อาถรรพ์พิศวง หลวงปู่สรวง ที่ผมรู้จัก

เรื่องโดย ประจัญ กล้าผจญ อดีต ส.ส. นครราชสีมา
ผมรู้จัก หลวงปู่สรวง จากคำเล่าลือของผู้คน ผมเริ่มมีความศรัทธาจึงต้องการอยากจะกราบหลวงปู่ คนเราเมื่อสนใจอะไรย่อมจะพบจะได้ในสิ่งนั้น ผมจึงมีโอกาสพบ หลวงปู่สรวง หลายครั้ง จึงขอถ่ายทอดเล่าให้ผู้สนใจได้รู้
ผู้คนเริ่มรู้จัก หลวงปู่สรวง มากขึ้นเป็นลำดับ เหตุเพราะหลวงปู่ชอบไปสู่สถานที่หลายแห่ง ท่านไม่มีวัดเป็นของตนเอง ไม่มีตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสหรือแม้จะเป็นพระลูกวัด หลวงปู่สรวง จึงชอบอยู่ในป่าโดยอาศัยกระท่อมนาของชาวบ้าน และย้ายไปเรื่อยๆ ไม่อยู่ที่ใดนานวัน

ผู้ไปพบหลวงปู่ มีวัตถุประสงค์ขอหวยเบอร์โชคลาภ หวังรวยทางลัดเป็นส่วนมาก รวมทั้งผมด้วย แต่ขอเรียนว่าไม่เคยถูกหวยจากหลวงปู่เลย เหตุเพราะบุญกุศลโชคลาภไม่ส่งเสริม แต่ผมมีกำไรมากกว่าคือ พบพระดีทำให้มีกำลังใจ พร้อมกับมีคำตอบว่าศาสนาพุทธของเราวิเศษแท้ และเคยพบเห็นบ่อยครั้งกับผู้วิเศษ 

ผมพบ หลวงปู่สรวง ปลายปี 2527 จำไม่ได้ว่ากระท่อมหลังเขื่องเก่าอยู่ริมทางที่พบหลวงปู่อยู่ใกล้หมู่บ้านอะไร รู้เพียงว่าอยู่ในตัวจังหวัดหรือเขตจังหวัดศรีสะเกษ วันนั้นเราไปด้วยกันประมาณ 5 คน หลวงปู่อยู่ในชุดขาวโดยใช้ผ้าด้ายดิบนุ่งห่มสีมอๆ คือเก่ามากจึงไม่ขาวสดใส แต่มองดูสะอาด หลวงปู่นั่งอยู่บนกระท่อมมีญาติโยมนั่งอยู่ด้วยหลายคน
ชายคนหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า แรก หลวงปู่สรวง เข้ามาในประเทศไทย ตำรวจศรีสะเกษจับหลวงปู่ในข้อหาคนต่างด้าวที่หนีเข้ามาในประเทศของเรา หลวงปู่นั่งรถปิกอัพมีตำรวจนั่งล้อมรอบ รถวิ่งเข้าไปใกล้ตัวอำเภอ ปรากฏว่า หลวงปู่สรวง หายไปเสียแล้ว ไม่ทราบว่าท่านลงจากรถตั้งแต่เมื่อใด ทั้งๆ ที่รถวิ่งไม่จอดตลอดทาง ตั้งแต่นั้นเรื่องราวของ หลวงปู่สรวง เป็นที่น่าสนใจของผู้คนทั่วไป

ผมได้พบ หลวงปู่สรวง แม้จะไปครั้งแรกก็ไม่ผิดหวัง มีหลายคนไปหลายครั้งก็ไม่พบหลวงปู่ ก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ผมจึงโชคดี และดีใจเป็นที่สุด หลวงปู่สรวง ได้มอบผ้าขาวผืนเก่าๆ ทอด้วยด้ายดิบฝีมือคนไทย ผมนำผ้าผืนนั้นฝากไว้ที่สุรินทร์ ต่อมาผมจะไปเอาคืนปรากฏว่าผ้าผืนนั้นหายไปเสียแล้ว เสียดายมาก

ผู้คนเริ่มสนใจอยากจะพบ หลวงปู่สรวง ผมจึงพาชาวบ้านผักใหม่ ต.ตาอ๋อง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ร่วม 11 คน นั่งรถเต็มคันไปตามหา
หลวงปู่ ผมไปที่กระท่อมหลังเดิมแต่ไม่พบหลวงปู่ จึงเลยเข้าหมู่บ้านจึงทราบว่าหลวงปู่อยู่กระท่อมตะวันตกของหมู่บ้าน ทุกคนดีใจที่ได้กราบหลวงปู่และได้พบหลวงปู่ 


หลวงปู่นำข้าวสารและหม้อดินมีขนาดเท่าลูกมะพร้าวส่งให้ หลวงปู่สรวง รู้ได้อย่างไรว่าพวกเราหิวข้าว ข้าวสุกแล้วเราเริ่มตีวงนั่งกินข้าวกัน ปรากฏว่าข้าวหม้อนั้นเรากินไม่หมด ทั้งๆ ที่ชาวนาเหล่านั้นต่างกินข้าวจุ หากอยู่ที่บ้านสามคนก็กินไม่อิ่ม เหตุครั้งนี้ผมยังคิดไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร

วันนั้นอากาศหนาว ชาวบ้านเขานั่งคุยกับ 
หลวงปู่สรวง  ส่วนตัวผมคงนั่งฟังไม่ต่างกับคนใบ้เหมือนเดิม คือ พูดและฟังภาษาไม่ออก ดึกแล้วจึงนอนหลับไป รุ่งเช้า หลวงปู่สรวง ให้สองคนนำว่าวไปปล่อยสู่ฟ้า จนแล้วจนรอดว่าวตัวใหญ่สูงกว่าคนก็ไม่ยอมขึ้นฟ้า หลวงปู่เดินบ่นเป็นภาษาเขมร คงจะดุว่า ไม่มีน้ำยา ข้าเอง เช่นนั้น หลวงปู่จึงนำว่าวไปพิงกับคันนา กระตุกเชือกนิดเดียวว่าวตัวนั้นล่องลอยพุ่งสู่ฟ้าจนติดลมบน นับว่าแปลกเหลือเชื่อ 

เช้านั้นเรากินข้าวก้นบาตรหลวงปู่และจะลากลับ หลวงปู่สรวง บอกว่าจะไปด้วย และคนหนึ่งนำว่าวลงเก็บไว้บนกระท่อมนา หลวงปู่นั่งรถจนถึงบ้านผักใหม่ คืนนั้น หลวงปู่สรวง ไปจำวัดที่วัดบ้านอังกัญ ซึ่งอยู่ใกล้กัน รุ่งเช้าผมไปรับหลวงปู่ไปฉันข้าวที่บ้านผักใหม่ เมื่อฉันเสร็จหลวงปู่บอกว่าจะเดินกลับ ทุกคนร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า จะเอารถไปส่ง มันไกลเดินไม่ไหวหรอก หลวงปู่บอกว่าใกล้นิดเดียว จะใกล้อย่างไรระยะทางจากสุรินทร์ถึงศรีสะเกษเดิน 5 วัน จะถึงหรือเปล่า



ผมต้องเข้ากรุงเทพฯ จึงให้เด็กหนุ่มเพิ่งขับรถเป็นใหม่ๆ อายุ 15-16 ใบขับขี่ก็ไม่มี ขับรถพา หลวงปู่สรวง ไปส่งที่เดิม ตลอดทางมีตำรวจตั้งด่านจับรถหลายจุด แต่เป็นที่แปลกประหลาดรถคันหน้าคันหลังถูกเรียกให้จอดทุกคัน ส่วนรถของผมไม่ถูกเรียก หรือว่าตำรวจจะมองไม่เห็นรถ ด้วยอำนาจของ หลวงปู่สรวง ผู้มีฤทธิ์และบารมีเป็นเลิศ ทั้งไปและกลับ
ผมจึงนำรูปถ่ายของ หลวงปู่สรวง ติดรถไปด้วยทุกครั้ง ได้ผล ไม่เคยถูกตำรวจเรียกให้จอด พอดี เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2552 ผมไปเปิดผอบใส่เกศาของ หลวงปู่สรวง ที่ได้มานานแล้ว แรกมีจำนวนเพียงหยิบมือ เพราะแย่งกับพวก แต่ปรากฏว่าเส้นเกศามีจำนวนมากเป็น 10-20 เท่า ผมพิจารณาดูเส้นเกศาทั้งหมดก่อนได้รับมีสีขาวบางเส้นก็ดำ แต่บัดนี้มีสีเหลืองเป็นทองสุกใส ผมจะนำใส่กับรูปหลวงปู่แจกผู้ศรัทธา และโชคดีติดรถติดตัวไป แต่คงมีไม่มากนัก จะได้รับก็คงไม่กี่คน

ขอเล่าย้อนถึงวันที่ หลวงปู่สรวง ฉันจังหันที่บ้านผักใหม่ มีครูคนหนึ่งสอนอยู่ที่ ร.ร.บ้านอังกัญ มีความผิดจากเคยไปเป็นกรรมการสอบบรรจุครู ทางกระทรวงจึงให้สอบเอาผิดทางวินัย ผมแนะนำให้ตักน้ำไปให้หลวงปู่ทำน้ำมนต์ให้ หลวงปู่ไม่ใช้เทียนใช้มือจุ่มลงในถังน้ำคนๆ บอกว่าเสร็จแล้ว ครูใหญ่คนนั้นนำน้ำไปอาบและดื่ม ทำให้คดีความเงียบหายไป จึงพ้นผิด นี่คือ หลวงปู่สรวง เก่งขนาดไหน พ่อคุณแม่คุณคิดดูเอาเอง

ผมพบ หลวงปู่สรวง 2 ครั้งแล้วยังไม่ลืม ยังไม่สามารถลืมหลวงปู่ได้ ครั้งที่ 3 และครั้งต่อๆ ไปจึงมีต่อไป รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 7 ครั้ง ด้วยความเชื่อ ความศรัทธาและเคารพ หลวงปู่สรวง ปลายปี 2528 ข้าวขึ้นลานผมว่าง จึงขับรถไปเพื่อพบหลวงปู่ คราวนี้ไปคนเดียว มันคล่องตัวดี ผมไปเริ่มต้นที่กระท่อมหลังแรกที่พบหลวงปู่ ว่างเปล่าไม่มี หลวงปู่สรวง เริ่มใจคอไม่ดี จึงขับรถเลยเข้าไปในหมู่บ้าน คงห่างจากจุดกระท่อมร่วมกิโลเมตร สืบถามชาวบ้าน เขาบอกว่าหลวงปู่เดินผ่านหมู่บ้านไปเมื่อ 5 นาทีนี่เอง ผมมีกำลังใจ ดีใจ รีบขับรถตามหลวงปู่ไป พบชายคนหนึ่งเดินสวนทางมาผมหยุดรถถาม เขาบอกผมว่าเพิ่งเดินสวนทางกับ หลวงปู่สรวง นี้เอง ผมรีบตามไปรถวิ่งไม่ต่ำกว่าระยะทาง 10 กิโลเมตร ผมจึงชิดซ้ายจอดที่กองข้าวกองใหญ่อยู่ริมทาง พบหลวงปู่และสามเณรนั่งอยู่เงากุ้มข้าวนั่นเอง

ผมดีใจรีบไปกราบ หลวงปู่สรวง และพูดกับสามเณรว่า ผมจะมารับหลวงปู่ไปบัวใหญ่ เพื่อให้ชาวบัวใหญ่ได้กราบไหว้ สามเณรบอกผมว่าท่านไม่ไป ผมเสียใจ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร จึงจำเป็นต้องลากลับ และถ่ายรูปไว้คู่กับหลวงปู่ แต่ภาพนั้นไม่มีแล้วเพราะผมย้ายบ้านบ่อยครั้ง ต้องสูญเสียของดีอยู่ร่ำไป บุญมีแต่กรรมบังเช่นนั้น

ครั้งที่ 4 ผมพบ หลวงปู่สรวง ที่ วัดบ้านสมบูรณ์ ศรีสะเกษ ขณะนั้น พระอาจารย์ทิน เป็นเจ้าอาวาส ต่อมาท่านเป็นพระครูวิมลศาสนกิจ ปัจจุบันลาสิกขาแล้ว หลวงปู่นั่งผิงไฟอยู่ในกระท่อมหลังเก่าๆ จะพังแหล่มิพังแหล่ ซึ่งอยู่ปากทางเข้าวัดพอดี ผมคงต้องนั่งคุยกับพระครูแทนเพราะพูดกับหลวงปู่ไม่ได้ อันเนื่องจากไม่รู้ภาษาของท่าน ชั่วครู่ผมเดินไปปัสสาวะหลังกระท่อม พบเหรียญคล้าย หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ โคราช หล่นอยู่บนพื้นดิน อ่านดูใหม่เป็น เหรียญหลวงปู่สรวง ซึ่งเป็นเหรียญที่พระอาจารย์ทินเป็นผู้สั่งทำและเป็นเหรียญรุ่นแรก ผมจึงเช่าเพิ่มอีก 4 เหรียญ 80 บาท ต่อมาผมก็แจกให้เพื่อนไปทั้งหมด ผมจึงเป็นไก่ได้พลอย ปัจจุบันมีราคาซื้อขายหลายพันบาท 


เพื่อย่อเรื่องให้สั้นเข้า ผมไปพบ หลวงปู่สรวง เป็นครั้งที่ 5 ที่กระท่อมนาละลม แต่ยังไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องราว หลวงปู่สั่งให้คนขับรถลุยน้ำในบิ้งนาไป รถยนต์จำนวน 100 คัน ต่างวิ่งตามหลวงปู่ไปจนถึงกระท่อมที่อยู่ในวัดป่าแห่งหนึ่ง แปลกแต่จริงไม่มีรถของใครติดหล่ม ทั้งๆ ที่วิ่งไปในไร่นาซึ่งมีน้ำขัง

หลวงปู่แวะพักที่วัดป่าแห่งนั้น พบรถขายมีดจากโคราช ซึ่งเป็นรถคันที่หลวงปู่นั่งไปด้วย หลวงปู่ให้ผมนำกาน้ำตักน้ำให้อาบ ผมถวายน้ำท่านทีละสองกา หลวงปู่ใช้มือซ้ายขวาจับกาน้ำเทใส่ศีรษะพร้อมกัน งวดนั้นหวยออก 505 ว่างเปล่าดุจเดิม รถทั้งหมดตาม หลวงปู่สรวง ไปจนถึงตลาด ลืมไปแล้วว่าเป็นเขตอำเภออะไร ชาวประชาต่างมองดูขบวนรถเป็นจุดเดียวกัน และเสียงเครื่องยนต์ดังคับตลาด และต่างคนต่างแยกย้ายไปคนละทาง เพราะพรุ่งนี้หวยออก

ครั้งที่ 6 โชเฟอร์เป็นผู้หญิงชื่อ นิยม อยู่จอหอ โคราช พาผมไปพบ หลวงปู่สรวง อยู่กระท่อมนาบ้านละลม ผมเดินไปดูหลุมที่หลวงปู่ขุดถ่ายอุจจาระมีสองหลุมลึกร่วมฟุต ว่างเปล่าไม่มีรอยปัสสาวะและอุจจาระ แต่ทำไมหลวงปู่ไปนั่งอยู่ตั้งนาน ที่แท้ หลวงปู่สรวง บอกหวย มันออก 02 (โง่เหมือนเดิม)

หลวงปู่สรวง นำถุงผลไม้ อาหารต่างๆ ที่ญาติโยมนำไปถวายผูกมัดไว้บนเชือกที่ขึงจากต้นไม้หนึ่งไปอีกต้นหนึ่ง จากต้นเชือกไปจนสุดปลายเชือก และหมดอาหารที่มีอยู่ ก็ไม่ทราบว่าหลวงปู่ทำเช่นนั้นด้วยประการใด


หลวงปู่เอื้อมมือไปจับแขนผู้หญิงคนหนึ่ง ผมได้ยินเสียงผู้หญิงที่นั่งใกล้ๆ ผมอุทานออกมาว่า พระอะไรจับผู้หญิง ไม่ศรัทธาหรอก ผมเคยเห็นมากกว่านั้น หลวงปู่สรวง ล้วงมือไปจับหน้าอกผู้หญิงคนหนึ่ง แรกผมก็แปลไม่ออกเหมือนกัน ต่อมาจึงรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็น มะเร็งที่นม และได้หายไปหลังจาก หลวงปู่จับให้ คงจะเป็นการรักษาโรคช่วยเหลือชีวิตศิษย์ของ หลวงปู่สรวง เช่นนั้น

อันเนื้อหนังมังสา รูปร่างหน้าตา ฐานะจนรวย สวยขี้เหร่ ล้วนอนิจจังทั้งนั้น ไม่ช้าก็เน่าเปื่อยผุพัง เหม็นและตายไปทุกผู้ เข้าทำนองเกิดเท่าไรตายเท่านั้น เช่นนั้นดุจเดียวกัน หลวงปู่สรวง ที่มีลูกศิษย์ทุกภาคของประเทศ เพราะบุญบารมีของท่านที่ได้ปฏิบัติมาด้วยดี จนเกิดฤทธิ์อำนาจอยู่เหนือมนุษย์ทั่วไป พร้อมได้ช่วยเหลือศิษย์ให้หายจากโรคภัย ร่ำรวยจากโชคลาภ บางรายได้ดิบได้ดีจนเกิดความเจริญในหน้าที่ ในที่สุด หลวงปู่ก็ต้องตายเหมือนกัน

ศิษย์ของ หลวงปู่สรวง มีทุกระดับชั้น จนรวยสวยขี้เหร่ มียศฐาบรรดาศักดิ์ แม้ดอกเตอร์ก็มากมี หากหลวงปู่ไม่มีดีมีหรือผู้คนเหล่านั้นจะหลงใหลติดตามหลวงปู่ไปทุกหนแห่ง หลายคนเคยจนและเป็นหนี้ กลับกลายเป็นเศรษฐีไปเพียงข้ามคืน
ผู้คนเหล่านั้นต่างเป็นหนี้บุญคุณ หลวงปู่สรวง ทั้งชาตินี้และชาติหน้า ผมเหมาเช่นนั้น และคิดว่าคงไม่มากเกินไปที่จะกล่าวเช่นนั้น สำหรับผมได้มีโอกาสประจักษ์ว่าศาสนาพุทธของเรามีอะไรมอบให้แก่ศาสนิกชนทั่วหน้า หากผู้นั้นรู้จักค้นหาพิจารณา
ขณะนี้ หลวงปู่สรวง นอนอยู่ในโลงแก้วไม่เน่าเปื่อย เพื่อให้ศิษย์รุ่นเก่าและรุ่นหลังได้กราบไหว้ หลวงปู่นอนสงบนิ่งอยู่ที่ วัดบ้านไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ หลวงปู่สรวง พร้อมและยินดีต้อนรับทุกคนทุกเวลา ซึ่งไม่ต้องค้นหาหลวงปู่ให้ยุ่งยากเหมือนก่อน เชิดชูศรัทธาไปช่วยพระอาจารย์พุฒสร้างมณฑปเพื่อเก็บศพ หลวงปู่ไว้ในสถานที่อันควร ก็น่าจะเป็นบุญกุศล

ผมได้มีโอกาสไปกราบ หลวงปู่สรวง เมื่อ พ.ศ.2545 ครั้งหนึ่งแล้ว โดยมี คุณสมพร ยอดประทุม หรือ ปิง คนบ้านขาม อำเภอคง เป็นผู้ขับรถ มีพระร่วมไปด้วยสององค์คือ พระมหาดอกไม้ เจ้าอาวาสวัดสำพะเนียง อ.โนนแดง และ พระอาจารย์ประมวล ธัมมะเตโช วัดป่าดอนวิเวก อ.คง นครราชสีมา

เราหยุดฉันเพลที่กลางทางระหว่างโคราชและศรีสะเกษ ขณะรถพุ่งออกจากที่ปรากฏว่าฝากระโปรงรถเปิด ก็ไม่ทราบว่าเปิดได้อย่างไร ปรากฏว่า หวยงวดนั้นออก 05 ตรงหมายเลขเครื่องรถคันนั้น และผมก็เห็นเลข 5 ตัวใหญ่อยู่บนศีรษะของ หลวงปู่สรวง อดเช่นเคย

หากท่านไปกราบศพ หลวงปู่สรวง ขอให้สังเกตศีรษะของ หลวงปู่ ให้ดี จะพบกะโหลกศีรษะร้าวเป็นทางยาว และอย่าลืมดูที่เท้าตรงที่เขาเรียกว่า ร้อยหวาย จะมีแผลเป็นทั้งสองข้าง เหตุที่เป็นเช่นนั้นมีคนเขาเล่าให้ผมฟังว่า หลวงปู่สรวง ถูกทหารเขมรแดงจับร้อยหวายที่ขาทั้งสองข้าง และนำโยนลงไปในเหว หลวงปู่ไม่ตายจึงหนีมาอยู่เมืองไทย

มันน่าจะจริงเพราะมีหลักฐานให้เห็น เรื่องนี้ขอได้คิดพิจารณาเอาเอง อันเนื่องจากไม่มีใครเห็นกับตา ผมจึงเล่าไว้ให้รู้เรื่องราวชีวิตของ 
หลวงปู่สรวง
หลวงปู่สรวง ผู้อยู่เหนือมนุษย์ทั่วไปก็ต้องจากไป ทิ้งอายุ 300 ปี 500 ปี ให้ศิษย์คิดว่าจริงหรือไม่ เพราะหลวงปู่ไม่เคยบอกใคร หลวงปู่สรวง เคยเขียนภาษาเขมรไว้ว่า ทำบุญแล้วจะร่ำรวย ท่านเชื่อหรือไม่ก็ตามใจสุดแท้แต่จะคิด 

หลวงปู่สรวง ทิ้งรูปร่างผอมสูง ผิวขาวเหลือง ทิ้งรอยยิ้มด้วยความเมตตา นั่งชันเข่า นิ่งเงียบ ไว้ให้ศิษย์ได้ติดตามาจนทุกวันนี้ สวย รวย จน มีอำนาจคับฟ้าต่างก็ตายทั้งนั้น

( ที่มา : ลานโพธิ์ 1023 ปักษ์หลัง เดือนพฤษภาคม 2552 อาถรรพ์พิศวง หลวงปู่สรวง ที่ผมรู้จัก เรื่องโดย ประจัญ กล้าผจญ อดีต ส.ส. นครราชสีมา ) 

ลิขสิทธิ์ 2010 ลานโพธิ์ - สำนักพิมพ์บางกอกสาส์นสงวนไว้ซึ่งสิทธิทั้งหมด.  Copyright Bangkoksarn Publishing 2010. 


วันนี้อ่านหนังสือ ลานโพธิ์ บน i-Pad หรือ Tablet computer ได้ทั่วโลกแล้ว ตามลิงค์นี้ 


 BangkokSarn App        Lanpo        OokBee       Meb market       AiS Bookstore