ความเป็นมาของ พระสมเด็จ กรุเจดีย์เล็ก บางขุนพรหม โดย แสน วิชาชาญ

หลังจากมีการเปิดกรุนำ พระสมเด็จ ในกรุเจดีย์ใหญ่ ออกมาให้บูชาแล้ว เศษที่ชำรุดได้ถูกนำมาสร้างเป็น พระสมเด็จ ปี 2509 ได้เงินมามากพอสมควร

ทางวัดใหม่อมตรส หรือ วัดบางขุนพรหม จึงนำมาปรับปรุงอาณาเขตในวัดให้ดูงดงามตามที่ควร จะเป็น เจดีย์ใหญ่ จะมีเจดีย์เล็กประจำอยู่สี่ทิศ เป็นเจดีย์เล็กคู่กัน ทิศละสององค์

ทางวัดว่าจ้างผู้รับเหมา มาทำการปรับรื้อเจดีย์เล็กออกไป และปรับพื้นที่โดยรอบให้เป็น ดังที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ผู้รับเหมาจ้างคนงานทุบ คนงานจึงทำการทุบเจดีย์เล็กทิ้ง

จากปากคำของคนงานที่บอกกับ คุณชลอ รับทอง ผู้มี พระกรุ นี้อยู่มากที่สุด มีอยู่ว่า

เมื่อทุบเจดีย์เล็กองค์แรกออกภายในมีอัฐิบรรจุไว้ภายใน คนงานได้นำออกมาแยกไว้ต่างหาก

เมื่อทุบเจดีย์เล็กองค์ที่สองอยู่ในสุดออก ภายในพบพระเครื่องบรรจุอยู่ คนงานเคยได้ยินเรื่อง กรุพระ ในเจดีย์ใหญ่ จึงกวาดพระทั้งหมดใส่ห่อผ้าขาวม้าซุกเอาไว้ จากนั้นก็ทุบไปทั้งสี่ทิศ ได้พระจำนวนประมาณ 2 ถุงปูนซีเมนต์ตราเสือ จึงนำไปซ่อนไว้ และนำไปขายที่ สนามพระวัดมหาธาตุ ท่าพระจันทร์ มีผู้ซื้อไว้หน่อย

คนงานได้รับการแนะนำให้มาให้ คุณชลอ รับทอง เมื่อคุณชลอได้เห็นพระจึงรับซื้อไว้ทั้งหมดที่นำมาเสนอ และได้แจกบ้าง ให้บูชาบ้าง คงคัดเก็บที่สวยๆ ไว้จำนวนหนึ่ง ที่เหลือคนงานขยักไว้ และนำกลับไปขายใน สนามพระวัดมหาธาตุ ใหม่อีกครั้ง จึงแพร่หลายออกไปจนทุกวันนี้

จากการสนทนากับท่าน พลตรี ประจบ กิตติประวัติ (ท่าน ตรียัมปวาย) ท่านได้เล่าว่า

“ตอนนั้นผมบวชอยู่มีผู้นำ พระกรุเจดีย์เล็ก ไปให้ดู ผมดูแล้วคราบกรุ และอายุของเนื้อพระเ ป็นแบบเดียวกับ กรุเจดีย์ใหญ่ จึงสอบถามผู้นำมาให้ดู ก็พบว่ามีผู้นำมาขายใน สนามพระวัดมหาธาตุ ท่านจึงขอเช่าบูชา และเมื่อท่านเขียน เรื่องปริอรรถาธิบาย เรื่องพระสมเด็จ ท่านก็ได้พูดถึงพระกรุนี้ไว้ด้วย”
คุณชลอ รับทอง เคยนำ พระสมเด็จ กรุเจดีย์เล็ก พิมพ์สามเหลี่ยม หน้าหมอนขวาน มาให้ผู้เขียนดูที่ ร้านกาแฟออน ล็อค หยุ่น โดยคว่ำหน้าให้ผู้เขียนพิจารณาด้านหลัง ปรากฏว่า องค์นั้นคราบกรุน้อย เนื้อด้านหลังจัดเหมือน พระสมเด็จกรุเก่า อย่างไรอย่างนั้น และคุณชลอยังได้ให้ดูด้านหลังอีกหลายๆ องค์ ก็เป็นแบบเดียวกัน คือจัดมาก

จากการพิจารณาคราบกรุของ พระเจดีย์เล็ก จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นคราบฟองเต้าหู้ คราบหนังกระเบน คราบขี้มอด และคราบหินปูนต่างๆ มีให้เห็นแบบเดียวกับ กรุเจดีย์ใหญ่ ทุกประการ เพียงแต่ว่า พิมพ์ทรงนั้นผิดแผกออกไป คือมีอยู่ดังนี

1. สามเหลี่ยมหน้าหมอนขวาน

2. พิมพ์เจดีย์ มีลายดอกไม้ที่ผนังด้านหลังองค์พระ
3. พิมพ์เจดีย์ (เจดีย์จริงๆ) แหวกม่าน
4. พิมพ์ยืนประทานพร
5. พิมพ์ไสยาสน์
6. พิมพ์ฐานแซม
พิมพ์ฐานแซม นี้เป็นพิมพ์คล้ายกับ ฐานแซมเจดีย์ใหญ่ แต่องค์พระจะเล็กกว่าและดูไม่ชะลูดเท่ากับในเจดีย์ใหญ่ แต่ก็ถูกนำไปขายยัดเป็นกรุเจดีย์ใหญ่ จนความแตกเมื่อมีการประกวด และเซียนได้แยกออกจากพิมพ์ฐานแซมเจดีย์ใหญ่ ถึงกับมีการคืนเงินกันอุตลุดมาแล้ว

เป็นไปได้หรือไม่ว่า พระชุดนี้ ตระกูลธนโกเศส ผู้สร้างพระบรรจุในเจดีย์ใหญ่ได้ให้ช่างแกะพิมพ์พระขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อขอเนื้อพระที่สร้างพระกรุเจดีย์ใหญ่ มากดพิมพ์เข้าพิธีเดียวกัน และแยกออกมาบรรจุในเจดีย์เล็กเพื่ออุทิศกุศลให้ต้นตระกูลที่วายชนม์พร้อมกับเจดีย์ใหญ่ และมีการค้นพบในเวลาต่อมา

ปัจจุบันวงการพระรับรองกันเป็นหนึ่งเดียวแล้วว่า เป็นพระแท้ และมีอายุเท่ากับกรุเจดีย์ใหญ่ และสำหรับพิมพ์สามเหลี่ยมหน้าหมอนขวาน สวยๆ จัดๆ เวลานี้ต้องมีเงินไม่น้อยกว่า 3-4 แสน จึงจะได้สักองค์ และฐานแซมกรุเจดีย์เล็ก ก็ราคาไม่ด้อยไปกว่าหากคมและงดงามจริงๆ
จึงขอทิ้งปริศนาไว้ให้ท่านผู้อ่านได้ใช้วิจารณญาณว่าท่านเห็นด้วยหรือไม่ หากท่านมีพระสองกรุอยู่ในครอบครองพึงนำมาสำรวจตรวจสอบคราบกรุดู แล้วท่านจะพบความจริงได้ไม่ยากเลย จริงไหมครับ

ที่มา : ลานโพธิ์ ฉบับที่ 891 พระสมเด็จ บางขุนพรหม กรุเจดีย์เล็ก วางแผง เดือนพฤศจิกายน 2546 ราคาปก 50 บาท ; คอลัมน์ ความเป็นมาของ พระสมเด็จ กรุเจดีย์เล็ก บางขุนพรหม โดย แสน วิชาชาญ

#พระสมเด็จ #กรุเจดีย์เล็ก #บางขุนพรหม #กรุเจดีย์ใหญ่ #วัดใหม่อมตรส #วัดบางขุนพรหม #ชลอ #รับทอง #ชลอรับทอง #สนามพระวัดมหาธาตุ #พลตรีประจบกิตติประวัติ #พลตรี #ประจบ #กิตติประวัติ #ตรียัมปวาย #พระกรุเจดีย์เล็ก #เรื่องปริอรรถาธิบาย #เรื่องพระสมเด็จ #พระสมเด็จกรุเก่า #พระเจดีย์เล็ก #กรุเจดีย์ใหญ่ #ตระกูลธนโกเศส #ธนโกเศส # #แสน #วิชาชาญ