ภาพและเรื่องโดย..สุธน ศรีหิรัญ
 |
พระครูพิทักษ์วีรธรรม(สืบ ปริมุตโต) |
วัดสิงห์ ต.บางแก้ว อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างมาแต่สมัยอู่ทอง หรืออยุธยาตอนต้น โดยสังเกตได้จากเจดีย์ของวัด ซึ่งภายหลังได้สถาปนาชื่อว่า พระเจดีย์อิศวรนวโกฏิ และพระประธานของวัดซึ่งมีนามว่า “ พระพุทธสีหโรจนชัย ” เป็นพระพุทธรูปศิลาทรายแดงแกะสลักต่อกันเป็นท่อนๆ แล้วสอปูนลงรักปิดทอง มีพุทธศิลปะอู่ทองค่อนข้างชัดเจน ใบเสมาเก่าของวัดเป็นหินทองแดงตามคำบอกเล่าน่าจะยืนยันว่าวัดนี้น่าจะสร้างมาแต่สมัยอู่ทอง เพราะเป็นย่านความเจริญเก่าตั้งแต่อาณาจักรทวาราวดี เป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมคลองบางแก้วซึ่งเชื่อมต่อจากแม่น้ำนครชัยศรี บริเวณปากคลองนี้คือ วัดกลางบางแก้ว คลองนี้ผ่าน วัดสิงห์ ไปองค์พระปฐมเจดีย์ แม้แต่สุนทรภู่ก็เคยกล่าวถึงไว้ในนิราศพระประฐมตอนหนึ่งว่า
 |
พระประธานในโบสถ์ วัดสิงห์ |
“ถึงวัดสิงห์สิงสู่อยู่ที่นี่
แต่ใจพี่ไปสิงมิ่งสมร
ถึงตัวจากพรากพลัดกำจัดจร
ยังอาวรณ์หวังเสน่ห์ทุกเวลา”
 |
ใบเสมาเก่าของวัดสิงห์ |
วัดสิงห์ น่าจะเคยเจริญรุ่งเรืองมาแต่อดีต และเริ่มรกร้างลงไปเมื่อสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ แล้วกลับมามีพระจำพรรษาอีกครั้งในระยะปลายรัชกาลที่ 5 เพราะในช่วงรัชกาลที่ 4 ซึ่งตามประวัติคำบอกเล่าว่า ได้มีพระเกจิอาจารย์ผู้แก่กล้าท่านหนึ่งคือ “ หลวงพ่อจ้อย วัดบางช้างเหนือ ” สามพราน ในฤดูแล้งชอบมาพักปฏิบัติธรรมอยู่ในวัดแห่งนี้ ซึ่งครั้งนั้นเป็นวัดร้าง เหตุที่ หลวงพ่อจ้อย วัดบางช้างเหนือ ชอบมาพักปฏิบัติธรรม ณ สถานที่นี้ก็เนื่องจากเป็นที่สงบวิเวกและมีดงต้นตาลอยู่มาก ชาวบ้านทำน้ำตาลจากต้นตาลโตนด บางส่วนก็เอามาทำ “ น้ำตาลเมา ” หรือที่ชาวบ้านย่านนี้เรียกว่า “ กระแช่ ” ส่วน “ หลวงพ่อจ้อย ” ผู้แก่กล้าองค์นี้มีคำเล่าสืบต่อกันมาว่า ท่านชอบดื่มกระแช่เป็นประจำ เมื่อพักปฏิบัติอยู่ที่แห่งนี้ชาวบ้านที่รู้ใจท่านก็มักจะเอากระแช่มาถวาย เมื่อท่านมาทุกปีท่านก็จะขุดบ่อน้ำเอาไว้ จากบ่อเล็กๆ เมื่อหลายปีเข้าบ่อน้ำก็โตขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นบ่อน้ำที่ใช้ประโยชน์ได้ในเวลาต่อมา
 |
รูปปั้นหลวงพ่อจ้อย วัดบางช้างเหนือ |
 |
รูปปั้นหลวงพ่อจ้อย
วัดบางช้างเหนือ |
ย้อนกลับไปถึงเรื่อง “ หลวงพ่อจ้อย วัดบางช้างเหนือ ” บางท่านอาจสงสัยว่า “ ดื่มกระแช่ ” ไม่ผิดศีลหรือ ข้อนี้น่าจะเว้นได้สำหรับผู้ที่ล่วงพ้นไปแล้ว โดยฉพาะหลวงพ่อจ้อย เพราะท่านมีวิชาอาคมแก่กล้ามาก สามารถ “ อาพัด ” เหล้าให้เป็นน้ำได้ ในทำนองเดียวกันก็สามารถเสกน้ำให้เป็นเหล้าได้ เคยมีตัวอย่างให้เห็นเมื่องานทำบุญอายุหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว หลวงพ่อจ้อยมักจะไปร่วมงานทุกปี มีอยู่ปีหนึ่งผู้เฒ่าที่วัดกลางบางแก้วเล่าว่า ท่านมางานหลวงปู่บุญเห็นคนทำครัวนั่งดื่มเหล้ากัน ท่านก็เข้าไปขอดื่มบ้าง บรรดาพ่อครัวของวัดก็แบ่งให้ท่านเล็กน้อย แต่ท่านไม่พอขอดื่มอีก พวกพ่อครัวก็บอกท่านว่า อย่าดื่มมาก เดี๋ยวพวกเขาจะไม่พอดื่ม หลังจากท่านดื่มแล้วได้เดินไปที่ถังน้ำ เอามือจุ่มลงไปบริกรรมคาถาแล้วหมุนมือเวียนน้ำสามครั้ง ก่อนจะบอกว่า
“ เอ้า! กินกันซะให้พอ ”
ผู้เฒ่าแห่งวัดกลางบางแก้วเล่าว่า เพียงเท่านั้นน้ำในถังใบนั้นก็กลายเป็นเหล้าทั้งหมด เล่นเอาเมากันไปทั้งครัว
“ โพธิ์ปาราชิก ”
 |
จตุคามรามเทพ รุ่นเศรษฐีนวโกฏิ เนื้อไม้มงคลเทพทาโร |
 |
จตุคามรามเทพ รุ่นเศรษฐีนวโกฏิ เนื้อไม้มงคลเทพทาโร ปัดทอง |
น่าจะหมายถึง “ ต้นโพธิ์ ” คือ “ พระภิกษุ ” ส่วน ต้นตะเคียน หมายถึง “ ผู้หญิง ” หรือนางตะเคียน เมื่อต้นโพธิ์ไปขึ้นคล่อมต้นตะเคียน จึงเรียกว่า “ โพธิ์ปาราชิก ” ถ้าเป็นพระภิกษุก็ขาดจากศีล โดยเหตุนี้จึงเล่าลือกันมาว่า เป็นเหตุ “ อาเพศ ” ทำให้เจ้าอาวาสวัดสิงห์อยู่ได้ไม่นานก็สึกออกไปมีครอบครัวกันหมด จนต่อมาถึงปี พ.ศ.2527 เจ้าอาวาส วัดสิงห์ ก็ลาสิกขาไปมีครอบครัว พระครูอินทสิริชัย ( ม้วน ) วัดไทร เจ้าคณะตำบล จึงส่งศิษย์เอกของท่านคือ “ พระอาจารย์สืบ ” มาเป็นเจ้าอาวาส วัดสิงห์ ด้วยความหวังว่าจะไม่ลาสิกขาไปมีครอบครัวเหมือนองค์อื่นๆ
 |
“โพธิ์ปาราชิก” ต้นโพธิ์ขี่ต้นตะเคียน |
 |
“โพธิ์ปาราชิก” ต้นโพธิ์ขี่ต้นตะเคียน |
เหตุอัศจรรย์ เมื่อ “ หลวงพ่อสืบ ” มาครองเจ้าอาวาส วัดสิงห์ อยู่ไม่นาน “ ต้นโพธิ์ขี่ต้นตะเคียน ” หรือ “ โพธิ์ปาราชิก ” ก็ค่อยเหี่ยวเฉาลงเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เหี่ยวแห้งตายไปที่สุด คงเหลืออนุสรณ์ให้เห็นแห้งตายอยู่จนทุกวันนี้ ชาวบ้านก็เป็นอันโล่งอกว่าเจ้าอาวาสองค์นี้จะสร้างความเจริญเป็นปึกแผ่นให้แก่ วัดสิงห์ ได้เสียที เหตุการณ์ก็เป็นไปตามคาด “ หลวงพ่อสืบ ” ได้มุ่งมั่นพัฒนา วัดสิงห์ จนเจริญรุ่งเรืองมาจนทุกวันนี้ ตัวท่านเองก็ได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์ให้เป็น “ เจ้าคณะตำบล ” และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น “ พระครูพิทักษ์วีรธรรม ” คือผู้ปกปักรักษาความเป็นเลิศแห่งธรรมของพระพุทธองค์ให้มั่นคงยั่งยืนตลอดไปชั่วกาลนาน
 |
หลวงพ่อห่วง วัดท่าใน อาจารย์หลวงพ่อสืบ |
 |
เจดีย์อิศวรนวโกฏิ |
“ หลวงพ่อสืบ ” เกิดที่บ้านตลาดบน ต.ท่ากระจับ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 กุมภาพันธ์ 2475 ในครอบครัวเกษตรกรรม บิดาชื่อ นายชาญ มารดาชื่อ นางเพียร สกุล “ ยอดยง ” เข้าเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนวัดไทร จนจบชั้นประถมจึงเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนเพิ่มวิทยา วัดกลางบางแก้ว เมื่อปี พ.ศ.2492 จบชั้นมัธยมแล้วจึงสอบเข้าโรงเรียนพลตำรวจ จบการศึกษาจากโรงเรียนพลตำรวจได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการตำรวจ ณ สถานีตำรวจลุมพินี กรุงเทพฯ รับราชการตำรวจอยู่ได้ 3 ปี เกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตฆราวาส จึงตัดสินใจลาออกเพื่ออุปสมบท เมื่อปี พ.ศ.2497 ณ วัดท่าใน ต.ท่าพญา อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม โดยมี พระครูสิริวุฒาจารย์ (ห่วง สุวัณโณ) วัดท่าใน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ปิ่น วัดศีรษะทอง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอธิการม้วน วัดไทร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า “ ทานรโต ” หลังจากอุปสมบทแล้วจำพรรษาอยู่ที่วัดท่าใน ศึกษาธรรมและปฏิบัติรับใช้ “ หลวงพ่อห่วง วัดท่าใน ”
หลวงพ่อห่วงองค์นี้เป็นเกจิอาจารย์ที่มีวิชาแก่กล้ามากเป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของชาวบ้าน เป็นสหธรรมกับ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม และ หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา แม้แต่หลวงพ่อเงินเองก็ยังกล่าวยกย่องในความสามารถของหลวงพ่อห่วง ชาวบ้านแถวๆ ตำบลท่าพญา นครชัยศรี เมื่อเดินทางไปขอวัตถุมงคลกับหลวงพ่อเงิน หลวงพ่อเงินมักจะออกปากว่า
“ คุณเลยของดีมาเสียแล้ว หลวงพ่อห่วง วัดท่าใน นั่นแหละของดี ของจริง ไปเอาที่นั่นเถอะโยม ”
 |
ปิดตาพังพกาฬ เนื้อผงมหาว่าน (สีเหลือง)
|
 |
ปิดตาพังพกาฬ เนื้อผงมหาว่าน (สีขาว)
|
 |
ปิดตาพังพกาฬ เนื้อก้นครก |
 |
ปิดตาพังพกาฬ เนื้อผงมหาโชค (สีแดง ปัดทอง) |
หลวงพ่อสืบ ปฏิบัติรับใช้หลวงพ่อห่วง วัดท่าใน ได้ 1 ปี ได้เรียนวิชาก้าวหน้าพอสมควร จิตใจเกิดรุ่มร้อน อยากจะลองวิชาที่เรียนมาว่าเป็นอย่างไรกันแน่ อยู่ไม่ได้ตัดสินใจลาสิกขา นึกถึงคำพูดของเพื่อนว่า
“ เป็นลูกผู้ชายต้องเป็นทหารกล้า ”
 |
ปิดตาพังพกาฬ เนื้อผงใบลาน (สีดำ ปัดทอง) |
 |
ปิดตาพังพกาฬ เนื้อผงมหาลาภ (สีเขียว ปัดทอง) |
จากนั้นบ่ายหน้าไปสอบเข้าเรียนโรงเรียนนายสิบทหารม้ายานเกราะ รุ่น 5 รุ่นเดียวกับ พ.ท.ทองสุข เก่งศิริ, พ.อ.นคร ธีระเนตร, พ.อ.ประสาน รักปทุม จบจากโรงเรียนทหารม้ายานเกราะ ได้รับยศสิบโท “ หน่อปั้ง ” หรือ “ สองแง่ง ” ไปสังกัดกองพันทหารม้ายานเกราะสระบุรี ใช้ชีวิตลูกผู้ชายคุ้มค่าโลดโผนโจนทะยาน เข้า-ออกคุกทหารเป็นประจำจนเบื่อหน่ายเต็มที่ หันหน้ากลับท้องทุ่งท่าพญา นครชัยศรี ไปพบหลวงพ่อม้วนซึ่งสมัยบวชครั้งแรกเป็นคู่สวด ขณะนั้นเป็น “ พระครูอินทสิริชัย ” ระบายความในใจว่าชีวิตฆราวาสมีแต่ทุกข์สับสนวุ่นวายกิเลสตัณหามากมาย แก่งแย่งชิงดีมีแต่อิจฉาริษยา ได้ไปทดลองท่องดินแดนฆราวาสมานานหลายปี รับรู้รสชาติหมดทุกอย่างมิใช่หนทางแห่งการสิ้นทุกข์ มีแต่ทุกข์เพิ่มขึ้นเหมือนอยู่ในวังวนแห่งกิเลส ปรึกษากับ “ หลวงพ่อม้วน ” แล้วจึงตัดสินใจบวชอีกครั้ง ครั้งนี้จะใช้ชีวิตบรรพชิตจนชีวิตจะหาไม่
 |
หลวงพ่อม้วน วัดไทร อาจารย์หลวงพ่อสืบ |
 |
ตะกรุดนวหรคุณ เกื้อหนุนชีวิต เนื้อทองแดง ร้อยไหมเบญจพรรณ |
จึงอุปสมบทในปี พ.ศ.2514 โดยมี พระครูอินทสิริชัย (ม้วน อินทสุวัณโณ) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการง้อ ปัญญาธโร เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้ฉายาว่า “ ปริมุตโต ” จำพรรษาอยู่วัดไทร ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระธรรมจนแตกฉาน สามารถสอบนักธรรมตรี-โท-เอก ได้โดยลำดับในปี พ.ศ.2518 แล้วหันมาสนใจเวทวิทยาคมระลึกถึงภูมิเก่าวิชาที่ได้รับมาจากหลวงพ่อห่วง วัดท่าใน ทบทวนจนแม่นยำและศึกษาเพิ่มเติมจาก “ หลวงพ่อม้วน ”
 |
ตะกรุดนวหรคุณ เกื้อหนุนชีวิต เนื้อทองแดง ร้อยไหมเบญจพรรณ |
“ หลวงพ่อม้วน ” วัดไทร องค์นี้เป็นศิษย์พุทธาคมของพระครูอุตรการบดีหรือหลวงพ่อสุข วัดห้วยจระเข้ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดวิชามาจาก “ หลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้ ” ผู้สร้างพระปิดตา เนื้อเมฆพัด ได้ขลังโด่งดัง เป็นพระปิดตาอันดับหนึ่งของเมืองไทย หลวงพ่อม้วนเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อสุข หนึ่งในสาม อีกสององค์คือ หลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร และ หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม หลวงพ่อม้วน วัดไทร องค์นี้ขลัง ดังเงียบ วัตถุมงคลของท่านสร้างน้อย แจกยาก เลือกคนแจกไม่ได้ให้ง่ายๆ จึงไม่แพร่หลาย แต่เหนียวเหลือเกิน
“ หลวงพ่อสืบ ” ได้ศึกษาวิชามาจากหลวงพ่อม้วนอีกทางหนึ่ง เมื่อมารวมกับหลวงพ่อห่วง วัดท่าใน แล้วก็มีวิชามามากพอตัว จัดว่าท่านเป็นศิษย์สืบสายวิชามาจาก “ หลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้ ” สหธรรมกับ “ หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ” อัธยาศัยของ หลวงพ่อสืบ เป็นคนมีจิตใจนักเลงติดตัวมาตั้งแต่ครั้งเป็นฆราวาส จึงมีจิตใจแน่วแน่เด็ดเดี่ยว พูดอย่างไรทำอย่างนั้น ผู้ที่มีจิตใจเช่นนี้ จึงทำของได้ขลัง เพราะมีจิตกล้าแข็งเป็นหนึ่งเดียว ทำให้มีพลังเกิดขึ้นได้ แต่ก็ซ่อนเร้นเหมือน “ เสือซ่อนเล็บ ” หรือ “ สิงห์สิงถ้ำ ” ไม่เคยทำวัตถุมงคลใดๆ ให้ใครทั้งสิ้น
 |
ปิดตาพังพกาฬ เนื้อผงมหาลาภ (สีเขียว) |
 |
ปิดตาพังพกาฬ เนื้อผงใบลาน (สีดำ) |
พรรษานี้ “ หลวงพ่อสืบ ” ท่านนึกขลังขึ้นมาอยากให้ชาวบ้านมาร่วมทำบุญพัฒนาวัดท่านจึงตัดสินใจสร้าง “ ตะกรุดนวหรคุณ เกื้อหนุนชีวิต ” ร้อยด้วยไหม “ เบญจพรรณ ” จารด้วยมือ ซุ่มสร้างซุ่มทำอยู่ตลอดพรรษาได้ตะกรุดชั้นเยี่ยมมากมายหลายดอก จะออกให้ทำบุญในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2550 ใครอยากได้ต้องรีบไปรับกับมือที่ วัดสิงห์
 |
พระพุทธสีหโรจนชัยเนื้อผงใบลาน (สีดำ) |
 |
พระพุทธสีหโรจนชัย เนื้อผงมหาโชค (สีแดง) |
 |
พระพุทธสีหโรจนชัย เนื้อผงพุทธคุณ (สีขาว) |
 |
พระพุทธสีหโรจนชัย เนื้อก้นครก |
ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2550 นี้ “ หลวงพ่อสืบ ” จะทำพิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่ โดยได้รวบรวมผงและมวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านได้สะสมมาตลอดชีวิตที่ผ่านมา สร้างเป็น พระพิมพ์สมเด็จ พระปิดตา และจตุคามรามเทพ ขึ้นชุดหนึ่ง เพื่อให้ชาวบ้านทำบุญในการพัฒนาวัดสิงห์ให้มั่นคงสืบไป ส่วน “ ตะกรุดนวหรคุณ เกื้อหนุนชีวิต ” นั้น ท่านจะนำเข้าพิธีครั้งนี้ด้วย ท่านผู้อ่านที่มีความประสงค์จะร่วมสร้างบุญกุศลกับ หลวงพ่อสืบ วัดสิงห์ ก็เดินทางไปได้ โดยวัตถุมงคลชุดนี้จะให้ทำบุญ ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2550 ซึ่งเป็นวันที่มีพิธีทอดกฐินประจำปีของ วัดสิงห์
 |
สมเด็จผงพุทธคุณ หลังสิงห์ |
“ หลวงพ่อสืบ วัดสิงห์ ” วันนี้อายุ 75 ปี เป็นพระเถระอีกองค์หนึ่งของ อำเภอนครชัยศรี ที่มีวัตรปฏิบัติน่าศรัทธาเลื่อมใส ท่านมีโอกาสควรเดินทางไปกราบไหว้หรือทำบุญกับท่าน ซึ่งเป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐ เดินทางไปง่ายสะดวก จากกรุงเทพฯตามถนนเพชรเกษม กม. ที่ 43 ถึงวัดท่าตำหนัก ฝั่งซ้ายมือมีทางแยกเข้าวัดบางแก้ว ผ่านวัดบางแก้ว ( วัดบางแก้ว วัดนี้มิใช่วัดกลางบางแก้ว ) ก็ถึง วัดสิงห์
“ หลวงพ่อสืบ วัดสิงห์ มีของดีคอยท่านอยู่นั่นแล้ว ”
ชนวนและมวลสารที่ใช้สร้าง “ พระพุทธสีหโรจนชัย ” “ ท้าวจตุคามรามเทพ ” “ พระปิดตาพังพกาฬ ” “ พระเจดีย์อิศวรนวโกฏิ ” “ รุ่นเศรษฐีนวโกฏิ” และ “ตะกรุดนวหรคุณเกื้อหนุนชีวิต มงคล 9 ร้อยไหมเบญจพรรณ ” วัดสิงห์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐมหลวงพ่อห่วง วัดท่าใน อาจารย์หลวงพ่อสืบ
( ที่มา : ลานโพธิ์ ฉบับที่ 1986 ปักษ์แรก เดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2550 : “ ศิษย์สายพุทธาคม หลวงปู่นาค วัดห้วยจระเข้ ” หลวงพ่อสืบ วัดสิงห์ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ภาพและเรื่องโดย สุธน ศรีหิรัญ )
วันนี้! อ่านหนังสือ ลานโพธิ์ บน i-Pad หรือ Tablet computer ได้ทั่วโลกแล้ว ตามลิงค์นี้
สามารถหาอ่านหนังสือ ลานโพธิ์ ในรูปแบบ E-book ได้แล้วจร้า..
Available Now! You can read whenever, wherever with any device.
#ลานโพธิ์ #หลวงพ่อสืบ #วัดสิงห์ #อ.นครชัยศรี #นครปฐม