วัดธรรมศาลา เป็นวัดราษฎร์เก่าแก่มาแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เชื่อกันว่าน่าจะเป็นวัดร้างเก่าแก่มาก่อน ต่อมาได้มีการฟื้นฟูบูรณะขึ้นใหม่บนซากโบราณสถาน ตั้งอยู่บนถนนที่จะเข้าตัวเมืองทางฝั่งซ้าย เลย กม.ที่ 51 ไปไม่มาก ใน ต.ธรรมศาลา อ.เมือง จ.นครปฐม
หลวงพ่อน้อยเป็นอดีตเจ้าอาวาสของวัดนี้ มรณภาพเมื่อปี พ.ศ.2513 หลวงพ่อน้อยเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีพรรษาสูงที่สุดใน จ.นครปฐม เวลานั้น เป็นพระที่หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ให้ความนับถืออย่างยิ่ง
เมื่อมีชาวธรรมศาลาไปนมัสการหลวงพ่อเงิน ที่วัดดอนยายหอม เมื่อหลวงพ่อเงินสอบถามได้ความว่ามาจากธรรมศาลา เพื่อมาขอบูชาของขลังจากท่าน หลังจากให้ของดีแล้วหลวงพ่อเงินจะบอกว่า
“คราวหน้าไม่ต้องมาอีกนะจ๊ะ หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา ท่านเก่งกว่าฉันเสียอีก ทำไมไม่หาท่าน มีของดีใกล้ตัวกลับมองข้ามไปได้นี่นา นี่แหละเขาว่าใกล้เกลือกินด่างแท้ๆ”
ทุกครั้งที่ไปพบกันในงานพุทธาภิเษกวัตถุมงคล หลวงพ่อเงินจะเข้าไปกราบนมัสการหลวงพ่อน้อยก่อนทุกครั้งด้วยกิริยาอาการนอบน้อม ด้วยหลวงพ่อเงินมีอาวุโสน้อยกว่าหลวงพ่อน้อย และดังมาภายหลังหลวงพ่อน้อยอีกด้วย
ญาติของผู้เขียนได้ตะกรุดโทนจากผู้เขียนไปหนึ่งดอก เขาเอาคาดเอวและระลึกถึงหลวงพ่อน้อยตลอดเวลา เขาขับรถเทรลเลอร์บรรทุกสินค้า รอดจากการถูกปล้นมาหลายครั้ง หลายครั้งถูกยิงใส่ขณะแหกด่านโจรก็ไม่เป็นอันตราย ที่สุดเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงตัวเขาเองไม่เป็นอะไร แต่สลบไป 2 วัน ตะกรุดโทนที่เอวหักเป็น 2 ท่อน ด้วยแรงกระแทก สภาพรถยับเยิน ใครเห็นก็บอกว่าคนขับไม่น่ารอด
ตะกรุดของหลวงพ่อน้อย เมื่อท่านจะประสิทธิเมให้ใคร ท่านจะหยิบมาเสกก่อนแล้วเป่าลมปราณพ่นรูตะกรุดอย่างรุนแรง จึงใส่มือให้มีข้อห้ามอย่างเดียว คือ “ห้ามเป็นชู้ผิดเมียผู้อื่น”
มีเรื่องเล่าลือมากว่าโชเฟอร์รถสิบล้อมีตะกรุดหลวงพ่อคาดเอวประจำ เขาเป็นคนชอบเป็นชู้เมียผู้อื่น พวกเพื่อนๆ เตือนว่าหากรักทางนี้อย่าคาดเอวด้วยตะกรุดของหลวงพ่อน้อย เพราะอาจเกิดอันตรายได้
คืนนั้นเขาจอดรถนอนข้างทางเลยวัดธรรมศาลาไปไม่ไกล ขณะนอนหลับถูกยิงหลายนัด แต่ไม่เข้า มีเพียงนัดเดียวที่เข้าตรงสะดือพอดี ทำให้เขาตาย
ผู้รู้เรื่องดีกล่าวว่าอภินิหารตะกรุดแสดงให้เห็นว่ามีอานุภาพด้วยกระสุนปืนหลายนัด ที่เป็นรอยจ้ำเขียวด้วยแรงปะทะของหัวกระสุนแต่ไม่เข้า มาเข้านัดเดียวที่สะดือ แสดงให้เห็นว่าหากไม่ผิดกฎของตะกรุดแล้ว จะไม่มีวันตายโหงเด็ดขาด
หลวงพ่อน้อย เป็นพระเถระที่พูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อมและระมัดระวังเรื่องคำพูดมาก ท่านมีวาจาสิทธิ์ ว่าใครแล้วเป็นไปตามปากท่านจริงๆ
ครั้งหนึ่งศิษย์เอาเหรียญหล่อ รุ่นแรก รูปเสมา มาให้หลวงพ่อดูว่าพอใจหรือไม่ พอหลวงพ่อเห็นรูปของท่านในเหรียญ ท่านก็บอกว่า
“หน้าดุยังกับเสือกับยักษ์ ใครเขาจะเอาไปใช้”
แต่ท่านก็เมตตาปลุกเสกให้ปรากฏว่ามีผู้บูชาหมดไปภายหลังจากออกวางไม่กี่วัน เพราะเป็นเหรียญที่มีประสบการณ์สูง และโดยเฉพาะเรื่องมหาอุดและคงกระพันเป็นยอด
รูปหล่อรุ่นแรกของท่าน ท่านจัดพิธีปลุกเสกเดี่ยว และพุทธาภิเษกมีช่างภาพมาถ่ายทำภาพพระเกจิผู้มาร่วมพุทธาภิเษกที่นั่งเรียงกันอยู่เหนืออาสนะ เมื่อมาถึงหลวงพ่อน้อย ช่างภาพก็บันทึกภาพไว้ จนเมื่อล้างภาพออกมาแล้วพบว่า บริเวณที่หลวงพ่อนั่งอยู่ว่างเปล่า ส่วนพระรูปอื่นๆ คงติดชัดเจน ทำให้รูปหล่อรุ่นแรกของหลวงพ่อเป็นที่ต้องการของผู้คนที่รู้ข่าว จนต้องสร้างต่อกันมาถึงสามรุ่น
ที่นับว่าเป็นเหตุประหลาดที่เล่าลือกันทั้งจังหวัดนครปฐม ก็คือ คืนวันที่หลวงพ่อน้อยมรณภาพ เป็นคืนที่งานเทศกาลนมัสการพระปฐมเจดีย์ กำลังมีอยู่อย่างสนุกสนานปรากฏว่ามีฝูงลิงจากวัดธรรมศาลา ที่อยู่ห่างจากองค์พระปฐมเจดีย์ประมาณ 4 กม. มาปรากฏที่ในงานซึ่งปกติแล้วฝูงลิงฝูงนั้นจะอยู่แต่ในวัดธรรมศาลาเท่านั้น
พ่อค้าแม่ขายและผู้คนที่อยู่ในงานต่างแปลกใจที่จู่ๆ ก็มีฝูงลิงมาวิ่งอยู่ในงาน พวกมันแสดงกิริยาอาการต่างๆ คล้ายกับจะบอกอะไรกับผู้ที่อยู่ในงาน
ครู่ใหญ่…โฆษกของงานก็ประกาศการมรณภาพของหลวงพ่อน้อย ทำให้ผู้คนตกตะลึงจังงัง พวกแม่ค้าที่เป็นศิษย์ของท่านพากันร้องไห้โฮด้วยความอาลัย หลังจากโฆษกประกาศการมรณภาพของหลวงพ่อน้อยแล้ว ลิงฝูงนั้นก็พากันกลับวัดธรรมศาลา
หลังจากหลวงพ่อมรณภาพไปแล้ว ลิงฝูงนั้นก็พากันแยกย้ายอพยพจากทางวัดไป เหมือนจะรู้ว่าบัดนี้ร่มโพธิ์ร่มไทรของพวกมันโค่นล้มลง แล้วมันหมดที่พึ่ง เพราะเมื่อหลวงพ่อน้อยอยู่ ใครรังแกมันจะต้องถูกหลวงพ่อตะเพิดอย่างรุนแรง
เป็นที่น่าอัศจรรย์ว่าสรีระของหลวงพ่อน้อย หลังจากเก็บศพไว้นานก็ไม่เน่าเปื่อยกลับแข็งเป็นหิน ทางคณะศิษย์จึงไม่ประกอบพิธีขอพระราชทานเพลิงศพ แต่บรรจุไว้ในโลงแก้ว ให้สาธุชนได้กราบนมัสการ ที่ศาลาที่เก็บศพหลวงพ่อโดยเฉพาะจนทุกวันนี้
เมื่อหลวงพ่อน้อยติว่าเหรียญหล่อแบบใบเสมาหน้าดุ คณะศิษย์จึงเปลี่ยนแบบใหม่ เรียกว่าแบบ “คอน้ำเต้า” ใบหน้าหลวงพ่อชัดเจนและดูไม่เครียด ท่านบอกว่า
“อย่างนี้ดี ผู้คนเขาจะได้เอาติดตัว”

เหรียญปั๊ม ปี 2511 ก่ออภินิหารเป็นที่เล่าลือ ศิษย์ของหลวงพ่อไปเที่ยวซ่องนางโลมตามประสาคนหนุ่ม ไปมีเรื่องกับพลทหารเกณฑ์ถึงตะลุมบอน ตัวศิษย์หลวงพ่อเห็นท่าไม่ไหวจึงผละ ถูกปาระเบิดน้อยหน่าใส่ แต่ลูกระเบิดไม่ทำงาน ทั้งๆ ที่กระเดื่องก็ถูกถอดพร้อมสลัก ร้อนถึงเจ้าหน้าที่สรรพาวุธต้องมากู้เอาออกไปทำลาย ซึ่งระเบิดก็ทำงานเป็นปกติ เชื่อกันว่าด้วยอานุภาพแห่งพลังจิตที่หลวงพ่อปลุกเสกเหรียญนั่นเอง ทำให้ระเบิดไม่ทำงาน
เหรียญรุ่นนี้ซึ่งปกติเหลืออยู่ที่วัดพร้อมกับเหรียญหน้าเสือ รุ่นที่ 3 หมดไปจากวัดเพียงไม่นานนัก หลังจากข่าวเหรียญหลวงพ่อต้านระเบิดน้อยหน่า ออกตีพิมพ์เป็นพาดหัวข่าว
บารมีของหลวงพ่อน้อย ใน จ.นครปฐม และใกล้เคียงเป็นที่รู้กันว่าสูงสุด ทั้งนี้เพราะหลวงพ่อน้อย เป็นพระพูดน้อยดุจเดียวกับชื่อของท่าน หากถามคำท่านก็ตอบคำ และจะไม่พูดเรื่องเกี่ยวกับอภินิหารหรือวัตถุมงคล แม้แต่จะบอกบุญเรี่ยไร หลวงพ่อก็ไม่ออกปาก แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่ากิจกรรมต่างๆ ที่หลวงพ่อน้อยดำริจะสำเร็จทุกโครงการ ด้วยมีผู้มาบริจาคร่วมบุญกันอย่างคับคั่งโดยไม่ต้องเรี่ยไร
ลิงในวัดก็เช่นกัน มันพากันอพยพมาจากที่ใดไม่มีใครรู้ แต่มันจะเพิ่มจำนวนขึ้นจนมากมาย และสมัยที่หลวงพ่อน้อยมีชีวิตอยู่นั้นจะเห็นพวกมันวิ่งไปมากันยั้วเยี้ย แต่ไม่เคยทำร้ายคนที่เข้ามาในวัด เหมือนมันจะรู้ว่าคนที่เข้ามาเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ เหมือนพวกมันเชื่อกันว่าบารมีเมตตาธรรมของหลวงพ่อน้อยสูงยิ่งนัก
พลตรี ประจญ กิตติประวัติ หรือท่านตรียัมปวาย พูดถึงหลวงพ่อน้อยว่า เป็นพระแท้ที่ไม่สะสม มีวัตรปฏิบัติเรียบง่าย สมณศักดิ์ที่พระครูภาวนากิตติคุณ ท่านก็มิได้ดิ้นรนแสวงหา แต่คณะศิษย์และทางการคณะสงฆ์เล็งเห็นคุณงามความดีของท่าน จึงขอพระราชทานให้
ยังมีเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับหลวงพ่อน้อย อินทสโร วัดธรรมศาลา อีกหลายแง่มุมที่จะนำเสนอ ขอเชิญท่านติดตามได้ในตอนต่อไป ซึ่งจะได้ค้นคว้าหามาเขียน เพื่อบูชาพระคุณหลวงพ่อสืบไป
(อ่านต่อฉบับหน้า)
ที่มา: ลานโพธิ์ ฉบับที่ 888 พระปิดตา พิมพ์หูกระต่าย หลังยันต์ เนื้อแร่ หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา นครปฐม วางแผง เดือนตุลาคม 2546 ; คอลัมน์ : ท่านพระครูภาวนากิตติคุณ (หลวงพ่อน้อย) วัดธรรมศาลา ผู้ยิ่งด้วยบารมี ตอนที่ 1 เขียนโดย แสน วิชาชาญ
#ลานโพธิ์ #หลวงพ่อน้อย #วัดธรรมศาลา #นครปฐม #พระครูภาวนากิตติคุณ(หลวงพ่อน้อย) #พระปิดตา #พิมพ์หูกระต่าย #