จาก วัดระฆัง ถึง บางขุนพรหม 2509


โดย..แสน วิชาชาญ
พระสมเด็จ วัดระฆัง
พิมพ์ทรงเจดีย์
พระสมเด็จ บางขุนพรหม
พิมพ์ใหญ่

" ทางวัดให้เซียนพระมี คุณชลอ รับทอง เป็นประธาน คัดแยกพิมพ์ทรงออกจากกัน ไปจนถึงการกำหนดราคาเช่า พิมพ์ที่มีราคาแพงที่สุดเป็น พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ ที่ราคาถูกที่สุดคือพิมพ์อกครุฑ... "

เจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี สร้างพระผงด้วยผงวิเศษ อาทิเช่น ปถมัง ตรีนิสิงเห พระ พุทธคุณ อิทธิเจ ผสมด้วยปูนหอย เกสรดอกไม้ น้ำผึ้ง น้ำมันตังอิ๊ว ฯลฯ ตั้งแต่ยังเป็น พระธรรมกิตติ เชื่อกันว่าท่านตั้งใจไว้ว่าจะสร้างจำนวนเท่ากับพระธรรมขันธ์คือ 84,000 องค์ ท่านสร้างลงมือกดพิมพ์ด้วยมือของท่าน ทีละองค์สององค์ตามแต่จะมีเวลาว่าง ทว่าจะครบ 84,000 หรือไม่อย่างไร ไม่มีใครรู้ได้ เพราะประวัติชีวิตของเจ้าพระคุณ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต ) พรหมรังสี เขียนขึ้นหลังจากเจ้าพระคุณสมเด็จมรณภาพไปแล้วหลายปี

พระสมเด็จ วัดระฆัง
พิมพ์ฐานแซม
พระสมเด็จ บางขุนพรหม
พิมพ์ฐานคู่

โดย นายกนก สัชฌุกร เป็นผู้ออกเดินทางไปสอบถามและบันทึกถ้อยคำจากผู้ที่ใกล้ชิดกับเจ้าประคุณสมเด็จมากที่สุด ได้แก่ ท่านเจ้าคุณธรรมถาวร ( ช่วง ) อดีตเจ้าอาวาส วัดระฆัง ที่บวชตั้งแต่เป็นเณรคอยอุปัฏฐากเจ้าพระคุณสมเด็จฯ รู้เห็นเรื่องราวเกี่ยวกับเจ้าประคุณสมเด็จดีที่สุด รูปของเจ้าคุณธรรมถาวรสมัยที่เป็นเณรปรากฏอยู่ในรูปถ่ายของเจ้าพระคุณสมเด็จ ที่เรียกว่า “ โต๊ะหมู่บูชา ” เป็นสามเณรถือพัดยศของเจ้าประคุณสมเด็จอยู่ด้านหลัง


ท่านเจ้าคุณธรรมถาวรเล่าว่า เมื่อเจ้าประคุณสมเด็จพายเรือออกบิณฑบาต ท่านนำพระผงที่ท่านสร้างและปลุกเสกติดตัวไปด้วย เห็นผู้ที่สมควรจะได้ท่านก็จะหยิบมาส่งให้ถึงมือถ้าเป็นบุรุษ ถ้าเป็นสตรีให้แบมือสองข้างเข้าหากัน ในลักษณะการรับ เจ้าประคุณสมเด็จจะทิ้งพระลงบนฝ่ามือ ก่อนกำชับว่า

“ พระของขรัวโตสร้างเก็บไว้ให้ดี ต่อไปจะหาได้ยาก”

แสดงให้เห็นว่าเจ้าประคุณสมเด็จฯมิได้ให้ชื่อพระไว้ ส่วนคำว่า พระสมเด็จ นั้น คนรุ่นหลังจะเป็นใครไม่รู้ได้ เห็นว่าผู้สร้างคือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต ) พรหมรังสี เลยเรียกพระที่ท่านสร้างว่า “ พระสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต ) พรหมรังสี ” ต่อมาได้ค่อยๆ เพี้ยนจนกลายเป็น “ พระสมเด็จ ” 


ท่านเจ้าคุณธรรมถาวรยังได้เน้นว่า เจ้าประคุณสมเด็จสร้างพระไว้หลายคราวด้วยกัน เก็บรวบรวมไว้แต่ไม่ค่อยได้แจก จนสุดท้ายหลังจากเจ้าประคุณสมเด็จสิ้นชีพตักษัย ไปแล้ว พระสมเด็จ ที่ท่านสร้างไว้ยังเหลืออยู่ 1 หีบไม้จีน ( สำหรับใส่เครื่องงิ้ว ) วางทิ้งไว้บนศาลาการเปรียญ กระทั่งเกิดอหิวาตกโรคระบาด ที่เรียกกันว่า “ ปีระกาห่าใหญ่ ”

เจ้าประคุณสมเด็จฯไปเข้าฝันชาวบ้านบางช้าง สมุทรสาคร คืนเดียวหลายบ้านด้วยกัน ในฝันท่านบอกตรงกันว่า 

“ ฉันชื่อขรัวโต อยู่วัดระฆัง บางกอก น้อย ฉันสร้างพระไว้ที่นั่น โยมทั้งหลายไปนำมาแช่น้ำ ทำน้ำมนต์แจกกันให้ทั่วป้องกันโรคห่าได้จ้ะ ”


พระสมเด็จ บางขุนพรหม
พิมพ์สังฆาฏิ
พระสมเด็จ บางขุนพรหม
พิมพ์เส้นด้าย
รุ่งเช้าความฝันของชาวบ้านถูกถ่ายทอดไปทั่วบางช้าง พวกที่เชื่อต่างพากันแจวเรือมาที่ วัดระฆัง นำ พระสมเด็จ ติดมือกลับไปทำน้ำมนต์ ชาวบางกอกเล่าลือกันต่อ ต่างพากันมานำ พระสมเด็จ จาก วัดระฆัง ไปทำน้ำมนต์โรคห่าหรืออหิวาตกโรคก็สงบไปในที่สุด

จากนั้น นายกนก สัชฌุกร ได้ไปขอความรู้จากทายาทของท่านเสมียนตราด้วง ถึงเรื่องการสร้าง พระสมเด็จ ที่ วัดบางขุนพรหม ได้ข้อมูลว่า ท่านเสมียนตราด้วงบูรณะ วัดบางขุนพรหมใน (ต่อมาเปลี่ยนเป็น วัดใหม่อมตรส) อยู่ใกล้กับ วัดบางขุนพรหมนอก (ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดอินทรวิหาร) ได้สร้างเจดีย์ใหญ่ขึ้นเป็นเจดีย์ประธาน 1 องค์ พร้อมเจดีย์เล็ก 4 องค์ เป็นเจดีย์ประจำทิศทั้งสี่

ตามคติโบราณนั้นเชื่อกันว่าเมื่อสร้างพระเจดีย์ใหญ่ขึ้นมาแล้ว หากสร้างพระบรรจุไว้ภายในเพื่อสืบอายุพระศาสนาเป็นมหากุศล จึงแจวเรือมาที่ วัดระฆัง เพื่อนมัสการเจ้าประคุณสมเด็จฯ นิมนต์ให้เป็นประธานในการสร้างพระผงเพื่อสืบอายุพระศาสนา เจ้าประคุณสมเด็จรับนิมนต์

ณ เวลานั้น เจ้าประคุณสมเด็จ ได้มาควบคุมการก่อสร้าง พระพุทธรูปยืนอุ้มบาตร (ปางโปรดสัตว์) เป็นที่ระลึกว่าท่านได้บวชเป็นสามเณรและออกบิณฑบาตเป็นครั้งแรก สะดวกต่อการควบคุมการสร้าง ปีนั้นเป็นปีพุทธศักราช 2413 ก่อนที่เจ้าประคุณสมเด็จจะมรณภาพในปีพุทธศักราช 2415

การสร้างคราวนั้นเจ้าประคุณสมเด็จมาเป็นประธาน คอยดูแลการสร้าง ท่านเสมียนตราด้วงป่าวประกาศให้ชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมในเจ้าประคุณสมเด็จมาช่วยกันตำผสมเนื้อพระ โดยเจ้าประคุณสมเด็จจะนำผงวิเศษของท่าน เดินไปโรยลงในครกที่ตำผสมเนื้อพระ โดยมีการแกะแม่พิมพ์เพิ่มจาก 4 พิมพ์ทรง ที่ หลวงวิจารณ์เจียรนัย แกะถวายให้เจ้าประคุณสมเด็จฯได้แก่

1. พิมพ์พระประธาน ( พิมพ์ใหญ่ )
2. พิมพ์เจดีย์
3. พิมพ์เกศบัวตูม 
4. พิมพ์ฐานแซม
พระสมเด็จ บางขุนพรหม
ปี 2509 พิมพ์ฐานแซม

พิมพ์ที่แกะเพิ่มเติมขึ้นมา มีอยู่ด้วยกัน 5 พิมพ์ทรง ผู้แกะแม่พิมพ์จะเป็นหลวงวิจารณ์เจียรนัยหรือไม่นั้น ไม่มีหลักฐานกล่าวถึง 

1. พิมพ์ฐานคู่
2. พิมพ์สังฆาฏิ ( มีพระกรรณ )
3. พิมพ์อกครุฑ
4. พิมพ์เส้นด้าย
5. พิมพ์สังฆาฏิ ( ไม่มีพระกรรณ )

การสร้างในครั้งนั้นเชื่อได้ว่าครบ 84,000 องค์ เพราะเป็นงานใหญ่มีผู้มาร่วมตำผสมผง ไปจนถึงการกดพิมพ์พระ ไม่มีบันทึกรายละเอียดว่า ใช้เวลากี่วัน กี่เดือน เพียงแต่ว่าพระทั้งหมดได้ถูกขนเข้าไปบรรจุไว้ภายในเจดีย์ใหญ่ทั้งหมด


พระสมเด็จ บางขุนพรหม
ปี 2509 พิมพ์เกศจรดซุ้ม
มีเรื่องเล่ากันว่า ขณะที่ช่างกำลังจะโบกปูนปิดเจดีย์เจ้าประคุณสมเด็จฯเดินตรวจดูรอบพระเจดีย์ มาถึงบริเวณที่ช่างกำลังปิดช่อง

“ เจ้าประคุณสมเด็จที่เดินนำหน้าร้องว่า ฮึ หลวงปู่ภูท่านจึงกวักมือเรียกช่างโบกปูนมาหา บอกกับช่างว่า โยมไปช่วยกันไล่คางคกที่อยู่ภายในออกมาให้หมด ก่อนที่พวกมันจะตายอยู่ภายใน ”

ครั้นถึงปีพุทธศักราช 2436 หรือ ร.ศ.112 ฝรั่งเศสนำเรือรบมาปิดอ่าวไทย เกิดกรณีพิพาทที่เรียกกันว่า “ ยุทธนาวีที่ปากน้ำ ” เหตุการณ์ตึงเครียด ทำให้ผู้คนเกรงว่าอาจลุกลามเกิดเป็นสงครามใหญ่ เพราะฝรั่งเศสนำเรือปืนมาจอดที่หน้าสถานทูตฝรั่งเศสเดิม ( ที่บ้านญวนสามเสน ) ต่างพากันเสาะแสวงหาพระเครื่อง เครื่องรางของขลังมาป้องกันตัว หนึ่งในจำนวนนั้นคือ พระสมเด็จวัดระฆัง

สมเด็จวัดระฆัง กระจายไปสู่ชาวบ้านหมดแล้ว เริ่มมีการเล่าลือว่า เจดีย์ใหญ่วัดบางขุนพรหมนอก หรือวัดใหม่อมตรส มีพระสมเด็จบรรจุอยู่ภายใน ทว่าการทุบเจดีย์เพื่อเปิดกรุถือว่าเป็นบาป จึงมีความคิดเกิดขึ้นว่า ช่องลมระบายอากาศด้านบนของพระเจดีย์ เป็นทางเดียวที่จะได้ พระสมเด็จ ภายในออกมา 


พระสมเด็จ บางขุนพรหม
ปี 2509 พิมพ์ฐานคู่
พระสมเด็จ บางขุนพรหม
ปี 2509 พิมพ์ใหญ่
จึงมีผู้ใช้เชือกขนาดเล็กผูกปลายไม้ไผ่ด้านบน ด้านล่างเอาดินเหนียวมาโปะให้เป็นลูกตุ้มสอดเข้าไปด้านใน ปล่อยปลายเชือกที่มีดินเหนียวลงไปด้านใน เพื่อให้พระสมเด็จเกาะติดก้อนดินเหนียวออกมา ทีละองค์สององค์ ที่หัวดีกว่านั้นใช้ข้าวเหนียวนึ่งปั้นเป็นก้อนแทนดินเหนียว หย่อนลงไป เรียกกันว่า
“ การตกเบ็ด ”

พระที่ติดก้อนดินเหนียวหรือก้อนข้าวเหนียวเป็นพระที่อยู่ตอนบนของกรุ มีคราบกรุน้อย พิมพ์พระสวยงาม จากการตกเบ็ดเพื่อนำ พระสมเด็จ มาป้องกันตัว กลายเป็นการตกขึ้นมาให้ผู้ต้องการเช่า ในราคาองค์ละ 1 บาท พระเริ่มตกยากเพราะอยู่ลึก ตลอดจนเหตุการณ์คลี่คลายเมื่อ พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง บรมมหาราชา ทรงเสด็จประพาสยุโรป เพื่อดำเนินวิเทโศบายด้านต่างประเทศ เพื่อให้สยามรัฐเสมารอดพ้นจากการเป็นอาณา นิคมของฝรั่งเศสและอังกฤษ การตก พระสมเด็จ จึงยุติลง

พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม ที่ถูกตกขึ้นมาเมื่อ พ.ศ.2436 ( ร.ศ.112 ) ต่อมาเมื่อมีการเปิดกรุอย่างเป็นทางการในปีพุทธ ศักราช 2500 จึงถูกเรียกว่า พระสมเด็จบางขุนพรหม กรุเก่า ” ส่วนที่เปิดอย่างเป็นทางการเรียกว่า “ กรุใหม่ ” ที่มีคราบกรุหนาปกคลุมผิวอยู่ ทำให้ด้อยความงามด้านพิมพ์ทรงของ พระสมเด็จ

ในปีพุทธศักราช 2500 มีนักขุดกรุจากอยุธยาอาศัยความมืดและฝนที่ตกหนักในฤดูฝน ลักลอบเจาะพระเจดีย์ใหญ่นำ พระสมเด็จ ส่วนหนึ่งออกมาได้ ก่อนปิดอำพรางช่องไว้ ภายหลังทางวัดไปพบเข้า ท่านเจ้าอาวาสจึงดำริว่า หากปล่อยไว้อย่างนี้เจดีย์คงพัง จึงทำการเปิดกรุ มีพิธีพราหมณ์บวงสรวงก่อน
พระสมเด็จ บางขุนพรหม
ปี 2509 พิมพ์ปรกโพธิ์
เปิดกรุเป็นทางการ มี จอมพลประภาส จารุเสถียร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส 

พระที่นำออกมาจากกรุส่วนใหญ่มีคราบกรุหนา หย่อนความงามในด้านพิมพ์ทรงเรียกกันว่า “ พระสมเด็จกรุใหม่ ” ทางวัดให้เซียนพระมี คุณชลอ รับทอง เป็นประธาน คัดแยกพิมพ์ทรงออกจากกัน ไปจนถึงการกำหนดราคาเช่า โดยพิมพ์ที่มีราคาแพงที่สุดเป็น พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ ที่ราคาถูกที่สุดคือ พิมพ์อกครุฑ เพียงไม่กี่เดือนพระที่เปิดกรุออกมาถูกเช่าบูชาไปจนหมด

ทางวัดได้บูรณะเจดีย์ใหญ่เพื่อปรับภูมิทัศน์ มีการทุบเจดีย์ทิศทั้งสี่รอบเจดีย์ใหญ่ คุณชลอ รับทอง เล่าให้ฟังว่า คนงานทุบเจดีย์เล็กด้านนอกออก พบว่าเป็นที่บรรจุอัฐิจึงนำออกมาใส่ผ้าขาวห่อไว้ ทุบเจดีย์เล็กที่อยู่ถัดเข้าไปพบพระอยู่ภายในมีคราบกรุใกล้เคียงกับเจดีย์ใหญ่ แต่เป็นพิมพ์ที่แตกต่างกันออกไป เป็นที่รู้จักกันในนาม “ พระสมเด็จกรุเจดีย์เล็ก ”

การบูรณปฏิสังขรณ์ดำเนินไปจนถึงปี พ.ศ.2509 ทางวัดใหม่อมตรสมีความเห็นว่า พระสมเด็จ กรุเก่าที่ติดอยู่กับดินก้นกรุมีจำนวนมาก หากทิ้งไปเป็นเรื่องน่าเสียดาย จึงให้นำมาแช่น้ำดินยุ่ย เก็บเศษ พระสมเด็จ ที่แตกหักไว้เป็นจำนวนมาก ทางวัดได้ให้ พันจ่าเอก มานิตย์ ปถพี ดำเนินการสร้าง พระสมเด็จ ขึ้นใหม่ โดยใช้เศษ พระสมเด็จ ที่ทางวัดเก็บไว้ ตำผสมลงไปในเนื้อพระ แกะพิมพ์ขึ้นมา 9 พิมพ์ทรง เปิดให้บูชาองค์ละ 10 บาท โดยแบ่งออกเป็น 2 วัตถุประสงค์ 

1. ให้บูชาสำหรับผู้มีจิตศรัทธาเช่าแล้วนำกลับเข้าไปบรรจุไว้ภายในเจดีย์ใหญ่
2. ให้บูชาเพื่อให้นำไปใส่กรอบติดตัวเพื่อความเป็นสิริมงคล

พระสมเด็จ บางขุนพรหม
พิมพ์อกครุฑ
เพียงไม่นานนัก พระสมเด็จ ปีพุทธ ศักราช 2509 ก็หมดไปจากวัด ทางวัดปิดเจดีย์เป็นการถาวรจนทุกวันนี้ แม้จะมีการลุ้นให้ทางวัดเปิดกรุนำ พระสมเด็จ ที่บรรจุไว้ออกมาให้บูชา แต่ทางวัดไม่ทำ ทำให้ พระสมเด็จ ที่มีราคาบูชาเมื่อปีพุทธศักราช 2509 เพียงองค์ละ 10 บาท มีราคาหลักหมื่นในปัจจุบัน มีการปลอมมากมายเป็นประวัติการ

พระสมเด็จ ปี 2509 เมื่อส่องดูจะเห็นก้อนผง สมเด็จ กรุเก่าแทรกอยู่ในเนื้อ นั่นเท่ากับว่ามีหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์ ได้แก่ผงวิเศษที่อยู่ในเศษ พระสมเด็จ กรุเก่าอยู่มากพอสมควร ทำให้เกิดมีพระพุทธคุณเป็นที่เล่าลือ ทำให้เกิดมีการทำ พระสมเด็จ ปีพุทธศักราช 2509 ปลอมกันหลายฝีมือ จนทำให้ความนิยมของ พระสมเด็จปีพุทธศักราช 2509 ตกลงไปบ้าง หากอยากได้พึงหาจากผู้ที่มีความชำนาญ
และจริงใจกับลูกค้าเป็นดีที่สุด


พระสมเด็จ บางขุนพรหม
ปี 2509 พิมพ์สังฆาฏิ
หากนับอายุ พระสมเด็จ จากปี พ.ศ.2413-2500 พระสมเด็จ มีอายุได้ 87 ปี ณ เวลานั้น หากนับถึงปีนี้ พระสมเด็จ มี อายุได้ 148 ปี พระสมเด็จปีพุทธศักราช 2509 นับถึงปีนี้มีอายุได้ 52 ปี เริ่มมีความแห้งพอสมควร 

เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต ) พรหมรังสี ถึงแก่มรณภาพเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พุทธศักราช 2415 บนศาลาหลังน้อยที่ท่านปลูกไว้เพื่อควบคุมการสร้างหลวงพ่อโตวัดอินทรวิหาร ณ เวลานั้นสร้างขึ้นมาได้เพียงแค่พระนาภี (หน้าท้อง) 

สมเด็จกรมพระยาปวเรศวิริยาลงกรณ์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า วัดบวร บันทึกการมรณภาพของเจ้าประคุณสมเด็จไว้ในหมายเหตุบัญชีน้ำฝนมีข้อความว่า

สมเด็จพระพุฒาจารย์ ( โต ) พรหมรังสี สิ้นชีพิตักษัยเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พุทธศักราช 2425 คำว่าสิ้นชีพิตักษัยใช้กับเชื้อพระวงศ์ระดับพระองค์เจ้า ( เป็นการบอกใบ้ฐานะของเจ้าประคุณสมเด็จฯหรือไม่ ) ”

อีกอย่างหนึ่งที่ นายกนก สัชฌุกร แม้แต่นักประวัติศาสตร์ทั้งหลายไม่อาจค้นพบว่า การพระราชทานเพลิงศพเจ้าประคุณสมเด็จทำกันที่ใด และที่ยังลึกลับดำมืดจนทุกวันนี้คือ อัฐิและอังคารของเจ้าประคุณสมเด็จ ประดิษฐานอยู่ที่ใดกันแน่ ใครรู้หรือค้นพบหลักฐาน ช่วยออกมาแถลงให้แจ้งประจักษ์ด้วยเถิดเจ้าข้า


( ที่มา : ลานโพธิ์  ฉบับที่  1221 จาก วัดระฆัง ถึงบางขุนพรหม 2509 เดือนเมษายน พ.ศ. 2561 ราคาปก 70 บาท )



วันนี้อ่านหนังสือ ลานโพธิ์ บน i-Pad หรือ Tablet computer ได้ทั่วโลกแล้ว ตามลิงค์นี้ 

สามารถหาอ่านหนังสือ ลานโพธิ์ ในรูปแบบ E-book ได้แล้วจร้า.. 
Available Now!  You can read whenever, wherever with any device.

 BangkokSarn App on Google Play store    Lanpo App on Google play Store    Ookbee Book Shop   Meb Market Book Shop    AIS Book Store   
 Lanpo App on Google Play Lanpo App on iTunes

#ลานโพธิ์ #จากวัดระฆัง #ถึงบางขุนพรหม #09