![]() |
หลวงปู่เทียน วัดโบสถ์ |
ย้อนหลังไปเมื่อสัก ๖๐ ปีก่อน เมื่อเอ่ยชื่อของ พระครูบวรธรรมกิจ หรือ หลวงปู่เทียน แห่ง วัดโบสถ์ขึ้นมา ในหมู่ผู้ที่นิยมสะสมพระเครื่องหรือแม้แต่ชาวบ้านทั่วๆ ไปไม่มีใครไม่รู้จักท่าน ถ้าจะเทียบเคียงกับเกจิที่มีชื่อเสียงในยุคนี้ก็คงระดับเดียวกับ หลวงพ่อคูณ แห่งวัดบ้านไร่นั่นเอง พระเครื่องของท่านมีคนต้องการเช่าบูชากันมาก เพราะเชื่อกันว่าใครก็ตามที่ได้บูชาพระเครื่องของท่านจะพลิกชีวิตได้ จากคนธรรมดาก็จะมั่งมีเงินทอง จากคนใกล้ล้มละลายก็จะพลิกฟื้นกลับมา ส่วน ตะกรุดโทนมหารูด ของท่านนั้นก็นิยมในหมู่ทหาร ตำรวจ ที่ใช้ชีวิตแบบเสี่ยงภัย รวมไปถึงพวกที่ชอบใช้ชีวิตแบบนักเลงในยุคนั้นด้วย
เชื่อกันว่าใครมีตะกรุดโทนท่านคาดเอว อาวุธปืนก็เหมือนท่อนไม้ เพราะไม่สามารถยิงคนที่คาดตะกรุดของท่านได้ ช่วงประมาณปี พ.ศ.๒๕๐๖ ทองคำหนัก ๑ บาท ราคาอยู่ที่ ๔๐๐ บาท พระสมเด็จ ที่ทางวัดโบสถ์ ตั้งราคาให้เช่าบูชานั้นสูงถึง องค์ละ ๕๐ บาท แต่ก็มีคนเช่าบูชาไปจนหมด ภายในปีนั้นจากราคา ๕๐ บาท กลายเป็น ๕๐๐ บาทและไปถึง ๑,๕๐๐ บาทในช่วงปลายปี ซึ่งราคาแพงกว่าพระนางพญากรุเมืองพิษณุโลกที่เป็น ๑ ใน ๕ ของพระเบญจภาคีเสียอีก ยุคนั้นพระนางพญาสวยๆ ราคาเพียง ๕๐๐-๑,๐๐๐ บาท พระสมเด็จของท่านจะเป็นรองก็แค่สมเด็จวัดระฆังและสมเด็จกรุบางขุนพรหมเท่านั้น ส่วน ตะกรุดโทนมหารูด ๑๐๘ นั้นราคาเช่าบูชาอยู่ที่ ๑๕๐ บาท แพงกว่าสมเด็จถึงสามเท่าตัว
![]() |
เหรียญรุ่นแรก พระธรรมธราจารย์ (อ่อน ปุญณุตฺตโม) |
![]() |
พระสมเด็จพิมพ์วัดเกศ 9 ชั้น พิมพ์ใหญ่ |
![]() |
พระสมเด็จพิมพ์วัดเกศ 9 ชั้น พิมพ์ใหญ่ |
๑. นางจีบ
๒. นางกลีบ
๓. พระครูบวรธรรมกิจ ( เทียน ดุลยกนิษฐ์ )
๔. นายธูป ดุลยกนิษฐ์ ( มีบรรดาศักดิ์เป็นหลวง )
๕. นางคืบ
๖. นางคำ สมนวน
๗. ร้อยเอก เทียบ ดุลยกนิษฐ์ ( มีบรรดาศักดิ์เป็นหลวง )
๘. นางเขียน ปรักมสิทธิ์

เมื่อท่านมีอายุได้ประมาณ ๑๑ ปี จึงได้เริ่มเรียนหนังสือภาษามอญกับ พระอธิการมะ ( สว่าง ) วัดชัยสิทธาวาส ตำบลกระแชง อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ศึกษาอยู่ไม่นานก็ได้ย้ายมาอยู่ที่ วัดโบสถ์ ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ได้เรียนหนังสือต่อกับท่าน อาจารย์นวน จนอ่านออกเขียนได้ และมีความรู้แตกฉานในด้านการคิดเลข ทั้งบวก ลบ คูณ หาร จนอายุท่านได้ ๑๔ ปี จึงย้ายลงไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ท่านได้เข้าเรียนหนังสือไทยต่อที่โรงเรียนวัดมหาพฤฒารามฯ จนสอบไล่ได้จบหลักสูตรของโรงเรียน ผู้เขียนเคยสอบถามคนรุ่นเก่า บางคนระบุว่าต้นตระกูลท่านเป็นชนชั้นสูงเป็นขุนนางเก่าเชื้อสายมอญ และสันนิษฐานว่า วิชาลบผงสิบสองนักษัตร นั้น น่าจะเป็นวิชาเก่าแก่ของตระกูลท่านด้วย และเป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับวิชาโหราศาสตร์ คล้ายกับ เจ้าอธิการบุญนาค ( ปทุโม ) เจ้าอาวาสองค์ที่ ๔ ของ วัดศาลาแดงเหนือ เป็นบุตรของ สมิงปราบณรงค์ ( บันฮะ ) ที่ถูกนำไปฝากเป็นศิษย์ของเจ้าอาวาสวัดศาลาแดงเหนือเพื่อเรียนภาษามอญเป็นพื้นฐาน กับเรียนโหราศาสตร์จนแตกฉานตั้งแต่เด็ก ซึ่งคนที่เรียนโหราศาสตร์นี้ก็จะเก่งคณิตศาสตร์ด้วยแบบเดียวกับ หลวงปู่เทียน เพราะเป็นวิชาที่ต้องใช้การคำนวณเป็นหลัก เมื่อ หลวงปู่เทียน ถูกส่งตัวเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯท่านจึงมีพื้นฐานความรู้ทั้งทางคณิตศาสตร์และโหราศาสตร์เป็นทุนเดิม สามารถต่อวิชาจากหลวงลุงของท่านที่อยู่วัดมหาพฤฒารามฯได้ทันที
![]() |
พระสมเด็จพิมพ์วัดเกศ 9 ชั้น พิมพ์ใหญ่ |
![]() |
พระสมเด็จพิมพ์วัดเกศ 9 ชั้น พิมพ์เล็ก |
![]() |
พระธรรมธราจารย์ (อ่อน ปุญณุตฺตโม) |
![]() |
รูปถ่ายต้นฉับบหลวงปู่เทียน กับ สมเด็จพระสังฆราช (อยู่) |
![]() |
รูปถ่ายสมเด็จพระสังฆราชอยู่ ขณะดำรงตำแหน่ง พระปิฎกโกศล พ.ศ.2451 |
![]() |
พระสมเด็จพิมพ์วัดเกศ 9 ชั้น พิมพ์เล็ก |
![]() |
พระสมเด็จพิมพ์วัดเกศ 9 ชั้น พิมพ์เล็ก |
![]() |
พระสมเด็จ พิมพ์ก้างปลา หลังประทุนยุคต้น |
ช่วงที่ หลวงปู่เทียน เข้ามาเรียนหนังสืออยู่ที่ วัดมหาพฤฒารามฯ นี้ ท่านได้เรียนภาษาบาลีหรือภาษามคธไปด้วย เพราะที่วัดจะมีพระภิกษุสงฆ์ชาวลังกาสิงหลมาพักอยู่ที่วัดอยู่เสมอ สมัยนั้นจะมี พระสมุห์อ่อน ที่เป็นฐานานุกรมของ พระครูธรรมจริยาภิรัต ( ปาน ) หรือต่อมาได้เลื่อนเป็น พระศาสนานุรักษ์ ( ปาน ) เป็นผู้สอน พระสมุห์อ่อนนั้นท่านเป็นพระมอญ แต่เดิมอยู่ที่ตำบลแพรกษา จังหวัดสมุทรปราการ ต่อมาย้ายเข้ามาเรียนหนังสือที่วัดจักรวรรดิราชาวาส จนอายุครบ ๒๑ ปี จึงได้ถูกนำมาฝากไว้ในสำนักท่าน พระครูธรรมจริยาภิรมย์ ( สอน ) เจ้าอาวาสวัดมหาพฤฒารามฯ องค์ที่ ๒ ( พ.ศ.๒๓๙๙-๒๔๒๓ ) ถัดจาก พระมหาพฤฒาจารย์ ( แก้ว ) ในสมัยนั้น เข้าใจว่าแต่เดิมนั้นชุมชนแถวนี้น่าจะเป็นชุมชนชาวมอญเก่าเจ้าอาวาสรุ่นต่อๆ มาจึงเป็นคนไทยเชื้อสายมอญมาตลอด ต่อมา พระธรรมเจดีย์ ( อุ่ม ธมฺมธโร ป.๔ ) ที่ครองวัดต่อจาก พระศาสนานุรักษ์ (ปาน ) ได้ถูกย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวรารามฯ ท่านอาจารย์อ่อนจึงรักษาการเจ้าอาวาสแทน ก่อนจะได้รับพระราชทานสัญญาบัตรสมณศักดิ์ที่ พระครูสังวรยุตินทรีย์ ตำแหน่งพระครูเจ้าอาวาสชั้นโท ต่อมาในปี พ.ศ.๒๔๖๖ ได้เลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระธรรมธราจารย์ ( อ่อน ปุญณุตฺตโม ) แต่คนทั่วไปเรียกท่าน หลวงปู่อ่อน
พระธรรมธราจารย์ ( อ่อน ปุญณุตฺตโม ) ท่านเป็นอาจารย์อีกองค์หนึ่งของ หลวงปู่เทียน ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งธรรมวินัย โหราศาสตร์และคาถาอาคม แต่ท่านไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก เพราะท่านเป็นพระที่ชอบความสงบเน้นเรื่องกรรมฐานและสอนหนังสือลูกศิษย์ของท่าน อีกองค์หนึ่งก็คือ พระเทพสาครมุนี ( หลวงปู่แก้ว วัดช่องลม ) อดีตเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร ในปี พ.ศ.๒๔๘๔ ได้มีการจัดงานฉลองอายุครบ ๗ รอบของท่าน คณะศิษย์ได้ขออนุญาตท่านสร้างเหรียญที่ระลึกขึ้นแจก ประกอบกับเป็นช่วงสงคราม ชาวบ้านต้องการวัตถุมงคลที่ใช้คุ้มครองตัว ท่านจึงอนุญาตและเขียนยันต์ที่จะประทับลงบนหลังเหรียญให้เป็น ยันต์ไตรสรณคมน์
เคยมีคนถาม อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร เกี่ยวกับยันต์ต่างๆ ว่าท่านคิดว่า “ ยันต์อันไหนคือที่สุดของยันต์ ” ท่านอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร ได้ตอบว่า “ ต้องเป็นยันต์ไตรสรณคมน์สิ ” เพราะยันต์ถูกผูกมาจากบท พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณังคัจฉามิ ความหมายคือ ขอนอบน้อมเอาพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ซึ่งพระไตรสรณคมน์ในทางไสยศาสตร์ถือว่าเป็นพระคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์และมีอานุภาพสูงสุด กันได้ทั้งผี กั้นได้ทั้งอันตรายที่จะเกิดต่อตนเองและบุคคลรอบข้าง “ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ นี่แหละ แม้แต่เทพเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายยังต้องให้ความเคารพยำเกรง ไม่มีสิ่งใดที่จะก้าวล้ำผู้ที่มีจิตมั่นคงในพระไตรสรณคมน์ได้ ” เกจิอาจารย์ที่ใช้ยันต์นี้บรรจุลงในวัตถุมงคลล้วนแต่เป็นเกจิชั้นแนวหน้า ไม่ว่าจะเป็น หลวงปู่เอี่ยม แห่งวัดสะพานสูง ที่สร้างตะกรุด โดยเขียนยันต์โสฬสไว้ข้างในแล้วลง ยันต์ไตรสรณคมน์ ไว้ด้านนอก หรือ หลวงพ่อกวย แห่งวัดโฆสิตารามที่ เหรียญรุ่น ๓ หรือเรียก เหรียญโล่ ของท่านก็บรรจุด้วย ยันต์ไตรสรณคมน์ ยันต์นี้เปรียบได้ดั่งดวงแก้ว ๓ ประการ นอกจากพุทธคุณที่กล่าวมายังใช้อธิษฐานของพรในเรื่องงาน เรื่องเงินได้ด้วย เหรียญนี้จึงเป็นเหรียญดี เหรียญขลัง ที่ควรหามาติดกายอีกเหรียญหนึ่ง
![]() |
หนังสือแจกงานศพหลวงปู่เทียน |
ตอนที่ท่านอายุครบ ๒๑ ปี จึงได้ขอลาออกเพื่อไปอุปสมบทที่วัดบางนา โดยมีท่านเจ้าคุณรามัญมหาเถร เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์พุก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ วันที่ท่านตัดสินใจบวชนั้นทีแรกก็แค่ทำตามประเพณีเท่านั้น แต่เมื่อเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ท่านก็ไม่หวลคืนสู่เพศฆราวาสอีกเลย
( ที่มา : ลานโพธิ์ ฉบับที่ 1227 “ สุดยอดเกจิอาจารย์แห่งเมืองปทุมธานี ” พระครูบวรธรรมกิจ ( เทียน ) วัดโบสถ์ ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ปักษ์หลัง เดือนตุลาคม พ.ศ. 2561 ราคาปก 70 บาท )
วันนี้! อ่านหนังสือ ลานโพธิ์ บน i-Pad หรือ Tablet computer ได้ทั่วโลกแล้ว ตามลิงค์นี้