบ ในขันสาครมีเงินอยู่ที่ก้นขัน 7,000 บาท เจ้าของเสียงเผ่นแนบไปแล้ว เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ว่า ขันสาครหายจากวัดถึง 16 ปี แต่กลับคืนกลับมาที่วัดเองโดยไม่ต้องไปติดตามหา มีเรื่องเล่าลือกันว่า
“ ขันสาครที่ถูกขโมยไปถูกขายต่อไปให้กับนักสะสมของเก่า ก่อนเปลี่ยนมือไปเรื่อยๆ ขันไปอยู่ในครอบครองของผู้ใด ผู้นั้นจะมีแต่เรื่องเดือดร้อน จนต้องขายต่อออกไปเป็นทอดๆ มีร้านค้าร้านหนึ่งในอำเภอท่ายาง ได้ครอบครองขันสาครดังกล่าว เกิดเหตุไฟไหม้ร้านวอดวาย กลืนชีวิตคู่ชีวิตของเจ้าของร้านไปในเปลวเพลิง... ”
![]() |
ใบเสมาโบสถ์หลังเก่าเป็นหินทราย ที่นิยมกันในสมัยรัชกาลที่ 5 |
![]() |
ชิ้นส่วนพระพุทธรูปและชิ้นส่วนใบเสมา ขนาดใหญ่ ทำจากหินทรายแดง ซึ่งมีอายุเก่าขึ้นไปถึงสมัยอยุธยาตอนต้น หรืออู่ทอง ที่ขุดพบก้นหลุมใบเสมา |
จึงอนุมานได้ว่า ขันสาคร ใบนี้เป็นขันสาครที่ ท่านเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ( ณ เวลานั้นดำรงตำแหน่งพระสมุหกลาโหมคุมกำลังทหารทั้งหมด ) ก่อนจะเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงฝากฝังให้คอยถวายการอารักขาความปลอดภัยให้กับ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยุวกษัตริย์ที่ยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะ ในตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน จนเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเข้าพิธีบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์อย่างเป็นทางการแล้ว ท่านเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์จึงพ้นจากตำแหน่งไป ถือได้ว่าท่านเป็นสมเด็จเจ้าพระยาคนสุดท้ายในยุครัตนโกสินทร์
ขันสาคร แบบเดียวกับที่อยู่ใน วัดจันทราวาส ศาสตราภิชาน ( ล้อม เพ็งแก้ว ) เคยพบอยู่ที่วัดเกาะ อ.เมือง จ. เพชรบุรี จึงเป็นไปได้ว่าท่านเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ท่านได้สั่งทำมาหลายใบ แต่ตกอยู่ใน จ.เพชรบุรี 2 ใบ ท่านศาสตราพิชาน ( ล้อม เพ็งแก้ว ) ให้คำอธิบายว่า
![]() |
อากงแสง ลัภยานุกูล ปราชญ์เมืองเพชร |
ครับท่านผู้อ่าน ด้วยเหตุว่าผู้ที่รับซื้อขันสาครจากนักโจรกรรมไปไว้ในครอบครอง ถือว่าบุญไม่ถึงที่จะได้ใช้ได้ครอบครองของสูง และอีกอย่างหนึ่งก็เป็นของวัด การโจรกรรมของวัดไปขายก็ถือว่าเป็นบาป ผู้ซื้อต่อไว้ก็มีบาปด้วย จึงไม่อาจครอบครองของดังกล่าวไว้ได้จนต้องนำกลับมาคืนไว้ที่เดิม
ทุกวันนี้ขันสาครได้กลับมาอยู่ที่ วัดจันทราวาส อีกครั้ง ที่ทางวัดได้ใช้ในการทำน้ำพระพุทธมนต์ในพิธีสำคัญๆ ถือเป็นขันสาครที่มีอานุภาพดียิ่งในการทำน้ำมนต์ หากท่านมีโอกาสผ่านไปเพชรบุรีแวะเข้าไปเยือน วัดจันทราวาส ชมความงดงามของเสนาสนะที่อยู่ในวัด และชมขันสาครที่มีอภินิหารดังที่ได้กล่าวมาแล้ว และแวะชมวัตถุมงคลที่ทางวัดมีไว้ให้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลของตัวท่านและครอบครัว
( ที่มา : ลานโพธิ์ ฉบับที่ 1233 วัดจันทราวาสกับวัตถุมงคล ( เรียบเรียงจากหนังสือที่ระลึกงานผูกพัทธสีมาวัดจันทราวาส 13-21 ก.พ. 2553 ) เดือน เมษายนพ.ศ. 2562 ราคาปก 70 บาท )
วันนี้! อ่านหนังสือ ลานโพธิ์ บน i-Pad หรือ Tablet computer ได้ทั่วโลกแล้ว ตามลิงค์นี้
สามารถหาอ่านหนังสือ ลานโพธิ์ ในรูปแบบ E-book ได้แล้วจร้า..