เรื่องของอภินิหาร ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ วัดเทพศิรินทร์Ž ที่ประสบกับ พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ ยุคล

ภาพและเรื่องโดย..แฉ่ง บางกระเบา


พระภิกษุพระยานรรัตนราชมานิต
( ธมฺมวิตโก ภิกขุ )
เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ.2520 นับนานถึงวันนี้เป็นเวลาล่วงมา 30 ปีเข้าไปแล้ว ท่านผู้เขียนท่านนี้ก็ได้ล่วงลับไปแล้ว ครั้งนั้นท่านเมตตาผู้เขียนมาก บทความชิ้นนั้นท่านนิพนธ์ขึ้นเพื่อช่วยผู้เขียนในการจัดทำหนังสือชื่อ พุทธเวทย์Ž โดยให้ลงเผยแพร่ ก็ได้รับความสนใจจากผู้อ่านมาก

เรื่องนี้ชื่อว่า  เรื่องของอภินิหารŽ นิพนธ์โดย พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ุ ยุคล ผู้เขียนขออนุญาตนำมาเสนอ โดยรวบรัด แต่ลีลาสำนวนการเขียนคงอรรถรสเดิมๆ ทั้งสิ้น มีเนื้อความดังต่อไปนี้

ข้าพเจ้า ( พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ุ ยุคล ) ได้เคยกล่าวไว้ว่า ความเห็นของข้าพเจ้าเรื่องอภินิหารนั้นเกิดจากพลังจิตของหลายฝ่าย อาทิเช่น พลังจิตของพระพุทธเจ้า พลังจิตของอาจารย์ และพลังจิตของบุคคลมารวมกันเข้าเป็นพลังรวม และพลังจิตทั้งสิ้นนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน  ซึ่งมีหลายวิธีการและหลายลัทธิ แม้แต่พลังของจิตที่เป็นธรรมชาติที่คนบางคนมี แต่ถ้าเป็นกำลังจิตที่แท้จริงแล้วก็ย่อมมีพลังทั้งสิ้น



พระกริ่งเมฆิยะ ท่านเจ้าคุณฯอธิษฐานจิต
เมื่อปี พ.ศ.2500
แต่ก็อีกนั่นแหละ ดังเช่นที่ข้าพเจ้าได้เขียนไว้แล้วในตอนต้นของบทเขียนนี้ว่า ถึงแม้จะยังไม่มีข้อที่จะพิสูจน์ให้แน่แท้ว่ามีพลังอย่างไร แม้แต่ว่ามีจริงหรือเปล่าก็ยังยืนยันได้ยาก แต่อย่างไรก็ตามก็ยังไม่มีปราชญ์ หรือมีนักวิทยาศาสตร์ผู้ใดจะพึงกล้ายืนยันว่า พลังจิตนั้นไม่มีจริง และจะเกิดขึ้นไม่ได้เป็นอันขาด ข้าพเจ้าจึงจะขอนำเรื่องที่เกิดกับตัวข้าพเจ้าเองเมื่อไม่กี่ปีมานี้มาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งเป็นเรื่องที่จะพิสูจน์จะวิจัยกันได้หลายทาง สุดแล้วแต่ท่านผู้อ่านจะนึกคิดวิจัยกันเอง

เมื่อไม่กี่ปีมานี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ข้าพเจ้าไปเป็นผู้แทนพระองค์ ในงานฉลอง 2500 ของวันที่ พระเจ้าไซรุสมหาราช ทรงรวมจักรวรรดิเปอร์เซีย ( อิหร่าน ) ขึ้น งานเฉลิมฉลองนี้ พระเจ้าซาร์อิหร่าน องค์ปัจจุบันทรงจัดให้มีการฉลองเฉลิมขึ้นที่ เมืองเพอเซพโพลิส ( เมืองโบราณ ) ซึ่งเป็นการฉลองที่มโหฬาร ที่ทั้งองค์ประมุขและประมุขประเทศแทบทุกประเทศในโลก ได้รับเชิญและจะไปประชุมกันในโอกาสนั้น


เหรียญรุ่นแรก ท่านเจ้าคุณนรรัตน์
ก่อนกำหนดวันเดินทางของข้าพเจ้าหนึ่งวัน ซึ่งมีกำหนดจะต้องออกเดินทางเวลาเที่ยงของวันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้าเกิดป่วยเป็นไข้หวัดอย่างแรง ไข้สูงมาก จนมิสามารถจะยืนทรงตัวได้ อีกทั้งยังไอโขลกๆ อยู่มิได้ขาด จนเจ็บไปทั่วอก แพทย์ผู้รักษาทั้งที่พยายามที่จะรักษาให้ข้าพเจ้าค่อยยังชั่วให้ไปได้ก็ยอมแพ้ โดยบอกกับข้าพเจ้าว่า เนื่องจากสภาพของไข้ข้าพเจ้าในขณะนั้น จะเดินทางโดยเฉพาะไปในงานเฉลิมฉลองที่ใหญ่โตเช่นนั้นไม่ได้เป็นอันขาด ข้าพเจ้ากลุ้มและปั่นป่วนใจเป็นที่สุด เพราะว่าจะต้องทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต้องทรงลำบากพระราชหฤทัยเป็นอย่างยิ่ง โดยจะต้องทรงหาตัวแทนข้าพเจ้า ซึ่งภายในไม่ถึง 24 ชั่วโมง จะสามารถเตรียมตัวทัน โดยเฉพาะในงานนี้จะมีการเลี้ยงและการแต่งกายเต็มยศกันแทบทุกวันตลอดอาทิตย์หนึ่ง


เหรียญสังฆาฏิ ท่านเจ้าคุณนรรัตน์
ข้าพเจ้าตระหนักดีว่า สำหรับข้าพเจ้านั้นมีแต่ทางที่จะเสีย จะกราบทูลว่าไปไม่ได้ก็เลย จะไม่กราบทูลก็เสีย เวลานั้นเป็นเวลาค่ำโพล้เพล้ ด้วยไข้และด้วยความปั่นป่วน ความกลุ้มใจ ข้าพเจ้าล้มตัวลงนอน แต่ไม่ทราบว่าอะไรที่มาดลใจข้าพเจ้าให้คิดว่าจะไม่มีทางอื่นแล้วที่อาจช่วยได้ นอกจากจะใช้พลังจิต และข้าพเจ้าเคยทำวิปัสสนาอยู่บ้าง แต่ก็มิใช่อยู่ในฐานะของผู้ที่แก่กล้าในทางวิปัสสนา ข้าพเจ้าแข็งใจนึกขอให้บรรดาอาจารย์ผู้ที่ศักดิ์สิทธิ์ขอให้เมตตากรุณาต่อข้าพเจ้าด้วยเถิด แล้วสะกดจิตกำหนดลมหายใจให้นิ่งได้แล้วก็จำอะไรอีกไม่ได้ มารู้สึกตัวในฝันว่า ข้าพเจ้าแหงนคอมองขึ้นไปทางหัวเตียงนอน ได้เห็นพระองค์หนึ่งสีจีวรเหลืองอร่ามชัด แต่ใบหน้าของท่านนั้นเป็นหิน หินที่มีสีคล้ายๆ ตอนสีอ่อนของสีดอกพิกุล ท่านประทับลอยอยู่เหนือหัวนอน


พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ุ ยุคล
ทรงก้มให้ท่านคลิ้ง วัดถลุงทอง
เจิมที่วัดดอนศาลา พัทลุง
และทันทีที่ข้าพเจ้าเพ่งมองพระพักตร์หินนั้น กระดุกกระดิกได้เหมือนหน้าคนธรรมดา และเป็นตอนที่ข้าพเจ้าจำได้ว่า พระองค์นั้นคือ ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ วัดเทพศิรินทร์ ซึ่งเพิ่งได้สละสังขารไปแล้วเมื่อไม่นานมา ในฝันนั้นข้าพเจ้าลุกขึ้นนั่งกราบท่าน แล้วออกปากทักว่า เจ้าคุณŽ ท่านยิ้มแล้วกลับนิ่งเฉย ต่อครู่ใหญ่ท่านจึงเอ่ยขึ้นว่า ความแก่ ความเจ็บ ความตาย เป็นของธรรมดาŽ ก็รู้ ( ข้าพเจ้า ) อยู่แล้ว เจ็บไข้นี้มีทางเดียวที่จะมีทางบรรเทาได้ คือด้วยพลังจิตท่านก็รู้ จิตท่านแข็งจึงต้องมา ท่านกล่าวเบาๆ ช้าๆ เป็นตอนๆ เหมือนจะสั่งสอน แล้วท่านก็หยุดไปครู่หนึ่ง แล้วท่านก็กล่าวขึ้นอีกพร้อมกับยิ้มน้อยๆ และด้วยน้ำเสียงของคนธรรมดาว่า อย่าวิตกเลย บรรทมให้สบายเถิด พรุ่งนี้จะหายประชวรแล้วเสด็จได้Ž ข้าพเจ้าตื่นขึ้น ปรากฏว่ายังหงายหน้ามองที่เหนือเตียง และรู้สึกว่ายังเห็นจีวรเหลืองๆ หายแว่บไป แต่กำลังไม่สบายมากจึงนึกเพียงว่าฝันไป แล้วหลับผล็อยไป


พระพิมพ์ปรกโพธิ์ รูปเหมือนท่านเจ้าคุณนรรัตน์
ต่อเมื่อตอนดึกค่อนรุ่งข้าพเจ้าตื่นขึ้นปัสสาวะรู้สึกว่า อาการปวดหัวเมื่อยร่างและอาการอ่อนเพลียนั้นค่อยยังชั่วขึ้น รู้สึกแปลกใจ แต่นึกว่าอาการที่ปรากฏค่อยยังชั่วนี้เป็น มโนภาพ และอาจเป็นภาวะหลอนของตัวข้าพเจ้าเองว่าสบายขึ้น จึงหลับตานอนกำหนดจิตต่อไปจนไม่รู้สึกตัว ต่อเช้าประมาณ 7 โมงจึงตื่นขึ้น อาการไข้ทุกอย่างทุกประการหายสิ้น แม้แต่การไอโขลกๆ ที่ถี่และแรงก็หายสิ้นไม่ไอเลย และพอถึง 12 นาฬิกา ข้าพเจ้าก็ออกเดินทางจากดอนเมือง เหมือนกับคนที่หายเจ็บแล้ว คงแต่รู้สึกเพลียบ้างเล็กน้อย เมื่อไปถึงประเทศอิหร่านก็เข้าไปร่วมฉลองงานทุกงาน โดยเฉพาะที่ เมืองเพอเซพโพลิส ซึ่งตั้งอยู่บนเขาสูงมาก จึงทั้งหนาวทั้งหายใจยาก ด้วยมีออกซิเจนน้อย ข้าพเจ้าได้ตรากตรำกลางแดดกลางความหนาวทุกวัน บางวันไปงานตั้งแต่เช้าจนตีหนึ่ง

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงและประหลาดที่เกิดกับตัวข้าพเจ้าเอง ท่านจงเลือกพิสูจน์และเลือกเชื่อเอาเองเถิด ว่าจะเป็นเรื่องของอภินิหารหรือเรื่องธรรมดาๆ เพราะว่าพอข้าพเจ้ากลับมาก็ได้ไปซักถามนายแพทย์ผู้นั้นบอกว่า เป็นเรื่องที่ข้าพเจ้ารักษาตัวของข้าพเจ้าเอง เพราะความแน่วแน่และพลังจิตนั้น ทำให้ส่วนกลไกต่างๆ ของร่างกายของข้าพเจ้าต่อสู้กับโรค และต่อสู้กับความรู้สึกของข้าพเจ้าจนชนะและหายไข้ชนิดที่ยาอาจทำไม่ได้ แต่แพทย์ก็ย่อมทราบกันดีว่า พลังจิตของคนไข้นั้นถ้าแข็ง หรือพูดง่ายๆ ว่าคนไข้สู้ไข้แล้ว ย่อมเป็นพลังที่จะช่วยให้หมอรักษาโรคให้หายได้ดีกว่าคนไข้ที่ไม่สู้ ข้าพเจ้าสนใจในเรื่องนี้ จึงได้คอยติดตามฟังและอ่านเรื่องเช่นนี้ในวงการแพทย์ต่อมาเสมอๆ


พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ุ ยุคล
ขณะทรงฉายกล้อง
เมื่อไม่นานมานี้ได้อ่านบทเขียนของนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางโรคมะเร็ง ชาวอเมริกันเขียนเรื่อง พลังจิต และเรื่องการให้คนไข้ทำวิปัสสนาเพื่อช่วยรักษาโรค เขาว่าเขาแนะนำกับคนไข้ที่เป็นโรคที่มีทางหายาก เช่น มะเร็ง ให้ทำวิปัสสนาและใช้พลังจิตช่วย เขารักษาโรค เขายืนยันว่าการกระทำดังกล่าวเขาได้ผลดีอย่างน่าพิศวง คนไข้บางรายหายได้อย่างไม่น่าที่จะเป็นไปได้เลย และเป็นที่น่าประหลาดว่านายแพทย์ผู้นั้นมิได้นับถือพระพุทธศาสนา แต่เขาก็เอาวิธีการและพระธรรมหรือคำสอนของพระพุทธเจ้าที่เขาเชื่อมาใช้เป็นผล เช่นก่อนอื่นเขาจะเริ่มสอนคนไข้ไม่ให้กลัว โดยชี้แจงว่า ความตายเป็นของธรรมดา ทุกคนจะเลี่ยงไม่ได้ สังขารเป็นส่วนที่ประกอบขึ้นย่อมจะต้องเสื่อมสลาย เหมือนวัตถุและธาตุทั้งหลายทั้งปวง เมื่อคนไข้พอจะเข้าใจและบรรเทาความกลัวบ้าง เขาก็เริ่มสอนให้คนไข้ทำวิปัสสนา

บทเขียนทั้งสิ้นนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่ข้าพเจ้าเชื่อ เพราะว่าข้าพเจ้าได้ประสบการณ์ หรือได้เกิดขึ้นกับตัวข้าพเจ้าเอง และข้าพเจ้าเชื่อว่าเป็นเรื่องของพลังจิตของสมเด็จพระบรมศาสดา และพลังจิตของ ท่านธรรมวิตตโกมหาเถระเจ้าคุณนรรัตน์ และพลังจิตที่ต่ำต้อยของข้าพเจ้า แต่ก็พอมีพลังเพียงพอที่จะรับอานุภาพพลังจิตอื่นที่ใหญ่ยิ่งได้ บทความของท่าน พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธ์ุ ยุคล หรือที่ในวงการภาพยนตร์เรียกท่านว่า เสด็จองค์ชายใหญ่Ž มีความน่าสนใจมาก เพราะเป็นเหตุการณ์จริงที่ท่านประสบมาด้วยพระองค์เอง ทรงได้นิพนธ์เอาไว้ให้ผู้เขียน นอกจากบทความนี้ยังมีอีกหลายเหตุการณ์ที่ทรงนิพนธ์ให้ผู้เขียนไว้จะได้นำมาเสนอในโอกาสต่อไป


( ที่มา : บทความ  เรื่องของอภินิหาร ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ วัดเทพศิรินทร์Ž ที่ประสบกับ พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภาณุพันธุ์ ยุคล โดย แฉ่ง บางกระเบา )


วันนี้อ่านหนังสือ ลานโพธิ์ บน i-Pad หรือ Tablet computer ได้ทั่วโลกแล้ว ตามลิงค์นี้ 


สามารถหาอ่านหนังสือ ลานโพธิ์ ในรูปแบบ E-book ได้แล้วจร้า.. 








Available Now!  You can read whenever, wherever with any device.

 BangkokSarn App on Google Play store    Lanpo App on Google play Store    Ookbee Book Shop   Meb Market Book Shop      

#ลานโพธิ์  #อภินิหาร #เจ้าคุณนรรัตน์ #วัดเทพศิรินทร์ฯ