วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2568

พระวัดชนะสงคราม พระกรุพุทธคุณสูง

 

ชื่อของพระ นามของวัด บางครั้งก็สื่อความหมายชัดถึงบางสิ่งบางอย่างได้ อย่างน้อยก็บ่งบอกถึงประวัติความเป็นมาของพระหรือวัดนั้นๆ หรืออาจมีความหมายกว้างไกลไปถึงกิตติคุณบารมีในองค์พระได้เลยทีเดียว

ตัวอย่างเช่น พระไพรีพินาศ พระเครื่องพิมพ์นี้ ใครได้ครอบครองอยู่ ศัตรูคู่อริได้ยินชื่อแล้วรับรองว่าต้องหนาว

ชื่อนามข่มกันไว้ก่อน อิทธิแห่งอำนาจพุทธคุณยังไม่นับครับ เช่นเดียวกันกับ พระกรุวัดชนะสงคราม…

ชื่อนามข่มศัตรูคู่อริได้ดีไม่แพ้ ไพรีพินาศเลยเชียว

พระกรุวัดชนะสงคราม เป็นพระที่มีอายุการสร้างกว่าร้อยปี ซึ่งนับได้ว่าทรงคุณค่าเป็นโบราณวัตถุได้แล้ว

ไม่น่าเชื่อว่าปัจจุบัน ค่านิยมในการเล่นหาสะสมยังไม่แพงนัก

ทั้งๆ ที่เป็นพระกรุที่มีประวัติความเป็นมาชัดเจน แถมพุทธศิลป์สวย ขนาดกะทัดรัดกำลังพอเหมาะอีกต่างหาก

ครับ โอกาสนี้มาทำความรู้จักพระกรุวัดชนะสงคราม กันดีกว่า เริ่มจากความเป็นมาของวัดชนะสงคราม กันก่อน

วัดชนะสงคราม เดิมชื่อ วัดตองปุ เป็นวัดที่มีอยู่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี กลับฟื้นคืนตัวมาอีกครั้งหนึ่ง ครั้งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสร้างกรุงเทพมหานครได้ไม่นานนัก บรรดามอญที่ถูกกดขี่จากพม่าได้พากันหนีมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร จึงโปรดเกล้าฯให้มาตั้งรกรากอยู่ตามที่ต่างๆ อาทิ ที่พระประแดง ราชบุรี ปทุมธานี และที่บริเวณรอบ วัดตองปุ 

ในที่สุด วัดตองปุ ก็กลายเป็น วัดรามัญ หรือ วัดมอญ ที่ชาวมอญได้ให้การทำนุบำรุงเป็นอย่างที่สุด แม้ในปัจจุบันพระมอญ ที่วัดชนะสงคราม ก็จะต้องได้รับการสวดมนต์เข้าไปสวดพระปริตแบบมอญในพระบรมมหาราชวัง ในพิธีสำคัญๆ อยู่เป็นประจำ หญ้าคาวัดตองปุ ก็ถือว่าเป็นหญ้าสำคัญที่จะนำไปใช้ในการประกอบพิธีในพระบรมมหาราชวังด้วยเช่นกัน

ครั้งเมื่อพม่าได้กรีธาทัพใหญ่เข้ามาตีกรุงเทพมหานคร โดยกะว่าจะบดขยี้ด้วยกำลังทัพที่เหนือกว่านั้น กองทัพพม่าได้บุกเข้ามาพร้อมกันเก้าทาง ซึ่งประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่า “ สงครามเก้าทัพ ” 

สมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท พระอนุชาธิราชแห่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้เป็นแม่ทัพใหญ่ในการรับมือกับกองทัพพม่าที่ยกเข้ามา กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงใช้ยุทธวิธีที่เหนือกว่าทำลายกองทัพของพม่าจนแตกกระจาย มิอาจจะรวมตัวกันเข้าตีหักถึงกรุงเทพฯได้ ทรงมีพระปรีชาสามารถจนพม่าข้าศึกถวายพระนามว่า “ เจ้าพระยาเสือ ” เพราะไม่ว่าจะเข้ารบที่ใดก็ตาม จะบุกทะลวงอย่างดุดันและห้าวหาญเป็นที่ย่นระย่อแก่ข้าศึกเป็นอันมาก 

ในที่สุดกองทัพทั้งเก้าของพม่าก็วอดวายไม่อาจต่อกรกับกองทัพไทย และต่อมาพม่าก็ตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ หมดโอกาสจะเข้ามาเป็นอริกับไทยได้อีก 

ชัยชนะใน สงครามเก้าทัพ นั้นเป็นชัยชนะเด็ดขาดต่อพม่าข้าศึก เพราะนับแต่นั้นมาก็มิได้มีทัพใหญ่ของพม่ายกมาก่อกวนประเทศไทยอีกเลย 

เมื่อทรงเสร็จศึกแล้วก็กลับคืนสู่พระนคร ทรงดำริว่าจะสร้างกุศลเพื่อชดเชยกับที่ได้ทรงกระทำศึกผลาญชีวิตข้าศึกเป็นอันมาก ทรงดำริว่าการสร้างวัดหรือบูรณะวัดที่ชำรุดทรุดโทรมนั้นเป็นมหากุศล จึงทรงบูรณะวัดตองปุ ตำบลบางลำพูบน ทั้งวัด เพราะวัดตองปุตอนนั้นกำลังอยู่ในสภาพที่จะไปไม่ไหวขาดการทำนุบำรุง ทรงสถาปนาพระอุโบสถพระประธานตลอดจนเสนาสนะทุกอย่างมีความใหญ่โตมโหฬาร พระอุโบสถวัดตองปุนี้ อาจกล่าวว่าเป็นพระอุโบสถที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยก็ว่าได้ เมื่อทรงจัดงานฉลองแล้วได้พระราชทานนามวัดตองปุ เสียใหม่ว่า วัดชนะสงคราม อันหมายถึงเป็นการเฉลิมฉลองการชนะศึกเก้าทัพพม่านั่นเอง

พระประธานในพระอุโบสถนั้น มีพระนามว่า “ หลวงพ่อปู่ ” เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นอันแข็งแรง หุ้มด้วยแผ่นโลหะลงรักปิดทองมาแต่เดิม ได้รับการบูรณะมาหลายครั้งหลายหน จนมีสภาพดีอยู่จนถึงทุกวันนี้ มีครั้งหนึ่งที่ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเห็นว่า พระประธานในพระอุโบสถวัดชนะสงครามนั้นมีองค์เล็กกว่าพระอุโบสถมาก จึงทรงมีพระราชดำริจะให้ย้ายไปประดิษฐานที่วัดปรินายกแล้วนำพระประธานในวัดปรินายกมาประดิษฐานสลับกัน 

แต่ก่อนที่จะทรงดำเนินการได้ตั้งสัตยาธิษฐานต่อหน้าหลวงพ่อปู่ว่า “หากว่ามิต้องการจะให้ย้ายที่แล้ว ก็ให้แสดงปาฏิหาริย์ให้ประจักษ์แก่พระนคร” ความตอนนี้เล่าสืบกันมาว่า “ครั้นเมื่อทอดพระเนตรพระประธานในพระอุโบสถวัดชนะสงคราม ก็ทรงเห็นว่าพระประธานนั้นสั่นพระเศียรอยู่ไปมาระยะหนึ่ง เป็นที่อัศจรรย์ใจ จึงทรงล้มเลิกพระราชดำริในการย้ายพระประธานแต่วาระนั้น”

ในปัจจุบัน หลวงพ่อปู่ ก็เป็นที่พึ่งของบรรดาผู้ที่เดือดร้อนมาบนบานศาลกล่าว ท่านก็ช่วยสงเคราะห์ให้น้ำมนต์หน้าพระพักตร์มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง มักใช้อาบเพื่อให้เกิดสิริมงคลและกินเพื่อรักษาโรค วัตถุมงคลในนามของหลวงพ่อปู่นั้นมีอภินิหารนานัปการ ขอเชิญไปนมัสการได้ทุกเวลา แต่ในวันพระยังมีการทำสังฆทานเป็นพิเศษอีกด้วย

ในปี พ.ศ.2495 ทางเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม คือ ท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฎก (นิยม) ได้มีดำริที่จะสร้างโรงเรียนประชาบาลในที่ดินของวัด เพื่อให้บุตรหลานชาวบางลำพูได้ใช้ประโยชน์ในการศึกษาจึงได้อุทิศที่ดินให้กระทรวงศึกษาธิการสร้างโรงเรียนประชาบาล ผู้รับเหมาก่อสร้างได้รื้อเจดีย์ และสิ่งก่อสร้างที่กีดขวางบริเวณที่จะสร้างโรงเรียนในหมู่พระเจดีย์ที่พังเพราะถูกรื้อนั่นเอง ได้มีผู้พบพระเครื่องเนื้อดินดิบ หลายหลากมากพิมพ์ทะลักออกมา

ชาวบ้านเฮละโลกันไปแย่งยื้อกระทั่งทางวัดได้นำไปเก็บรักษาเอาไว้เพื่อคัดเลือกแยกประเภทและนำมาให้เช่าบูชา เพื่อนำเงินมาร่วมสร้างโรงเรียนและบูรณะปฏิสังขรณ์หมู่กุฏิเดิม   ในราคาองค์ละ 10 บาท ปรากฏว่าได้รับการต้อนรับอย่างล้นหลาม เพราะมีจ่าตำรวจโรงพักชนะสงครามในระยะนั้นคนหนึ่งไปจับผู้ร้าย ถูกแทงด้วยเหล็กขูดชาฟท์จนเนื้อตัวเป็นจ้ำเขียวเสื้อขาด ในตัวของจ่ามีพระเครื่องเนื้อดินดิบ กรุวัดชนะสงคราม เพียงองค์เดียวเท่านั้น

ทางท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฎก ได้นำพระที่เหลือจากการให้เช่าบูชามาสุมไฟแกลบเผาให้สุก และนำมาแจกให้กับญาติโยมที่ต้องการ เนื่องจากพระเดิมเป็นเนื้อดินดิบมิได้เผา เมื่อแช่น้ำหรือถูกเหงื่อหนักเข้าก็ละลายออกมาทำให้ชำรุดเสียหาย มีผู้ที่รู้ไม่จริงนำไปเขียนเป็นพระเก๊เท่ียบกับพระแท้ ที่จริงเป็นพิมพ์เดียวกัน แต่ทว่าเมื่อเผาแล้วดินดิบกลายเป็นดินเผา เพราะฉะนั้น หากท่านไปเห็นพระกรุนี้เป็นเนื้อดินเผาละก็ไม่เก๊ แต่เป็นของที่ท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฎกท่านเผา ที่นำมากล่าวไว้ในที่นี้ก็เพื่อไม่ให้หลงผิดกันต่อไป แต่ของเก๊เป็นเนื้อดินดิบก็มีเช่นกัน แต่พิมพ์ตื้นและขาดรายละเอียดต่างๆ ความแห้งไม่มี ขนาดไม่หดมากนัก

เนื่องจากการรื้อพระเจดีย์ในครั้งนั้นพบแต่พระ มิได้มีจารึกหรือหลักฐานอันใดที่จะทำให้ทราบถึงพระผู้สร้างแต่อย่างใด แต่เมื่อพิจารณาดูจากเนื้อพระว่าเป็นดินดิบ และบางครั้งก็มีสีดำเคลือบเอาไว้ เมื่อเอาน้ำลูบดูก็หลุดออก ดมดูมีกลิ่นคล้ายดินปืน และดูจากเค้าพระพักตร์พระพุทธที่ปรากฏอยู่ในพระพิมพ์ ก็ละม้ายคล้ายกับพระพักตร์ของ หลวงพ่อปู่ วัดชนะสงคราม 

จึงสรุปความเห็นว่า กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท พระผู้สถาปนาชีวิตใหม่ให้กับพระอารามวัดตองปุจนกลายเป็น วัดชนะสงคราม ทรงสร้างไว้เมื่อตอนสมโภชวัด ด้วยดินดิบที่สร้างได้ง่ายและไม่ต้องมีกรรมวิธีมากนัก บางองค์ก็ได้คุลีการดินปืนเอาไว้ด้วยดังกล่าวแล้ว และบรรจุไว้เป็นการสืบพระศาสนาตามคติโบราณ

พระกรุนี้ เป็นพระเนื้อดินดิบ ที่ขุดขึ้นมาจากใต้ดิน ซึ่งมีความละเอียดและเนียน เมื่อคุลีการจนเหนียวแล้วก็กดพิมพ์เป็นองค์พระออกมาวางผึ่งแดดให้แห้งแต่อย่างเดียว มิได้รับการสุมไฟเผา เนื้อที่พบจะมีสีแดง สีน้ำตาลแก่ สีดำ สีเทา และหรือสีแดงและน้ำตาลแต่ถูกไล้ไว้ด้วยวัสดุสีดำที่เข้าใจว่าจะเป็นดินปืน ความแห้งของดินถึงขนาดทำให้มีความแกร่งพอสมควร ผิวมันและคราบรารักตลอดจนฝ้ากรุให้เห็น ส่วนใหญ่จะชำรุด เพราะดินดิบไม่ทนทานต่อความชื้นในกรุ พระนี้หากแช่น้ำหรือถูกเหงื่อมากๆ จะกลายเป็นเสียหาย อย่าให้เปียกน้ำได้เป็นการดีที่สุด

ที่เป็นเนื้อดินสุกนั้น ท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฎกได้เผาใหม่เพื่อให้คงทน มีจำนวนน้อยกว่าเนื้อดินดิบ ส่วนของเทียมเนื้อสดไม่แกร่งเหมือนดินเหนียวธรรมดา แต่ส่วนมากจะเคล้าสีให้เป็นสีดำหรือสีน้ำตาล เพื่อให้ยากแก่การสังเกตให้ระวังด้วย ความคมชัดของพิมพ์จะต้องถือเป็นอันดับหนึ่งในการพิจารณา

พระกรุวัดชนะสงคราม เท่าที่ปรากฏในกรุ มีอยู่ดังต่อไปนี้

ก.พิมพ์สมาธิเพชรซุ้มแหลม อักขระสี่ตัว ข้างดอกบัว หลังลายเครือเถา เป็นพระประทับนั่งบนรัตนบัลลังก์ ขัดสมาธิเพชร ชะลูดอยู่ในทรงกรอบแบบเล็บมือปลายแหลม มีเส้นลวดเกลี้ยงยกเป็นขอบล้อมรอบองค์พระเอาไว้ ที่รัตนบัลลังก์ปรากฏอักขระตัว “นะ” และเบื้องบนพระเศียรมีอักขระ อ่านได้ว่า “มะ อะ อุ” มีลายดอกบัวปรากฏอยู่ที่ซุ้มสองข้างเหนือรัตนบัลลังก์เล็กน้อย พื้นผนังคูหาปรากฏลายเครือเถางดงามมาก

ข.พิมพ์เล็บมือซุ้มโค้ง ข้างลายเครือเถา เป็นพระพุทธประทับนั่งสมาธิบนรัตนบัลลังก์สี่เหลี่ยม มีเส้นซุ้มเส้นลวดเกลี้ยงล้อมรอบองค์พระสองข้างลำพระองค์ พื้นผนังคูหาปรากฏลายเครือเถาเลื้อยขึ้นไปประดับกับพระเกศด้านบนอย่างสวยงาม ตรงกึ่งกลางเบื้องบนพระเศียรติดกับขอบเส้นลวดปรากฏเป็นวงกลมและจุดนูนตรงกลางดุจดวงเดือน เป็นเอกลักษณ์ประจำพิมพ์ ฐานมีตัว นะ

ค.พิมพ์เล็บมือซุ้มโค้ง ลายเครือเถา ไม่มีดวงเดือน ลักษณะทั่วไปใกล้เคียงกับพิมพ์ ข. แต่ไม่ปรากฏดวงเดือนเหมือนพิมพ์ ข. เท่านั้นเอง และที่ฐานไม่มีตัว “นะ” กำกับอยู่

ง.พิมพ์พระประธานเล็บมือปรกโพธิ์ พระพิมพ์นี้มีพุทธลักษณะคล้ายกับพระสมเด็จ พิมพ์พระประธาน และเป็นพิมพ์ที่ใกล้เคียงกับลักษณะของหลวงพ่อปู่มากที่สุด ด้านหลังปรากฏปรกโพธิ์เม็ดและก้านโพธิ์ไม่ชัดเจนนัก

จ.พิมพ์เล็บมือปรกโพธิ์ ชะลูด เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งบนรัตนบัลลังก์ ในรูปทรงกรอบเล็บมือโค้ง มีลายปรกโพธิ์ก้านปรากฏที่ผนังคูหา ด้านหลังองค์พระงดงามพอสมควรทีเดียว

ฉ.พระพิมพ์เล็บมือซุ้มโค้ง พิมพ์เปลวเพลิง ลักษณะพิมพ์พระเหมือนพิมพ์สมาธิซุ้มแหลม แต่มีเส้นเป็นลายคล้ายเปลวเพลิงขึ้นจากชายผ้าทิพย์ขึ้นไปสู่เบื้องบนพระเศียร

ช.พระปิดตาเล็บมือซุ้มแหลมอักขระสี่ตัว พิมพ์ทรงเป็นแบบเดียวกับพิมพ์สมาธิเพชรซุ้มแหลม ผิดกันที่เป็นพระปิดตา ที่มีจำนวนน้อยมากหาดูได้ยากกว่าพิมพ์อื่น

พระพุทธคุณของ พระกรุวัดชนะสงครามนั้น เด่นทางคงกระพันมหาอุด (พิมพ์ปิดตา) และแคล้วคลาด เป็นที่นิยมของบรรดาผู้ประกอบอาชีพรับราชการทหารและตำรวจ ตลอดจนผู้มีอาชีพเป็นพ่อค้าแม่ขาย แม่ค้าแถวตลาดบางลำพูนิยมกันมาก และเชื่อว่าเมตตาแรงไม่แพ้พระกรุอื่นเหมือนกัน ราคาเช่าบูชาอยู่ในหลักพันจัดว่าเป็นของดีมีราคาเยาที่น่าสะสมอนุรักษ์ไว้ใช้บูชาเป็นอย่างยิ่ง

( ที่มา : ลานโพธิ์  ฉบับที่  886 พระวัดชนะสงคราม พระกรุพุทธคุณสูง เรื่องโดย เอนก เจกะโพธิ์ ปักษ์แรก เดือน กันยายน พ.ศ. 2546 ราคาปก 40 บาท )

#พระวัดชนะสงคราม #พระกรุวัดชนะสงคราม #หลวงพ่อปู่ #วัดชนะสงคราม #วัดตองปุ #กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท #เจ้าคุณพระธรรมปิฎก #นิยม #สงครามเก้าทัพ #เจ้าพระยาเสือ #