ภาพและเรื่องโดย...พรชัย พัชรคุณ, กลวิชญ์ ช่วยประสิทธิ์, กฤชนณแปดริ้ว, ขุนพลแปดทิศ
“ หลวงพ่อทอง ” เป็นเกจิอาจารย์ผู้มีอาคมขลังแห่งเมืองแปดริ้ว มงคลวัตถุของท่านมีประสบการณ์ทางคงกระพันชาตรี และเพียบพร้อมด้วยเมตตามหานิยม ดร.กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายกองค์การบริหารส่วน จังหวัดฉะเชิงเทรา ผู้เลื่อมใสศรัทธา หลวงพ่อทอง เล่าว่า หลวงพ่อทอง มีศีลาจารวัตรงดงาม บริบูรณ์ด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา แม้แต่ “ ม้า ” ที่ท่านเลี้ยงไว้ไปโดนชาวบ้านที่โดนรบกวนจากม้าของหลวงพ่อที่เดินไปทำลายพืชสวนไร่นาจนเสียหาย จึงยิงด้วยปืนแต่ก็ไม่ระคายผิวหนังแต่อย่างใด
ประวัติหลวงพ่อทอง นามเดิมว่า “ ทอง ” นามสกุล “ เนรมิต ” อาชีพค้าขาย บิดาชื่อ “ มิ่ง ” มารดาชื่อ “ เอี่ยง ” ชาติกาล ณ วันจันทร์ เดือน 8 แรม 14 ค่ำ ปีเถาะ ตรงกับวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ.2434 ชาติภูมิ ตำบลประทุมชีวราราม อ.นีกา จ.พนมเปญ ประเทศกัมพูชา มีเชื้อสายเป็นเจ้า ประวัติเดิมท่านเดินทางจากไซ่ง่อนมาทางเรือ มาพักที่กรุงเทพฯ และประกอบอาชีพค้าขาย ต่อมาท่านได้รู้จักกับพระวัดสัมพันธวงศ์รูปหนึ่งซึ่งชวนท่านบวชเณร แล้วพระรูปนั้นได้ชวน หลวงพ่อทอง ในระหว่างเป็นเณรมาที่วัดสมานรัตนาราม ซึ่งเป็นวัดธรรมยุต มาจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้แล้ว หลวงพ่อทอง เกิดป่วยหนัก มีคนที่รู้จักท่านได้พาท่านเดินทางมาอยู่ที่บ้านไผ่เสวก ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา อยู่ต่อมาคนที่พาท่านมาได้ตายไปและเผาที่วัดจุกเฌอ หลวงพ่อเลยบวชหน้าไฟให้ ตั้งแต่นั้นมาท่านก็ไม่ได้ลาสิกขาบทเลย
อุปสมบทและอาจารย์หลวงพ่อ หลวงพ่อทอง ได้อุปสมบทที่วัดจุกเฌอ ต.จุกเฌอ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา โดยมี
พระครูคณานุกิจวิจารย์ วัดสายชล ณ รังสี อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นพระอุปัชฌาย์
พระสมุห์เหลี่ยม วัดสัมปทวน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอธิการแสง วัดจุกเฌอ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นพระอนุสาวนาจารย์
หลวงพ่ออุปสมบทเมื่ออายุ 29 ปี วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2464 เวลา 16.00 น. ได้ฉายานาม คงฺครตโน เมืื่อบวชแล้วท่านได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดจุกเฌอ ศึกษาเล่าเรียนอยู่กับ “ พระอธิการแสง ” ซึ่งท่านบอกว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เก่งมากรูปหนึ่ง มีความสามารถในด้านพระกรรมฐานและวิปัสสนา หลวงพ่อทอง ท่านมีความสามารถในด้านการศึกษา โดยที่ท่านศึกษาด้วยตนเองทั้งอักขระขอม-ไทย-บาลี ท่านมีความจำเป็นเลิศ หลังจากออกพรรษาแล้วท่านได้เดินธุดงค์ไปตามจังหวัดต่างๆ ท่านเคยเดินธุดงค์ไปถึงประเทศเขมรและพม่า และได้ศึกษากับท่าน “ อาจารย์สุวรรณ ” ซึ่งท่านบอกว่ามีวิชาอาคมเก่งมาก นอกจากนั้นท่านยังได้เดินธุดงค์ไปถึงจังหวัดกาญจนบุรี ได้พบกับ “ พระครูเขาพระ ” จึงขอเรียนวิชากับพระครูเขาพระ ต่อจากนั้นได้เรียนวิชาจาก “ เฒ่ามุ้ย ” เป็นวิชาลงกระหม่อมอีก ตลอดระยะเวลาที่หลวงพ่อเดินธุดงค์นั้นได้พบกับสัตว์ร้ายและภูตผีปีศาจแต่่ท่านก็ไม่ได้เกรงกลัว กลับแผ่เมตตาให้กับสัตว์เหล่านั้น เป็นที่น่าอัศจรรย์ที่ภัยเหล่านี้ไม่สามารถทำอันตรายต่อตัวท่านเลย กลับหลีกทางให้ท่านไป ท่านได้เดินธุดงค์เป็นเวลากว่า 20 ปี จึงกลับไปจำพรรษาอยู่ที่วัดจุกเฌอ ส่วนวัดก้อนแก้วสมัยนั้นเกือบจะเป็นวัดร้างอยู่แล้ว
ซึ่งต่อมา “ คุณยายแฉลม ละมั่งทอง ” ได้ไปอาราธนานิมนต์ หลวงพ่อทอง ให้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้และปกครองดูแลวัด เนื่องจาก “ อาจารย์วงศ์ ” เจ้าอาวาสรูปก่อนได้มรณภาพลงในปี พ.ศ.2466 ท่านจึงได้เดินทางมาจากวัดจุกเฌอ มารักษาการเจ้าอาวาส วัดก้อนแก้ว ก่อนจะมาท่านถูกนิมนต์ถึง 2-3 ครั้งก็ไม่ยอมมา ครั้งสุดท้ายเจ้าคณะจังหวัดคือ “ เจ้าคุณพุทธิรังสีมุณีวงศ์ ” ต้องจัดขบวนแห่จากวัดจุกเฌอมา วัดก้อนแก้ว โดยเจ้าคณะจังหวัดเป็นผู้นำขบวนเองจึงยอมมา และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดก้อนแก้ว ได้ปกครองดูแลเรื่อยมา ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ.2477 โดยมี เจ้าคุณพุทธิรังสีมุณีวงศ์ เจ้าคณะจังหวัดเป็นผู้แต่งตั้งในปี พ.ศ.2510 ได้รับแต่งตั้งพระครูชั้นประทวน พ.ศ.2519 ในชื่อสมณศักดิ์ว่า พระครูสุวรรณศีลาจารย์ ( แปลว่า ผู้มีศีลบริสุทธิ์ดุจดังทอง )
จริยวัตรของ หลวงพ่อทอง โดยปกติท่านเป็นพระที่มีความเมตตาสูงมากในด้านพรหมวิหารธรรมทั้งหลาย ท่านพูดน้อย มีแต่อารมณ์ยิ้มแย้มอยู่เสมอ น้อยคำนักที่ท่านจะดุด่าลูกศิษย์ ท่านเป็นพระที่ให้ความเมตตากับชาวบ้านเป็นที่พึ่งของบรรดาชาวบ้านทั้งหลาย เมื่อยามมีทุกข์ร้อน หรือเจ็บไข้ได้ป่วยไปหาท่าน ก็ได้รับหยูกยารักษาจากท่าน หรือแม้แต่การรดน้ำมนต์ท่านก็มีความสามารถมากทีเดียว ท่านจะช่วยสงเคราะห์ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมา ท่านจะเสกน้ำมนต์อยู่นานทีเดียว และเมื่อรดแล้วผู้ที่เจ็บไข้หรือถูกคุณไสยมาก็จะหาย หรือแม้แต่ทางเมตตาก็ดี ท่านไม่เคยที่จะขัดศรัทธาชาวบ้าน ท่านได้รับกิจนิมนต์อยู่เป็นประจำ ไม่เคยที่จะขัดอาราธนาจากวัดต่างๆ เลย สมกับที่ท่านเป็นพระสมถะที่แท้จริงในสมัยนี้ ท่านไม่มีความโลภ ปัจจัยที่ท่านได้รับถวายมา ท่านจะนำเข้าบำรุงปฏิสังขรณ์ วัดก้อนแก้ว จนหมด ซึ่งตัวท่านเองไม่มีการสะสม ปกติหลังท่านออกรับแขกที่มาหาท่านเมื่อค่ำลงท่านจะปลีกตัวออกสวดมนต์ไหว้พระและนั่งวิปัสสนากรรมฐานเป็นประจำทุกคืน ซึ่งท่านบอกว่าเป็นการแผ่เมตตาให้กับสรรพสัตว์ และเวลาเช้าท่านจะเดินจงกรมบริเวณสนามหญ้าหน้าโบสถ์เป็นประจำทุกเช้า
อนึ่ง การสวดมนต์ลงพระอุโบสถท่านจะลงเป็นประจำ นำพระลูกวัดปฏิบัติเป็นอาจิณ การปกครองดูแลวัด ท่านให้ความเมตตาอารีกับทุกคนแบบพ่อปกครองลูกให้อยู่ในระเบียบวินัย วัดก้อนแก้ว เจริญรุ่งเรืองขึ้นในสมัยที่ท่านปกครองดูแลวัดอยู่ ท่านได้สร้างอุโบสถสวยงามมาก สร้างกุฏิหลายหลัง ทำถนนเข้าวัด สร้างความเจริญให้กับวัดมาก เกือบจะกล่าวได้ว่าก่อนที่ท่านจะมาปกครอง วัดก้อนแก้ว นี้ ที่วัดแทบจะไม่มีอะไรเหลือเลยเพราะชำรุดทรุดโทรมหมด การที่ท่านสามารถนำความเจริญสู่ วัดก้อนแก้ว ได้ก็เพราะมีคนเคารพนับถือท่านมาก และท่านยังเป็นพระนักพัฒนาอีกด้วย เมื่อสมัยวัดยังทรุดโทรมและกันดารมาก มีชาวป่าลากเสามาขายผ่านมาทางวัดท่านได้นำเงินท่านที่สวดมนต์ได้ซื้อเสานั้นเก็บไว้ และได้นำไปสร้างกุฏิภายในวัดทั้งหมด ทั้งยังมีเหลือไว้ใช้เป็นเสาปลูกกุฏิได้อีกหลายหลัง
การสักยันต์ของ หลวงพ่อทอง นี้จะให้ฆราวาสชื่อ หม่องผาด ซึ่งเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกับท่านเป็นผู้สัก ถ้าคนอื่นสักท่านจะไม่ยอมลงให้ ลูกศิษย์ที่สักยันต์บอกว่าหม่องผาดแม่นมนต์มาก คือสักยันต์ไปท่องมนต์ไปขึ้นอักขระตัวใด และต้องเสร็จลงด้วยอักขระตัวใดก็ลงได้แม่นยำพอดีไม่มีหลง ต่อมาหม่องผาดลาจากหลวงพ่อไปอยู่ปักษ์ใต้ และมีข่าวต่อมาว่าเสียชีวิต หลวงพ่อจึงได้เลิกสักยันต์ไป ลูกศิษย์ใกล้ชิดบอกว่าหม่องผาดเป็นคนร้อนวิชา อยู่ที่ไหนได้ไม่นานต้องเดินทางอยู่เรื่อยไป เห็นมีแต่หลวงพ่อเท่านั้นที่อยู่กันได้นานหน่อย ยันต์ที่สักมี หมูทองแดง ใช้สักที่สีข้าง และ ยันต์กระหม่อม ลูกศิษย์ที่สักมีจำนวนน้อยมากทีเดียว มีศิษย์รุ่นนี้ที่เสียชีวิตไปแล้ว เวลาเผาปรากฏว่ากะโหลก ตรงกระหม่อมที่สักยันต์เผาไม่ไหม้
ยันต์กระหม่อมนี้หลวงพ่อเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า ท่านได้เดินธุดงค์ผ่านไปทางเมืองกาญจนบุรีพบชายขี้เมายกเหล้าดื่มทั้งไห เวลาเมายกไหเหล้าโยนขึ้นไปแล้วใช้หัวโหม่ง ปรากฏว่าไหเหล้้าแตกกระจาย ท่านเห็นดังนั้นท่านจึงเข้าไปพูดคุยด้วย และได้สอบถามว่ามีของดีอะไร ได้ทราบว่าเป็น ยันต์กระหม่อม ท่านจึงเดินทางไปหาอาจารย์ของชายคนนั้น และได้ร่ำเรียนวิชามา นอกจากสักยันต์ หลวงพ่อทอง ก็ รดน้ำมนต์ ให้ผู้ที่มาขอ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของบรรดาสานุศิษย์ ท่านเป็นพระซึ่งทรงไปด้วยความเมตตากรุณาแก่บรรดาพุทธศาสนิกชนทุกคน ไม่เคยแบ่งชั้นวรรณะ ไม่มีพิธีการอะไรมากมายท่านถือเป็นกันเองหมด มีอยู่บ่อยครั้งที่บรรดาญาติโยมขอให้ท่านรดน้ำมนต์ ทั้งๆ ที่ท่านยังพักผ่อนจำวัดอยู่ ท่านก็ลุกขึ้นต้อนรับอย่างอารมณ์ดี หรือเมื่อญาติโยมที่อยู่ต่างจังหวัดมาแล้วจะกลับไม่ทัน หรือกลัวจะกลับมืดค่ำ ท่านก็จะไม่ยอมจำวัดจะต้องทำให้เสร็จเสียก่อน และท่านก็อนุญาตว่าถ้ามีแขกมาหา ไม่ว่าตอนไหนก็อนุญาตให้ปลุกได้ แม้ในยามค่ำคืน ถ้าผู้ที่มาต้องการเป่ากระหม่อม ท่านก็จะทำการเป่าให้ ต้องการรดน้ำมนต์ท่านจะให้ไปตักน้ำมนต์ และใส่ดอกไม้ธูปเทียนพร้อมทั้ง ค่ากำนล 12 บาท
สาเหตุที่ท่านต้องทวงถามเช่นนี้เนื่องจากบางรายลืมใส่ค่ากำนล ทำให้ท่านเจ็บป่วยต้องไปนอนอยู่โรงพยาบาลแต่รักษาไม่หาย จึงต้องแก้บนต่อครูบาอาจารย์จึงหาย แสดงว่าครูบาอาจารย์เขาทำเอา แม้ว่าท่านจะชราภาพมากแล้ว ความที่ท่านมีจิตเมตตา ท่านก็จะอนุเคราะห์แก่ผู้ที่มีศรัทธาทุกคน ถึงแม้จะต้องลำบากขึ้นบันไดสูงๆ ท่านก็ไม่เคยบ่น ท่านมีวิธีการรดน้ำมนต์ตามวันและทิศของเทวดา ดังนี้
เสาร์ หันหน้าไปทิศตะวันตก
อาทิตย์ หันหน้าไปทิศตะวันตก
จันทร์ หันหน้าไปทิศตะวันออก
อังคาร หันหน้าไปทิศเหนือ
พุธ หันหน้าไปทิศเหนือ
พฤหัสบดี หันหน้าไปทิศใต้
ศุกร์ หันหน้าไปทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
เมื่อท่านรดน้ำมนต์ จะรดไปท่องคาถาไป เมื่อรดเสร็จเรียบร้อยก็จะอวยพรให้เป็นอย่างดี ชาวบ้านบางท่านก็ไปพบท่านให้ท่านประพรมน้ำมนต์ ท่านก็พรมให้แล้วว่าด้วยพระคาถาสิวลีจนจบแล้วอวยพรให้ ซึ่งผมจำคำท้ายได้ว่า หมดเคราะห์ หมดโศก หมดโรค หมดภัย ซื้อง่าย ขายคล่อง เมื่อท่านให้พรเสร็จท่านจะคุยด้วยอย่างอารมณ์ดีเป็นประจำ
นอกจาก วัตถุมงคล และ เครื่องของขลัง แล้ว หลวงพ่อยังสร้าง มีดหมอ ไว้ 2 เล่ม หลวงพ่อท่านเคยเป็นพระหมอมาก่อน และท่านเองก็มีมีดหมอ ด้ามมีดเป็นกัลปังหา 1 เล่ม ท่านไม่ยอมทำมีดให้ลูกศิษย์ เพราะกลัวว่าลูกศิษย์จะนำไปใช้ในทางที่ผิด และเกิดบาปมาถึงท่าน ที่ท่านทำให้ อาจารย์เพชร เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันของ วัดก้อนแก้ว มี 2 เล่ม โดยอาจารย์เพชรนำเหล็กแหนบรถยนต์มาตีทำมีด แล้วนำไปให้ หลวงพ่อทอง ลงเหล็กจารอักขระขอม เมื่อลงเสร็จในตอนเย็นหลังจากหลวงพ่อไหว้พระ และเจริญกรรมฐานเสร็จแล้ว จะนำมีดหมอมาเป่า ท่านทำอย่างนี้เป็นเวลาถึง 7 วัน แล้วท่านจึงนำมีดมาให้อาจารย์เพชรแล้วบอกว่า “ เหล็กมันแข็ง เป่ากว่าจะทะลุต้องใช้เวลาหลายวัน ” เมื่ออาจารย์เพชรรับมาแล้ว เอามือลูบมีดด้านตรงข้ามกับด้ามลงจารอักขระ ปรากฏว่ามีตัวอักษรขอมนูนออกมา หลวงพ่อบอกว่า “ อักขระขอมเหล่านี้เมื่อนานวันก็จะจมหายไปในเนื้อมีดเอง ” ในช่วงเวลาเข้าพรรษาปีนั้น มีภิกษุมาจากถิ่นอื่น ซึ่งมีความสามารถสมถกรรมฐานอยู่บ้าง ได้ขอมีดหมอ 2 เล่มนี้ จากอาจารย์เพชรโดยเจริญพระกรรมฐานเข้าฌาน ปรากฏว่าภิกษุรูปนั้นหงายท้องลงไปนอนดิ้น และคืนให้ทันที
มูลเหตุของการสร้างวัตถุมงคล หลวงพ่อทอง ท่านเป็นพระที่มีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์สูง และสรรพสัตว์ทั้งหลาย เมื่อหลวงพ่อฉันเสร็จเรียบร้อยแล้วท่านก็จะนำอาหารไปเลี้ยงสุนัขและแมวบริเวณหน้ากุฏิของท่าน ในจำนวนสัตว์ทั้งหลายนั้นก็มี อีเขียว ซึ่งเป็นสุนัขที่ฉลาดและดื้อมาก มันชอบไปกัดหมูที่ชาวบ้านเขาเลี้ยงไว้ ชาวบ้านบริเวณนั้นจึงไล่ยิงหลายครั้ง เมื่อทราบถึงหลวงพ่อ ท่านจึงเอาผ้าขาวลงอาคมมาผูกคออีเขียว ปรากฏว่าชาวบ้านยิงอีเขียวไม่ออก เมื่อชาวบ้านรู้ว่าอีเขียวได้ของดีจาก หลวงพ่อทอง จึงพากันมาขอของดีจากหลวงพ่อบ้าง บ้างก็ให้สร้างวัตถุมงคล โดยปกตินิสัยของชาวบ้านแถบ วัดก้อนแก้ว นับตั้งแต่สมัยก่อนมาแล้ว ต่างก็ทราบดีว่าเป็นเขตนักเลง แม้ชาวบ้านแปดริ้วก็รู้จักดีเมื่อเขตก้อนแก้วและดอนสนามเป็นเขตนักเลง ดังนั้นพระที่จะไปอยู่ดงนักเลง หรือเป็นเจ้าอาวาส วัดก้อนแก้ว ก็จะต้องมีความรู้ ความสามารถ ให้ชาวบ้านเคารพศรัทธาจึงจะปกครองพัฒนาวัดให้เจริญขึ้นมาได้
วัตถุมงคลของหลวงพ่อ วัตถุมงคลที่ หลวงพ่อทอง สร้างขึ้นมานั้น ส่วนมากจะเป็นเหรียญ ส่วนพระผงนั้นมีน้อย นอกจากนั้นก็มี พระปิดตา รูปหล่อ ตะกรุด ผ้ายันต์สีแดง-ขาว แต่ท่านก็ทำพร้อมไปกับเหรียญ แต่เดิมนั้นตอนสมัยที่ท่านยังชราภาพไม่มาก ได้มีการสักยันต์โดยผู้ที่ทำการสักชื่อ หม่องผาด ซึ่งเรียนวิชามาพร้อมกับท่าน โดยหม่องผาดเรียนสักยันต์ ท่านเรียนวิชาอาคม ท่านได้สักยันต์ให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดจำนวนไม่กี่คน โดยมีการ สักยันต์กระหม่อม และ สักยันต์หมูทองแดง เมื่อหม่องผาดเสียชีวิตท่านก็เลิกสัก จึงได้สร้างวัตถุมงคลยันต์หรือพระคาถาที่หลวงพ่อใช้ลงหลังเหรียญ ตรงกลางเป็นอักขระวิเศษที่เรียกกันว่า “ เฑาะว์ ” และขึ้นยอดเป็นอุณาโลม ล้อมรอบด้วยอักขระขอมเป็นพระคาถาพระพุทธเจ้าห้ามอาวุธ ว่า อรหัง สัตถาถุนัง เป็นต้น ( สัตถาถุนัง อาคธิตุงธานาสะบาง เหรียญบางรุ่นก็มี มะ อะ อุ ต่อท้าย ) และยันต์ที่กล่าวมานี้ เป็นยันต์ที่อยู่รอบคอหลวงพ่อนั่นเอง
![]() |
เหรียญพุ่มข้าวบิณฑ์ หลวงพ่อทอง รุ่นแรก เนื้อเงินลงยา |
วัดก้อนแก้ว เป็นวัดราษฎร์ ตั้งอยู่ในท้องที่หมู่ 4 ต.ก้อนแก้ว กิ่ง อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งในอดีตเป็นวัดที่อยู่ในถิ่นทุรกันดารมาก อาณาบริเวณของวัดมีประมาณ 20 ไร่ มีหมู่บ้านซึ่งมีประชาชนอยู่อาศัยประมาณ 500 ครอบครัว การทำมาหากินของชาวบ้านในท้องที่เหล่านี้มีอาชีพทำสวน ทำนา และรับจ้าง ในสมัยก่อนการคมนาคมลำบากมาก ไปได้เฉพาะทางเรือ แต่ปัจจุบันทางรถไปได้สะดวกมาก รถเข้าวัดเลย ท่านจะไป วัดก้อนแก้ว ได้โดยเมื่อมาถึงแปดริ้วแล้วไปต่อรถยนต์สายบางน้ำเปรี้ยวที่ตลาดเกื้อกูล เมื่อรถวิ่งไปถึงสะพานหนึ่งเราก็ลง มีทางแยกขวามือไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ก็เช่ารถสามล้อเครื่องหรือรถสองแถวก็ได้ไปถึงวัดเลย หรืออีกทางหนึ่งโดยไปขึ้นรถที่คิวรถตลาดบ่อบัววิ่งระหว่าง ตลาด-ก้อนแก้ว เลยก็ได้
![]() |
ศาลาการเปรียญ |
![]() |
หอระฆัง และหมู่กุฏิสงฆ์ |
![]() |
ป้ายวัดก้อนแก้ว จ.ฉะเชิงเทรา |
![]() |
โบสถ์วัดก้อนแก้ว อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา สร้างเมื่อ พ.ศ.2494 |
อุปสมบทและอาจารย์หลวงพ่อ หลวงพ่อทอง ได้อุปสมบทที่วัดจุกเฌอ ต.จุกเฌอ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา โดยมี
พระครูคณานุกิจวิจารย์ วัดสายชล ณ รังสี อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นพระอุปัชฌาย์
พระสมุห์เหลี่ยม วัดสัมปทวน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระอธิการแสง วัดจุกเฌอ อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นพระอนุสาวนาจารย์
หลวงพ่ออุปสมบทเมื่ออายุ 29 ปี วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ.2464 เวลา 16.00 น. ได้ฉายานาม คงฺครตโน เมืื่อบวชแล้วท่านได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดจุกเฌอ ศึกษาเล่าเรียนอยู่กับ “ พระอธิการแสง ” ซึ่งท่านบอกว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เก่งมากรูปหนึ่ง มีความสามารถในด้านพระกรรมฐานและวิปัสสนา หลวงพ่อทอง ท่านมีความสามารถในด้านการศึกษา โดยที่ท่านศึกษาด้วยตนเองทั้งอักขระขอม-ไทย-บาลี ท่านมีความจำเป็นเลิศ หลังจากออกพรรษาแล้วท่านได้เดินธุดงค์ไปตามจังหวัดต่างๆ ท่านเคยเดินธุดงค์ไปถึงประเทศเขมรและพม่า และได้ศึกษากับท่าน “ อาจารย์สุวรรณ ” ซึ่งท่านบอกว่ามีวิชาอาคมเก่งมาก นอกจากนั้นท่านยังได้เดินธุดงค์ไปถึงจังหวัดกาญจนบุรี ได้พบกับ “ พระครูเขาพระ ” จึงขอเรียนวิชากับพระครูเขาพระ ต่อจากนั้นได้เรียนวิชาจาก “ เฒ่ามุ้ย ” เป็นวิชาลงกระหม่อมอีก ตลอดระยะเวลาที่หลวงพ่อเดินธุดงค์นั้นได้พบกับสัตว์ร้ายและภูตผีปีศาจแต่่ท่านก็ไม่ได้เกรงกลัว กลับแผ่เมตตาให้กับสัตว์เหล่านั้น เป็นที่น่าอัศจรรย์ที่ภัยเหล่านี้ไม่สามารถทำอันตรายต่อตัวท่านเลย กลับหลีกทางให้ท่านไป ท่านได้เดินธุดงค์เป็นเวลากว่า 20 ปี จึงกลับไปจำพรรษาอยู่ที่วัดจุกเฌอ ส่วนวัดก้อนแก้วสมัยนั้นเกือบจะเป็นวัดร้างอยู่แล้ว
![]() |
เหรียญพุ่มข้าวบิณฑ์ (เสาร์ห้าหน้าตรง) หลวงพ่อทอง รุ่น 6 เนื้อเงินลงยา พ.ศ.2516 (สร้าง 100 เหรียญ) |
![]() |
เหรียญพุ่มข้าวบิณฑ์ หลวงพ่อทอง รุ่น 8 เนื้อทองคำลงยา พ.ศ.2519 (สร้าง 62 เหรียญ) สร้างขึ้นในงานฉลองสมณศักดิ์ เฉพาะเหรียญทองคำ ตอกโค้ด ท ที่เหนือบ่าซ้ายมือทุกเหรียญ |
![]() |
รูปหล่อหลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว |

![]() |
เหรียญเสมาหลวงพ่อทอง รุ่น 14 สรงน้ำ เนื้อทองคำลงยา ตอกโค้ด นะ พ.ศ.2525 (สร้าง 120 เหรียญ ไม่ลงยา 5 เหรียญ) |
![]() |
เหรียญนาคปรกใบมะขาม หลวงพ่อทอง รุ่น 13 เนื้อทองคำ ตอกโค้ด ท พ.ศ.2525 (สร้าง 200 เหรียญ) |
การสร้างวัตถุมงคลของหลวงพ่อ
นอกจากเหรียญและพระเนื้อว่านต่างๆ แล้ว ท่านยังมี ตะกรุดโทน ผ้ายันต์ ท่านไม่ค่อยจะลงให้ใครด้วยมือของท่านเอง ถึงมีบ้างก็เป็นส่วนน้อย ส่วนมากลูกศิษย์จะเป็นผู้ลงและท่านเป็นผู้ปลุกเสกให้ หรือเอาพิมพ์มาแล้วท่านก็ปลุกเสกให้ หลวงพ่อท่านเป็นพระที่มีความจำดีมาก แม้กระทั่งการสวดมนต์ของท่านถึงจะมีอายุถึง 90 ปีแล้วก็ตาม ท่านยังสวดได้ครบไม่หลง หลวงพ่อพิถีพิถันมากในการสักหรือการลงยันต์ อย่างเช่น การสักยันต์ หลวงพ่อจะตั้งศาลเพียงตาบูชาครูหน้าพระอุโบสถ แล้วสักยันต์ให้ในพระอุโบสถนั่นเอง เวลาสักเมื่อทำพิธีบาครูด้วยหัวหมู บายศรีแล้ว หลวงพ่อจะทำน้ำมนต์ประพรมทาบริเวณที่จะทำการสักยันต์แล้วจึงประพรมน้ำมนต์ให้อีกครั้งหนึ่ง คนที่ถูกน้ำมนต์ประพรมจะวิ่งร้องลั่นเป็นเสียงหมูอยู่ในพระอุโบสถ แล้วพวกที่สักยันต์นี้จะไม่รับประทานหัวปลีกล้วยกันเลย![]() |
สรีระหลวงพ่อทองที่ไม่เน่าเปื่อย บรรจุอยู่ในโลงแก้วบนมณฑปวัดก้อนแก้ว |
![]() |
ภายในมณฑปวัดก้อนแก้ว รูปปั้นหลวงพ่อเหลืออยู่ตรงกลาง |

สาเหตุที่ท่านต้องทวงถามเช่นนี้เนื่องจากบางรายลืมใส่ค่ากำนล ทำให้ท่านเจ็บป่วยต้องไปนอนอยู่โรงพยาบาลแต่รักษาไม่หาย จึงต้องแก้บนต่อครูบาอาจารย์จึงหาย แสดงว่าครูบาอาจารย์เขาทำเอา แม้ว่าท่านจะชราภาพมากแล้ว ความที่ท่านมีจิตเมตตา ท่านก็จะอนุเคราะห์แก่ผู้ที่มีศรัทธาทุกคน ถึงแม้จะต้องลำบากขึ้นบันไดสูงๆ ท่านก็ไม่เคยบ่น ท่านมีวิธีการรดน้ำมนต์ตามวันและทิศของเทวดา ดังนี้
![]() |
พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อทอง เนื้อว่านผสมผง (สร้าง 60 องค์) |
อาทิตย์ หันหน้าไปทิศตะวันตก
จันทร์ หันหน้าไปทิศตะวันออก
อังคาร หันหน้าไปทิศเหนือ
พุธ หันหน้าไปทิศเหนือ
พฤหัสบดี หันหน้าไปทิศใต้
ศุกร์ หันหน้าไปทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
เมื่อท่านรดน้ำมนต์ จะรดไปท่องคาถาไป เมื่อรดเสร็จเรียบร้อยก็จะอวยพรให้เป็นอย่างดี ชาวบ้านบางท่านก็ไปพบท่านให้ท่านประพรมน้ำมนต์ ท่านก็พรมให้แล้วว่าด้วยพระคาถาสิวลีจนจบแล้วอวยพรให้ ซึ่งผมจำคำท้ายได้ว่า หมดเคราะห์ หมดโศก หมดโรค หมดภัย ซื้อง่าย ขายคล่อง เมื่อท่านให้พรเสร็จท่านจะคุยด้วยอย่างอารมณ์ดีเป็นประจำ
![]() |
รูปถ่ายหลังตะกรุด หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว |
![]() |
เหรียญนางกวัก หลวงพ่อทอง รุ่น 15 เนื้อทองคำ ตอกโค้ด ท พ.ศ.2525 (สร้าง 22 เหรียญ) |

วัตถุมงคลของหลวงพ่อ วัตถุมงคลที่ หลวงพ่อทอง สร้างขึ้นมานั้น ส่วนมากจะเป็นเหรียญ ส่วนพระผงนั้นมีน้อย นอกจากนั้นก็มี พระปิดตา รูปหล่อ ตะกรุด ผ้ายันต์สีแดง-ขาว แต่ท่านก็ทำพร้อมไปกับเหรียญ แต่เดิมนั้นตอนสมัยที่ท่านยังชราภาพไม่มาก ได้มีการสักยันต์โดยผู้ที่ทำการสักชื่อ หม่องผาด ซึ่งเรียนวิชามาพร้อมกับท่าน โดยหม่องผาดเรียนสักยันต์ ท่านเรียนวิชาอาคม ท่านได้สักยันต์ให้ลูกศิษย์ใกล้ชิดจำนวนไม่กี่คน โดยมีการ สักยันต์กระหม่อม และ สักยันต์หมูทองแดง เมื่อหม่องผาดเสียชีวิตท่านก็เลิกสัก จึงได้สร้างวัตถุมงคลยันต์หรือพระคาถาที่หลวงพ่อใช้ลงหลังเหรียญ ตรงกลางเป็นอักขระวิเศษที่เรียกกันว่า “ เฑาะว์ ” และขึ้นยอดเป็นอุณาโลม ล้อมรอบด้วยอักขระขอมเป็นพระคาถาพระพุทธเจ้าห้ามอาวุธ ว่า อรหัง สัตถาถุนัง เป็นต้น ( สัตถาถุนัง อาคธิตุงธานาสะบาง เหรียญบางรุ่นก็มี มะ อะ อุ ต่อท้าย ) และยันต์ที่กล่าวมานี้ เป็นยันต์ที่อยู่รอบคอหลวงพ่อนั่นเอง
( ที่มา : ลานโพธิ์ ฉบับที่ 1220 หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว อ.คลองเขื่อน จ.ฉะเชิงเทรา “ เกจิอาจารย์ขลังแห่งเมืองแปดริ้ว ” เดือนมีนาคม พ.ศ. 2561 ราคาปก 70 บาท )