เรื่องโดย ทแกล้ว ภูกล้า
วันที่ผู้ว่าแบงก์ชาติ สั่งจัดการ 7 ไฟแนนซ์ ราคาหุ้นของ 7 ไฟแนนซ์ ก็หล่นวูบเหลือเพียงหุ้นละ 1 สตางค์
ทำลายสถิติเดิม ที่บ่นๆ กันว่า หุ้นถูกกว่าราคาปาท่องโก๋ ถูกกว่าราคากระดาษพิมพ์ใบหุ้น ฯลฯ เป็นที่เรียบร้อย
แล้วก็ไม่รู้เป็นยังไง…ทุกครั้งที่มีข่าวหุ้นตก คนในแวดวงพระเครื่อง ก็มักจะเปรียบเทียบกับ ราคาพระเครื่อง
ตั้งสมมุติฐาน จากราคาพระเครื่อง เช่น พระสมเด็จวัดระฆัง วัดบางขุนพรหม สุดยอดในชุดเบญจภาคี เฟ้นจากพระที่ได้มาตรฐาน ทั้งด้านพิมพ์ทรง และเนื้อหา และสภาพพระที่สมบูรณ์หมดจด
ได้ข่าวจากริเวอร์ซิตี้ ที่ชุมนุมนักสะสมของเก่าระดับไฮโซฯ มีกระบี่มือหนึ่งในแวดวงนักนิยมพระคนหนึ่ง ถือกล่องพระสมเด็จ ออกเร่จำนำ ราคา 50 ล้าน
ราคาจำนำตั้ง 50 ล้าน คำถามตามมาจึงมีถึง สภาพขององค์พระ และจำนวนขององค์พระ และแน่นอน…ราคาต้นทุน
สภาพของพระ เป็นพระสมเด็จทั้งวัดระฆัง ทั้งวัดบางขุนพรหม ที่ชนะการประกวดมาแล้ว เป็นพระระดับดารา ขึ้นปกนิตยสารเป็นประจำ…แต่ก็นั่นแหละ เปิดราคาจำนำ 50 ล้าน ก็ยังแพงไปอยู่ดี
จำนวนพระล่ะ…จำนวนของพระคำนวณด้วยสายตา ที่เห็นวางเรียงรายแน่นในกล่องกำมะหยี่ แถมมีตลับทองฝังเพชรทุกองค์ ประมาณ 30 องค์
เฉพาะตลับทองคำฝังเพชร เจ้าของบอกว่าประมาณ 3 ล้าน หักค่าตลับออกไป เหลือค่าองค์พระ 30 องค์ ก็แค่องค์ละกว่า 1.5 ล้านไม่มาก
หากสภาพพระสวยสมบูรณ์ อย่างว่าจริง ก็ต้องถือว่า ราคาถูก ถูกมาก เหมาะกับกาละ ฟองสบู่แตกดังโพละอย่างนี้
อย่าลืมว่า นี่เป็นราคาจำนำ ที่ผกผันกับอัตราดอกเบี้ย และความสามารถในการไถ่ถอนของคนเป็นเจ้าของ
คนมีเงินถังที่คิดว่า จะได้พระสวยราคาถูก เมื่อคนจำนำไม่มีปัญญาหาเงินมาไถ่ อาจหวังลมๆ แล้งๆ ได้เหมือนกันว่า ถ้าไม่ได้ดอกเบี้ย ก็คงจะได้พระไว้หากำไรภายหลัง
ถามถึงราคาต้นทุน…ดูเหมือนว่าเป็นราคาต้นทุน ในช่วงฟองสบู่ฟูฟ่อง ก็เลยแพงหนักหนา ว่ากันว่า พระสมเด็จกล่องเดียวนี้ ต้นทุนกว่า 200 ล้าน
แต่ที่ตั้งราคาจำนำ ยั่วเศรษฐีมีเงินเหลือไว้แค่ 50 ล้านบาท สภาพเศรษฐกิจที่เหมือนน้ำแห้งขอดก้นคลองอย่างนี้ ความจริงก็มีว่า หาคนรับจำนำไม่ได้
ข่าวเขาว่า เมื่อหา 50 ล้าน จากพระทั้งกล่องไม่ได้ ก็เลยมีการแยกขายทีละองค์
จะขายได้กี่องค์ องค์ละเท่าไหร่ ถึงตอนนี้ เจ้ากรมข่าวเขาเล่าว่า ไม่ยอมบอก
ราคาประมาณการของพระเครื่องทั่วไป เริ่มแต่วันที่รัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ประกาศลดค่าเงินบาท เริ่มลดต่ำลงจากราคาซื้อ
ใครที่ซื้อในเงื่อนไข คืนได้ทุกเวลา ก็คืนได้ทุกเวลาตามเงื่อนไข แต่ได้เงินน้อยกว่าราคาซื้อ ช่วงแรกๆ อัตราท่าพระจันทร์ลดร้อยละ 20
หุ้นยิ่งตก ค่าเงินบาทยิ่งลด ราคาพระก็ยิ่งลดตาม การรับคืนเพิ่มเป็นลด ร้อยละ 30 ยิ่งนานๆ ไป ก็ลดไปถึง ร้อยละ 50
ลดกันถึงครึ่งแล้ว ถึงวันนี้ก็มีข่าว ไม่รับคืนด้วยเหตุผลง่ายๆ ฟังแล้วเข้าใจ แต่คนขอคืนพระไม่ค่อยสบายใจก็คือ ไม่มีเงิน หมดเงิน
บางศูนย์พระ ศูนย์ใหญ่ขนาดที่เคยคุยให้ได้ยินกับหูว่า บางเดือนขายพระได้มากถึง 30 ล้าน พ่อค้าพระที่ยกระดับตัวเองทำท่าจะเหนือกว่าพ่อค้าเพชร ก็หายหน้าไปนานแล้ว
สถานการณ์ขั้นนี้ จะประเมินว่า พระราคาตกกว่า ร้อยละ 50 ก็คงได้
แล้วก็มีข่าวตามมาอีกว่า พระคงไม่ราคาตกกว่านี้ เพราะมีเศรษฐีเงินถังที่มองการณ์ไกล ประกาศรับซื้อพระในราคาที่ว่านี้อยู่หลายคน
ตัดใจขายไม่ลง ขอแค่จำนำ ก็คุยกันถึงอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาที่จะไถ่ถอน ข่าวว่า ก็ตุ๊งกันไปแล้วหลายราย
เทียบกับการซื้อขายที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง ที่เรียกรวมกันว่าอสังหาริมทรัพย์ ถึงวันนี้ พระเครื่องระดับนี้ ยังมีราคาดีกว่า จะซื้อจะขาย ก็ยังได้ราคามากกว่า
ยิ่งเปรียบกับตลาดหุ้นแล้วก็เห็นได้ชัดว่า คนที่เก็บเงินไว้กับพระ ถึงจะขาดทุน แต่ก็ไม่ถึงกับฉิบหายขายตัว เหมือนหุ้นไฟแนนซ์ ที่เหลือหุ้นละ 1 สตางค์
นี่ว่ากันถึงพระมาตรฐาน ที่มีค่านิยมเป็นสากลนะครับ คนละเรื่องกับพระมาตรฐานต่ำกว่า และประการสำคัญ ยืนยันความเก๊แท้ไม่แน่นอน เช่นเศรษฐีชื่อก้องฟ้าเมืองไทยคนหนึ่ง ที่พยายามเร่ขายพระหลวงปู่บุญ ซึ่งเซียนหรือเสี้ยนก็ไม่รู้ เสี้ยมสอนให้รับซื้อเอาไว้จำนวนไม่น้อย
ขายแพงก็พอขายได้ แต่ตอนที่คนกลางเห็นว่า ต้องขายพระเก๊ นี่ซี…กี่รายๆ ก็เลยไม่มีใครช่วยขายให้
พระระดับที่ว่า และมาตรฐานไม่แน่นอนที่ว่า นี่แหละครับ คงเปรียบได้กับหุ้นไฟแนนซ์ คือมีราคาต่ำกว่าค่ากระดาษพิมพ์ใบหุ้น
ขายพระไม่ได้ แล้วก็ยังต้องขายหน้า เจ็บช้ำแค่ไหน เห็นจะไม่ต้องบอก.
( ที่มา : ลานโพธิ์ ฉบับที่ 760 ปักษ์แรก เดือนมิถุนายน 2541 : หลีกทางเซียน : ราคาพระ ราคาหุ้น โดย ทแกล้ว ภูกล้า )
ลิขสิทธิ์ 2010 ลานโพธิ์ - สำนักพิมพ์บางกอกสาส์น. สงวนไว้ซึ่งสิทธิทั้งหมด. Copyright Bangkoksarn Publishing 2010.
วันนี้! อ่านหนังสือ ลานโพธิ์ บน i-Pad หรือ Tablet computer ได้ทั่วโลกแล้ว ตามลิงค์นี้
#ราคาพระ #ราคาหุ้น