หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา “ เกจิอาจารย์ขลังแห่งเมืองแปดริ้ว ”

ภาพและเรื่องโดย...พรชัย พัชรคุณ, กลวิชญ์ ช่วยประสิทธิ์, กฤชนณแปดริ้ว, ขุนพลแปดทิศ


เหรียญพุ่มข้าวบิณฑ์ หลวงพ่อทอง รุ่นแรก เนื้อเงินลงยา
“ หลวงพ่อทอง ” เป็นเกจิอาจารย์ผู้มีอาคมขลังแห่งเมืองแปดริ้ว มงคลวัตถุของท่านมีประสบการณ์ทางคงกระพันชาตรี และเพียบพร้อมด้วยเมตตามหานิยม ดร.กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วน จังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้เลื่อมใสศรัทธา หลวงพ่อทอง เล่าว่า  หลวงพ่อทอง มีศีลาจารวัตรงดงาม บริบูรณ์ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา แม้แต่ “ ม้า ” ที่ท่านเลี้ยงไว้ไปโดนชาวบ้านที่โดนรบกวนจากม้าของหลวงพ่อที่เดินไปทำลายพืชสวนไร่นาจนเสียหาย จึงยิงด้วยปืนแต่ก็ไม่ระคายผิวหนังแต่อย่างใด


เหรียญหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก
หลวงพ่อทองจัดสร้าง พ.ศ.2499
(สร้าง 300 เหรียญ)
เหรียญเสมาหลวงพ่อทอง
เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง
พ.ศ.2499 (สร้าง 1,000 เหรียญ)
วัดก้อนแก้ว เป็นวัดราษฎร์  ตั้งอยู่ในท้องที่หมู่ 4 ต.ก้อนแก้ว กิ่ง อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งในอดีตเป็นวัดที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารมาก อาณาบริเวณของวัดมีประมาณ 20 ไร่ มีหมู่บ้านซึ่งมีประชาชนอยู่อาศัยประมาณ 500 ครอบครัว  การทำมาหากินของชาวบ้านในท้องที่เหล่านี้มีอาชีพทำสวน ทำนา และรับจ้าง ในสมัยก่อนการคมนาคมลำบากมาก ไปได้เฉพาะทางเรือ แต่ปัจจุบันทางรถไปได้สะดวกมาก รถเข้าวัดเลย ท่านจะไป วัดก้อนแก้ว ได้โดยเมื่อมาถึงแปดริ้วแล้วไปต่อรถยนต์สายบางน้ำเปรี้ยวที่ตลาดเกื้อกูล เมื่อรถวิ่งไปถึงสะพานหนึ่งเราก็ลง มีทางแยกขวามือไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ก็เช่ารถสามล้อเครื่องหรือรถสองแถวก็ได้ไปถึงวัดเลย หรืออีกทางหนึ่งโดยไปขึ้นรถที่คิวรถตลาดบ่อบัววิ่งระหว่าง ตลาด-ก้อนแก้ว เลยก็ได้


ศาลาการเปรียญ
หอระฆัง และหมู่กุฏิสงฆ์
ป้ายวัดก้อนแก้ว จ.ฉะเชิงเทรา
โบสถ์วัดก้อนแก้ว อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา
สร้างเมื่อ พ.ศ.2494
ประวัติหลวงพ่อทอง นามเดิมว่า “ ทอง ” นามสกุล “ เนรมิต ” อาชีพค้าขาย บิดาชื่อ “ มิ่ง ” มารดาชื่อ “ เอี่ยง ” ชาติกาล ณ วันจันทร์ เดือน 8 แรม 14 ค่ำ ปีเถาะ ตรงกับวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ.2434 ชาติภูมิ ตำบลประทุมชีวราราม อ.นีกา จ.พนมเปญ ประเทศกัมพูชา มีเชื้อสายเป็นเจ้า ประวัติเดิมท่านเดินทางจากไซ่ง่อนมาทางเรือ มาพักที่กรุงเทพฯ และประกอบอาชีพค้าขาย ต่อมาท่านได้รู้จักกับพระวัดสัมพันธวงศ์รูปหนึ่งซึ่งชวนท่านบวชเณร แล้วพระรูปนั้นได้ชวน หลวงพ่อทอง ในระหว่างเป็นเณรมาที่วัดสมานรัตนาราม ซึ่งเป็นวัดธรรมยุต มาจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้แล้ว หลวงพ่อทอง เกิดป่วยหนัก มีคนที่รู้จักท่านได้พาท่านเดินทางมาอยู่ที่บ้านไผ่เสวก ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา อยู่ต่อมาคนที่พาท่านมาได้ตายไปและเผาที่วัดจุกเฌอ หลวงพ่อเลยบวชหน้าไฟให้ ตั้งแต่นั้นมาท่านก็ไม่ได้ลาสิกขาบทเลย

 อุปสมบทและอาจารย์หลวงพ่อ หลวงพ่อทอง ได้อุปสมบทที่วัดจุกเฌอ ต.จุกเฌอ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา โดยมี
พระครูคณานุกิจวิจารย์ วัดสายชล ณ รังสี อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นพระอุปัชฌาย์
พระสมุห์เหลี่ยม วัดสัมปทวน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอธิการแสง วัดจุกเฌอ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลวงพ่ออุปสมบทเมื่ออายุ 29 ปี วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2464 เวลา 16.00 น. ได้ฉายานาม คงฺครตโน เมืื่อบวชแล้วท่านได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดจุกเฌอ ศึกษาเล่าเรียนอยู่กับ “ พระอธิการแสง ” ซึ่งท่านบอกว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เก่งมากรูปหนึ่ง มีความสามารถในด้านพระกรรมฐานและวิปัสสนา หลวงพ่อทอง ท่านมีความสามารถในด้านการศึกษา โดยที่ท่านศึกษาด้วยตนเองทั้งอักขระขอม-ไทย-บาลี ท่านมีความจำเป็นเลิศ หลังจากออกพรรษาแล้วท่านได้เดินธุดงค์ไปตามจังหวัดต่างๆ ท่านเคยเดินธุดงค์ไปถึงประเทศเขมรและพม่า และได้ศึกษากับท่าน “ อาจารย์สุวรรณ ” ซึ่งท่านบอกว่ามีวิชาอาคมเก่งมาก นอกจากนั้นท่านยังได้เดินธุดงค์ไปถึงจังหวัดกาญจนบุรี ได้พบกับ “ พระครูเขาพระ ” จึงขอเรียนวิชากับพระครูเขาพระ ต่อจากนั้นได้เรียนวิชาจาก “ เฒ่ามุ้ย ” เป็นวิชาลงกระหม่อมอีก ตลอดระยะเวลาที่หลวงพ่อเดินธุดงค์นั้นได้พบกับสัตว์ร้ายและภูตผีปีศาจแต่่ท่านก็ไม่ได้เกรงกลัว กลับแผ่เมตตาให้กับสัตว์เหล่านั้น เป็นที่น่าอัศจรรย์ที่ภัยเหล่านี้ไม่สามารถทำอันตรายต่อตัวท่านเลย กลับหลีกทางให้ท่านไป ท่านได้เดินธุดงค์เป็นเวลากว่า 20 ปี จึงกลับไปจำพรรษาอยู่ที่วัดจุกเฌอ ส่วนวัดก้อนแก้วสมัยนั้นเกือบจะเป็นวัดร้างอยู่แล้ว

เหรียญพุ่มข้าวบิณฑ์ (เสาร์ห้าหน้าตรง) หลวงพ่อทอง
รุ่น 6 เนื้อเงินลงยา พ.ศ.2516 (สร้าง 100 เหรียญ)
เหรียญพุ่มข้าวบิณฑ์ หลวงพ่อทอง รุ่น 8 เนื้อทองคำลงยา
พ.ศ.2519 (สร้าง 62 เหรียญ) สร้างขึ้นในงานฉลองสมณศักดิ์
เฉพาะเหรียญทองคำ ตอกโค้ด ท ที่เหนือบ่าซ้ายมือทุกเหรียญ
ซึ่งต่อมา “ คุณยายแฉลม ละมั่งทอง ” ได้ไปอาราธนานิมนต์ หลวงพ่อทอง ให้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้และปกครองดูแลวัด เนื่องจาก “ อาจารย์วงศ์ ” เจ้าอาวาสรูปก่อนได้มรณภาพลงในปี พ.ศ.2466 ท่านจึงได้เดินทางมาจากวัดจุกเฌอ มารักษาการเจ้าอาวาส วัดก้อนแก้ว ก่อนจะมาท่านถูกนิมนต์ถึง 2-3 ครั้งก็ไม่ยอมมา ครั้งสุดท้ายเจ้าคณะจังหวัดคือ “ เจ้าคุณพุทธิรังสีมุณีวงศ์ ” ต้องจัดขบวนแห่จากวัดจุกเฌอมา วัดก้อนแก้ว โดยเจ้าคณะจังหวัดเป็นผู้นำขบวนเองจึงยอมมา และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดก้อนแก้ว ได้ปกครองดูแลเรื่อยมา ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2477 โดยมี เจ้าคุณพุทธิรังสีมุณีวงศ์ เจ้าคณะจังหวัดเป็นผู้แต่งตั้งในปี พ.ศ.2510 ได้รับแต่งตั้งพระครูชั้นประทวน พ.ศ.2519 ในชื่อสมณศักดิ์ว่า พระครูสุวรรณศีลาจารย์ ( แปลว่า ผู้มีศีลบริสุทธิ์ดุจดังทอง )


รูปหล่อหลวงพ่อทอง
วัดก้อนแก้ว
จริยวัตรของ หลวงพ่อทอง โดยปกติท่านเป็นพระที่มีความเมตตาสูงมากในด้านพรหมวิหารธรรมทั้งหลาย ท่านพูดน้อย มีแต่อารมณ์ยิ้มแย้มอยู่เสมอ น้อยคำนักที่ท่านจะดุด่าลูกศิษย์ ท่านเป็นพระที่ให้ความเมตตากับชาวบ้านเป็นที่พึ่งของบรรดาชาวบ้านทั้งหลาย เมื่อยามมีทุกข์ร้อน หรือเจ็บไข้ได้ป่วยไปหาท่าน ก็ได้รับหยูกยารักษาจากท่าน หรือแม้แต่การรดน้ำมนต์ท่านก็มีความสามารถมากทีเดียว ท่านจะช่วยสงเคราะห์ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมา ท่านจะเสกน้ำมนต์อยู่นานทีเดียว และเมื่อรดแล้วผู้ที่เจ็บไข้หรือถูกคุณไสยมาก็จะหาย หรือแม้แต่ทางเมตตาก็ดี ท่านไม่เคยที่จะขัดศรัทธาชาวบ้าน ท่านได้รับกิจนิมนต์อยู่เป็นประจำ ไม่เคยที่จะขัดอาราธนาจากวัดต่างๆ เลย สมกับที่ท่านเป็นพระสมถะที่แท้จริงในสมัยนี้ ท่านไม่มีความโลภ ปัจจัยที่ท่านได้รับถวายมา ท่านจะนำเข้าบำรุงปฏิสังขรณ์ วัดก้อนแก้ว จนหมด ซึ่งตัวท่านเองไม่มีการสะสม ปกติหลังท่านออกรับแขกที่มาหาท่านเมื่อค่ำลงท่านจะปลีกตัวออกสวดมนต์ไหว้พระและนั่งวิปัสสนากรรมฐานเป็นประจำทุกคืน ซึ่งท่านบอกว่าเป็นการแผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์ และเวลาเช้าท่านจะเดินจงกรมบริเวณสนามหญ้าหน้าโบสถ์เป็นประจำทุกเช้า

เหรียญเสมาหลวงพ่อทอง รุ่น 14 สรงน้ำ
เนื้อทองคำลงยา ตอกโค้ด นะ พ.ศ.2525
(สร้าง 120 เหรียญ ไม่ลงยา 5 เหรียญ)
เหรียญนาคปรกใบมะขาม หลวงพ่อทอง
รุ่น 13 เนื้อทองคำ ตอกโค้ด ท
พ.ศ.2525 (สร้าง 200 เหรียญ)
อนึ่ง การสวดมนต์ลงพระอุโบสถท่านจะลงเป็นประจำ นำพระลูกวัดปฏิบัติเป็นอาจิณ การปกครองดูแลวัด ท่านให้ความเมตตาอารีกับทุกคนแบบพ่อปกครองลูกให้อยู่ในระเบียบวินัย วัดก้อนแก้ว เจริญรุ่งเรืองขึ้นในสมัยที่ท่านปกครองดูแลวัดอยู่ ท่านได้สร้างอุโบสถสวยงามมาก สร้างกุฏิหลายหลัง ทำถนนเข้าวัด สร้างความเจริญให้กับวัดมาก เกือบจะกล่าวได้ว่าก่อนที่ท่านจะมาปกครอง วัดก้อนแก้ว นี้ ที่วัดแทบจะไม่มีอะไรเหลือเลยเพราะชำรุดทรุดโทรมหมด การที่ท่านสามารถนำความเจริญสู่ วัดก้อนแก้ว ได้ก็เพราะมีคนเคารพนับถือท่านมาก และท่านยังเป็นพระนักพัฒนาอีกด้วย เมื่อสมัยวัดยังทรุดโทรมและกันดารมาก มีชาวป่าลากเสามาขายผ่านมาทางวัดท่านได้นำเงินท่านที่สวดมนต์ได้ซื้อเสานั้นเก็บไว้ และได้นำไปสร้างกุฏิภายในวัดทั้งหมด ทั้งยังมีเหลือไว้ใช้เป็นเสาปลูกกุฏิได้อีกหลายหลัง

การสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อ

นอกจากเหรียญและพระเนื้อว่านต่างๆ แล้ว ท่านยังมี ตะกรุดโทน ผ้ายันต์ ท่านไม่ค่อยจะลงให้ใครด้วยมือของท่านเอง ถึงมีบ้างก็เป็นส่วนน้อย ส่วนมากลูกศิษย์จะเป็นผู้ลงและท่านเป็นผู้ปลุกเสกให้ หรือเอาพิมพ์มาแล้วท่านก็ปลุกเสกให้ หลวงพ่อท่านเป็นพระที่มีความจำดีมาก แม้กระทั่งการสวดมนต์ของท่านถึงจะมีอายุถึง 90 ปีแล้วก็ตาม ท่านยังสวดได้ครบไม่หลง หลวงพ่อพิถีพิถันมากในการสักหรือการลงยันต์ อย่างเช่น การสักยันต์ หลวงพ่อจะตั้งศาลเพียงตาบูชาครูหน้าพระอุโบสถ แล้วสักยันต์ให้ในพระอุโบสถนั่นเอง เวลาสักเมื่อทำพิธีบาครูด้วยหัวหมู บายศรีแล้ว หลวงพ่อจะทำน้ำมนต์ประพรมทาบริเวณที่จะทำการสักยันต์แล้วจึงประพรมน้ำมนต์ให้อีกครั้งหนึ่ง คนที่ถูกน้ำมนต์ประพรมจะวิ่งร้องลั่นเป็นเสียงหมูอยู่ในพระอุโบสถ แล้วพวกที่สักยันต์นี้จะไม่รับประทานหัวปลีกล้วยกันเลย


สรีระหลวงพ่อทองที่ไม่เน่าเปื่อย
บรรจุอยู่ในโลงแก้วบนมณฑปวัดก้อนแก้ว
ภายในมณฑปวัดก้อนแก้ว
รูปปั้นหลวงพ่อเหลืออยู่ตรงกลาง
 การสักยันต์ของ หลวงพ่อทอง นี้จะให้ฆราวาสชื่อ หม่องผาด ซึ่งเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกับท่านเป็นผู้สัก ถ้าคนอื่นสักท่านจะไม่ยอมลงให้ ลูกศิษย์ที่สักยันต์บอกว่าหม่องผาดแม่นมนต์มาก คือสักยันต์ไปท่องมนต์ไปขึ้นอักขระตัวใด และต้องเสร็จลงด้วยอักขระตัวใดก็ลงได้แม่นยำพอดีไม่มีหลง ต่อมาหม่องผาดลาจากหลวงพ่อไปอยู่ปักษ์ใต้ และมีข่าวต่อมาว่าเสียชีวิต หลวงพ่อจึงได้เลิกสักยันต์ไป ลูกศิษย์ใกล้ชิดบอกว่าหม่องผาดเป็นคนร้อนวิชา อยู่ที่ไหนได้ไม่นานต้องเดินทางอยู่เรื่อยไป เห็นมีแต่หลวงพ่อเท่านั้นที่อยู่กันได้นานหน่อย ยันต์ที่สักมี หมูทองแดง ใช้สักที่สีข้าง และ ยันต์กระหม่อม ลูกศิษย์ที่สักมีจำนวนน้อยมากทีเดียว มีศิษย์รุ่นนี้ที่เสียชีวิตไปแล้ว เวลาเผาปรากฏว่ากะโหลก ตรงกระหม่อมที่สักยันต์เผาไม่ไหม้

ยันต์กระหม่อมนี้หลวงพ่อเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ท่านได้เดินธุดงค์ผ่านไปทางเมืองกาญจนบุรีพบชายขี้เมายกเหล้าดื่มทั้งไห เวลาเมายกไหเหล้าโยนขึ้นไปแล้วใช้หัวโหม่ง ปรากฏว่าไหเหล้้าแตกกระจาย ท่านเห็นดังนั้นท่านจึงเข้าไปพูดคุยด้วย และได้สอบถามว่ามีของดีอะไร ได้ทราบว่าเป็น ยันต์กระหม่อม ท่านจึงเดินทางไปหาอาจารย์ของชายคนนั้น และได้ร่ำเรียนวิชามา นอกจากสักยันต์ หลวงพ่อทอง ก็ รดน้ำมนต์ ให้ผู้ที่มาขอ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาสานุศิษย์ ท่านเป็นพระซึ่งทรงไปด้วยความเมตตากรุณาแก่บรรดาพุทธศาสนิกชนทุกคน ไม่เคยแบ่งชั้นวรรณะ ไม่มีพิธีการอะไรมากมายท่านถือเป็นกันเองหมด มีอยู่บ่อยครั้งที่บรรดาญาติโยมขอให้ท่านรดน้ำมนต์ ทั้งๆ ที่ท่านยังพักผ่อนจำวัดอยู่ ท่านก็ลุกขึ้นต้อนรับอย่างอารมณ์ดี หรือเมื่อญาติโยมที่อยู่ต่างจังหวัดมาแล้วจะกลับไม่ทัน หรือกลัวจะกลับมืดค่ำ ท่านก็จะไม่ยอมจำวัดจะต้องทำให้เสร็จเสียก่อน และท่านก็อนุญาตว่าถ้ามีแขกมาหา ไม่ว่าตอนไหนก็อนุญาตให้ปลุกได้ แม้ในยามค่ำคืน ถ้าผู้ที่มาต้องการเป่ากระหม่อม ท่านก็จะทำการเป่าให้ ต้องการรดน้ำมนต์ท่านจะให้ไปตักน้ำมนต์ และใส่ดอกไม้ธูปเทียนพร้อมทั้ง ค่ากำนล 12 บาท

สาเหตุที่ท่านต้องทวงถามเช่นนี้เนื่องจากบางรายลืมใส่ค่ากำนล ทำให้ท่านเจ็บป่วยต้องไปนอนอยู่โรงพยาบาลแต่รักษาไม่หาย จึงต้องแก้บนต่อครูบาอาจารย์จึงหาย แสดงว่าครูบาอาจารย์เขาทำเอา แม้ว่าท่านจะชราภาพมากแล้ว ความที่ท่านมีจิตเมตตา ท่านก็จะอนุเคราะห์แก่ผู้ที่มีศรัทธาทุกคน ถึงแม้จะต้องลำบากขึ้นบันไดสูงๆ ท่านก็ไม่เคยบ่น ท่านมีวิธีการรดน้ำมนต์ตามวันและทิศของเทวดา ดังนี้


พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อทอง เนื้อว่านผสมผง
(สร้าง 60 องค์)
เสาร์ หันหน้าไปทิศตะวันตก
อาทิตย์ หันหน้าไปทิศตะวันตก
จันทร์ หันหน้าไปทิศตะวันออก
อังคาร หันหน้าไปทิศเหนือ
พุธ หันหน้าไปทิศเหนือ
พฤหัสบดี หันหน้าไปทิศใต้
ศุกร์ หันหน้าไปทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

เมื่อท่านรดน้ำมนต์ จะรดไปท่องคาถาไป เมื่อรดเสร็จเรียบร้อยก็จะอวยพรให้เป็นอย่างดี ชาวบ้านบางท่านก็ไปพบท่านให้ท่านประพรมน้ำมนต์ ท่านก็พรมให้แล้วว่าด้วยพระคาถาสิวลีจนจบแล้วอวยพรให้ ซึ่งผมจำคำท้ายได้ว่า หมดเคราะห์ หมดโศก หมดโรค หมดภัย ซื้อง่าย ขายคล่อง เมื่อท่านให้พรเสร็จท่านจะคุยด้วยอย่างอารมณ์ดีเป็นประจำ


รูปถ่ายหลังตะกรุด หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว
เหรียญนางกวัก หลวงพ่อทอง รุ่น 15
เนื้อทองคำ ตอกโค้ด ท พ.ศ.2525
(สร้าง 22 เหรียญ)
นอกจาก วัตถุมงคล และ เครื่องของขลัง แล้ว หลวงพ่อยังสร้าง มีดหมอ ไว้ 2 เล่ม หลวงพ่อท่านเคยเป็นพระหมอมาก่อน และท่านเองก็มีมีดหมอ ด้ามมีดเป็นกัลปังหา 1 เล่ม ท่านไม่ยอมทำมีดให้ลูกศิษย์ เพราะกลัวว่าลูกศิษย์จะนำไปใช้ในทางที่ผิด และเกิดบาปมาถึงท่าน ที่ท่านทำให้ อาจารย์เพชร เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันของ วัดก้อนแก้ว มี 2 เล่ม โดยอาจารย์เพชรนำเหล็กแหนบรถยนต์มาตีทำมีด แล้วนำไปให้ หลวงพ่อทอง ลงเหล็กจารอักขระขอม เมื่อลงเสร็จในตอนเย็นหลังจากหลวงพ่อไหว้พระ และเจริญกรรมฐานเสร็จแล้ว จะนำมีดหมอมาเป่า ท่านทำอย่างนี้เป็นเวลาถึง 7 วัน แล้วท่านจึงนำมีดมาให้อาจารย์เพชรแล้วบอกว่า “ เหล็กมันแข็ง เป่ากว่าจะทะลุต้องใช้เวลาหลายวัน ” เมื่ออาจารย์เพชรรับมาแล้ว เอามือลูบมีดด้านตรงข้ามกับด้ามลงจารอักขระ ปรากฏว่ามีตัวอักษรขอมนูนออกมา หลวงพ่อบอกว่า “ อักขระขอมเหล่านี้เมื่อนานวันก็จะจมหายไปในเนื้อมีดเอง ” ในช่วงเวลาเข้าพรรษาปีนั้น มีภิกษุมาจากถิ่นอื่น ซึ่งมีความสามารถสมถกรรมฐานอยู่บ้าง ได้ขอมีดหมอ 2 เล่มนี้ จากอาจารย์เพชรโดยเจริญพระกรรมฐานเข้าฌาน ปรากฏว่าภิกษุรูปนั้นหงายท้องลงไปนอนดิ้น และคืนให้ทันที


มูลเหตุของการสร้างวัตถุมงคล หลวงพ่อทอง ท่านเป็นพระที่มีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์สูง และสรรพสัตว์ทั้งหลาย เมื่อหลวงพ่อฉันเสร็จเรียบร้อยแล้วท่านก็จะนำอาหารไปเลี้ยงสุนัขและแมวบริเวณหน้ากุฏิของท่าน ในจำนวนสัตว์ทั้งหลายนั้นก็มี อีเขียว ซึ่งเป็นสุนัขที่ฉลาดและดื้อมาก มันชอบไปกัดหมูที่ชาวบ้านเขาเลี้ยงไว้ ชาวบ้านบริเวณนั้นจึงไล่ยิงหลายครั้ง เมื่อทราบถึงหลวงพ่อ ท่านจึงเอาผ้าขาวลงอาคมมาผูกคออีเขียว ปรากฏว่าชาวบ้านยิงอีเขียวไม่ออก เมื่อชาวบ้านรู้ว่าอีเขียวได้ของดีจาก หลวงพ่อทอง จึงพากันมาขอของดีจากหลวงพ่อบ้าง บ้างก็ให้สร้างวัตถุมงคล โดยปกตินิสัยของชาวบ้านแถบ วัดก้อนแก้ว นับตั้งแต่สมัยก่อนมาแล้ว ต่างก็ทราบดีว่าเป็นเขตนักเลง แม้ชาวบ้านแปดริ้วก็รู้จักดีเมื่อเขตก้อนแก้วและดอนสนามเป็นเขตนักเลง ดังนั้นพระที่จะไปอยู่ดงนักเลง หรือเป็นเจ้าอาวาส วัดก้อนแก้ว ก็จะต้องมีความรู้ ความสามารถ ให้ชาวบ้านเคารพศรัทธาจึงจะปกครองพัฒนาวัดให้เจริญขึ้นมาได้


วัตถุมงคลของหลวงพ่อ วัตถุมงคลที่ หลวงพ่อทอง สร้างขึ้นมานั้น ส่วนมากจะเป็นเหรียญ ส่วนพระผงนั้นมีน้อย นอกจากนั้นก็มี พระปิดตา รูปหล่อ ตะกรุด ผ้ายันต์สีแดง-ขาว แต่ท่านก็ทำพร้อมไปกับเหรียญ แต่เดิมนั้นตอนสมัยที่ท่านยังชราภาพไม่มาก ได้มีการสักยันต์โดยผู้ที่ทำการสักชื่อ หม่องผาด ซึ่งเรียนวิชามาพร้อมกับท่าน โดยหม่องผาดเรียนสักยันต์ ท่านเรียนวิชาอาคม ท่านได้สักยันต์ให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดจำนวนไม่กี่คน โดยมีการ สักยันต์กระหม่อม และ สักยันต์หมูทองแดง เมื่อหม่องผาดเสียชีวิตท่านก็เลิกสัก จึงได้สร้างวัตถุมงคลยันต์หรือพระคาถาที่หลวงพ่อใช้ลงหลังเหรียญ ตรงกลางเป็นอักขระวิเศษที่เรียกกันว่า “ เฑาะว์ ” และขึ้นยอดเป็นอุณาโลม ล้อมรอบด้วยอักขระขอมเป็นพระคาถาพระพุทธเจ้าห้ามอาวุธ ว่า อรหัง สัตถาถุนัง เป็นต้น ( สัตถาถุนัง อาคธิตุงธานาสะบาง เหรียญบางรุ่นก็มี มะ อะ อุ ต่อท้าย ) และยันต์ที่กล่าวมานี้ เป็นยันต์ที่อยู่รอบคอหลวงพ่อนั่นเอง


( ที่มา : ลานโพธิ์  ฉบับที่  1220 หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา “ เกจิอาจารย์ขลังแห่งเมืองแปดริ้ว ” เดือนมีนาคม พ.ศ. 2561 ราคาปก 70 บาท )


วันนี้อ่านหนังสือ ลานโพธิ์ บน i-Pad หรือ Tablet computer ได้ทั่วโลกแล้ว ตามลิงค์นี้ 

สามารถหาอ่านหนังสือ ลานโพธิ์ ในรูปแบบ E-book ได้แล้วจร้า.. 
Available Now!  You can read whenever, wherever with any device.

 BangkokSarn App on Google Play store    Lanpo App on Google play Store    Ookbee Book Shop   Meb Market Book Shop    AIS Book Store   
 Lanpo App on Google Play Lanpo App on iTunes

#ลานโพธิ์ #หลวงพ่อทอง #วัดก้อนแก้ว #จ.ฉะเชิงเทรา