ภาพและเรื่องโดย แฉ่ง บางกระเบา
ขอนำเรื่องราวของปาฏิหาริย์พระบรมสารีริกธาตุที่ปรากฏเป็นจริงที่ องค์พระปฐมเจดีย์ ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทอดพระเนตรเห็นด้วยพระองค์เอง เมื่อครั้งยังดำรงพระยศเป็นพระบรมโอรสาธิราช และได้มีพระราชหัตถเลขาทูลถวายรัชกาลที่ 5 พระราชหัตถเลขาดังกล่าวขอทูลเชิญมาให้ท่านผู้อ่านได้ทราบเนื้อความซึ่งน่าสนใจยิ่ง ดังนี้
สนามจันทร์
พระปฐมเดีย์
42
วันที่ 26 ตุลาคม ร.ศ.128
ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ด้วยเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม ร.ศ.128 นี้ ตรงกับวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 11 เวลาดึก 1 ยาม กับ 55 นาที ข้าพระพุทธเจ้าได้นั่งเล่นอยู่ที่เรือนสนามจันทร์ มีข้าราชการแลมหาดเล็กอยู่ด้วยเป็นอันมาก ได้เห็นองค์พระปฐมมีรัศมีสว่างพราวออกทั้งองค์ ดูประหนึ่งว่าองค์พระปฐมเจดีย์ด้านตะวันตก คือด้านที่เล็งตรงกับสนามจันทร์นั้นทาด้วยฟอสฟอรัส พราวเรืองๆ ตั้งแต่ใต้คอระฆังลงมาหน่อยหนึ่งตลอดขึ้นไปจนยอดมงกุฎ
แลซ้ำยังมีรัศมีพวยพุ่งสูงขึ้นไปอีกประมาณ 3-4 วา ปรากฏแก่ตาอยู่อย่างนี้ 17 นาที แล้วรัศมีตอนใต้แต่ปล้องไฉนตลอดยอดก็ดับลงไปทันที เหลือสว่างอยู่แต่ตอนช่องมะหวดลงมาอีกสักไม่ถึงกึ่งนาทีก็ดับหายไปหมด
มืดแม้จะมองแต่รูปองค์พระก็ไม่ถนัด ข้าพระพุทธเจ้าได้นับผู้ที่ได้เห็นในขณะนั้นตลอดจนทหารที่อยู่ยามสี่คน เป็นจำนวน 69 คน
ข้าพระพุทธเจ้าลองคิดดูตามไซแอนซ์ว่า บางทีจะเป็นด้วยเมื่อตอนฝนตกหนัก ละอองฝนจะติดค้างอยู่ที่กระเบื้องที่ประดับ องค์พระปฐม บ้าง ครั้นตอนดึกพระจันทร์จวนตก แสงจันทร์ส่องทอตรงได้ระดับฐานฉากกับ องค์พระปฐม จึงได้บังเกิดแสงพรายแพรวฉะนั้น
ครั้นพระจันทร์เหลื่อมเข้าเมฆแสงก็กลับไป รัศมีที่ องค์พระปฐม ก็หายไปด้วย
ครั้นรุ่งขึ้นได้ทราบเกล้าฯว่าจีนที่รับเหมาทำศาลารัฐบาลซึ่งอยู่ด้านตะวันออก องค์พระแลชาวตลาดอีกหลายคนซึ่งอยู่เหนือองค์พระก็ได้เห็นด้วย
เมื่อเป็นเช่นนั้นก็เข้าใจได้ว่ารัศมีได้พราวออกทั่วองค์พระเป็นอันพ้นวิสัยที่แสงจันทร์จะถึงได้หรือจะว่ามีธาตุฟอสฟอรัสอยู่ในองค์พระธาตุนั้นจะส่องแสงพราวแพรวในเวลากลางคืนได้ ก็ต่อเมื่อได้ต้องแสงอาทิตย์ในเวลากลางวันมากพอ ในเวลากลางวันก็ชอุ่ม ตอนเย็นก็ฝนตกคงไม่ใช่แสงธาตุฟอสฟอรัสแน่ จึงเป็นอันจนด้วยเกล้าฯ ที่อ้างแสงรัศมีนั้นเป็นด้วยเหตุไร นอกจากว่าเป็นมหัศจรรย์ยิ่ง
รุ่งขึ้นวันที่ 25 ข้าพระพุทธเจ้าได้นิมนต์สงฆ์ 10 รูป มีพระนิกรมมุนีเป็นประธาน สวดมนต์เย็นในพระวิหารบนองค์พระ แล้วได้เดินเทียนสมโภชองค์พระสามรอบ
รุ่งขึ้นวันที่ 26 เวลาเช้า พวกข้าราชการแลพ่อค้าราษฎรชาว พระปฐมเจดีย์ ได้มีความปีติยินดี ช่วยกันจัดของไปถวายแลเลี้ยงพระหมดทั้งวัด พระปฐมเจดีย์ เป็นจำนวน 68 รูป
เวลาค่ำได้มีละครเรื่องสุวรรณหงส์ ตอนกุมพลถวายผ้า ฉลองคืนหนึ่งเป็นเสร็จการ เพราะฉะนั้น ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานถวายพระราชกุศล
ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า
วชิราวุธ
ครั้นต่อมาเมื่อเสวยราชย์เป็น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวแล้ว ก็ทอดพระเนตรเห็นอีกครั้งหนึ่งในปี พ.ศ.2457 โดยทอดพระเนตรเห็นจากบริเวณพระราชวังสนามจันทร์ ซึ่งตรงจุดที่ทรงทอดพระเนตรนั้นได้โปรดเกล้าฯให้สร้างพระที่นั่งขึ้นหลังหนึ่งชื่อว่า “ พระที่นั่งปาฏิหาริย์ทัศไนย ” อันมีความหมายถึงพระที่นั่งที่มองเห็นปาฏิหาริย์นั่นเอง
เรื่องราวของปาฏิหาริย์ของพระบรมสารีริกธาตุ ที่ องค์พระปฐมเจดีย์ นั้นมีปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็เคยทอดเนตรเห็นเช่นกัน
“ หลวงบริบาลบุรีภัณฑ์ ” มีบันทึกเรื่องปาฏิหาริย์ของ องค์พระปฐมเจดีย์ ไว้ว่า
“ พระสถูปที่นครปฐม หรือ พระปฐมเจดีย์ เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุแน่นอนโดยไม่ต้องสงสัย เพราะเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์มาตั้งพันๆ ปี ทั้งได้เคยแสดงปาฏิหาริย์ให้ปรากฏแล้วหลายคราว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทอดพระเนตรเห็นด้วยพระองค์เอง 3 คราว คือ
ในคราว พ.ศ.2396 คราวหนึ่ง พ.ศ.2401 คราวหนึ่ง กับ พ.ศ.2408 อีกคราวหนึ่ง
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราชเจ้า ได้ทอดพระเนตรเห็น 2 คราว เจ้าพระยาทิพากรณ์วงศ์เล่าไว้ในหนังสือของท่านว่า ปาฏิหาริย์นั้นมีทุกปี ปีละ 2 ครั้งบ้าง 3 ครั้งบ้าง ถ้าสมโภชเวียนเทียนเมื่อใด ก็เป็นทุกคราว ”
องค์พระปฐมเจดีย์ จึงน่าเชื่อได้ว่าเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุโดยแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มานับพันปีแล้ว อีกทั้งเคยแสดงปาฏิหาริย์มาแล้วหลายครั้งหลายคราว
![]() |
พระพุทธรูปปางปฐมเทศนาศิลปะทวาราวดี
พระประธานในพระอุโบสถ
วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร
|
![]() |
องค์พระปฐมเจดีย์ในสมัยพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งที่พระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริย์ |
สนามจันทร์
พระปฐมเดีย์
42
วันที่ 26 ตุลาคม ร.ศ.128
ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ด้วยเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม ร.ศ.128 นี้ ตรงกับวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 11 เวลาดึก 1 ยาม กับ 55 นาที ข้าพระพุทธเจ้าได้นั่งเล่นอยู่ที่เรือนสนามจันทร์ มีข้าราชการแลมหาดเล็กอยู่ด้วยเป็นอันมาก ได้เห็นองค์พระปฐมมีรัศมีสว่างพราวออกทั้งองค์ ดูประหนึ่งว่าองค์พระปฐมเจดีย์ด้านตะวันตก คือด้านที่เล็งตรงกับสนามจันทร์นั้นทาด้วยฟอสฟอรัส พราวเรืองๆ ตั้งแต่ใต้คอระฆังลงมาหน่อยหนึ่งตลอดขึ้นไปจนยอดมงกุฎ
![]() |
องค์พระปฐมเจดีย์ในปัจจุบัน |
มืดแม้จะมองแต่รูปองค์พระก็ไม่ถนัด ข้าพระพุทธเจ้าได้นับผู้ที่ได้เห็นในขณะนั้นตลอดจนทหารที่อยู่ยามสี่คน เป็นจำนวน 69 คน
ข้าพระพุทธเจ้าลองคิดดูตามไซแอนซ์ว่า บางทีจะเป็นด้วยเมื่อตอนฝนตกหนัก ละอองฝนจะติดค้างอยู่ที่กระเบื้องที่ประดับ องค์พระปฐม บ้าง ครั้นตอนดึกพระจันทร์จวนตก แสงจันทร์ส่องทอตรงได้ระดับฐานฉากกับ องค์พระปฐม จึงได้บังเกิดแสงพรายแพรวฉะนั้น
ครั้นพระจันทร์เหลื่อมเข้าเมฆแสงก็กลับไป รัศมีที่ องค์พระปฐม ก็หายไปด้วย
ครั้นรุ่งขึ้นได้ทราบเกล้าฯว่าจีนที่รับเหมาทำศาลารัฐบาลซึ่งอยู่ด้านตะวันออก องค์พระแลชาวตลาดอีกหลายคนซึ่งอยู่เหนือองค์พระก็ได้เห็นด้วย
![]() |
เหรียญเสมาองค์พระปฐมเจดีย์ สร้างปี พ.ศ.2465 |
รุ่งขึ้นวันที่ 25 ข้าพระพุทธเจ้าได้นิมนต์สงฆ์ 10 รูป มีพระนิกรมมุนีเป็นประธาน สวดมนต์เย็นในพระวิหารบนองค์พระ แล้วได้เดินเทียนสมโภชองค์พระสามรอบ
![]() |
เหรียญเสมาองค์พระปฐมเจดีย์ สร้างปี พ.ศ.2496 |
เวลาค่ำได้มีละครเรื่องสุวรรณหงส์ ตอนกุมพลถวายผ้า ฉลองคืนหนึ่งเป็นเสร็จการ เพราะฉะนั้น ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานถวายพระราชกุศล
ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า
วชิราวุธ
![]() |
เหรียญรูปไข่องค์พระปฐมเจดีย์ |
เรื่องราวของปาฏิหาริย์ของพระบรมสารีริกธาตุ ที่ องค์พระปฐมเจดีย์ นั้นมีปรากฏให้เห็นอยู่เสมอ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็เคยทอดเนตรเห็นเช่นกัน
![]() |
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในชุดร่วมฝึกเสือป่า ณ สนามจันทร์ นครปฐม |
“ พระสถูปที่นครปฐม หรือ พระปฐมเจดีย์ เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุแน่นอนโดยไม่ต้องสงสัย เพราะเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์มาตั้งพันๆ ปี ทั้งได้เคยแสดงปาฏิหาริย์ให้ปรากฏแล้วหลายคราว พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทอดพระเนตรเห็นด้วยพระองค์เอง 3 คราว คือ
ในคราว พ.ศ.2396 คราวหนึ่ง พ.ศ.2401 คราวหนึ่ง กับ พ.ศ.2408 อีกคราวหนึ่ง
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระปิยมหาราชเจ้า ได้ทอดพระเนตรเห็น 2 คราว เจ้าพระยาทิพากรณ์วงศ์เล่าไว้ในหนังสือของท่านว่า ปาฏิหาริย์นั้นมีทุกปี ปีละ 2 ครั้งบ้าง 3 ครั้งบ้าง ถ้าสมโภชเวียนเทียนเมื่อใด ก็เป็นทุกคราว ”
องค์พระปฐมเจดีย์ จึงน่าเชื่อได้ว่าเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุโดยแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มานับพันปีแล้ว อีกทั้งเคยแสดงปาฏิหาริย์มาแล้วหลายครั้งหลายคราว
( ที่มา : บทความ “ ปาฏิหาริย์ องค์พระปฐมเจดีย์ ” พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทอดพระเนตรเห็นถึง 2 ครั้ง โดย แฉ่ง บางกระเบา )
วันนี้! อ่านหนังสือ ลานโพธิ์ บน i-Pad หรือ Tablet computer ได้ทั่วโลกแล้ว ตามลิงค์นี้
สามารถหาอ่านหนังสือ ลานโพธิ์ ในรูปแบบ E-book ได้แล้วจร้า..