![]() |
พระครูประสาธน์วิทยาคม (หลวงพ่อนอ) วัดกลางท่าเรือ อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา |
![]() |
เหรียญรุ่นแรก (ยันต์ใหญ่) พ.ศ.2496 เนื้อเงิน |
ณ ท้องทุ่งราบในที่ลุ่มฝั่งซ้ายแม่น้ำแควป่าสัก ในเขตแขวงเมืองนครน้อย เมื่อถอยหลังไปสัก 80 ปีเศษ เป็นที่เต็มไปด้วยทรัพย์ในดินสินในน้ำ พืชพันธุ์ธัญญาหารเจริญงอกงามเขียวขจีจรดขอบฟ้า ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว สมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ สงบสุขทุกทิวา ชาวประชาสมณชีพราหมณ์ตั้งมั่นอยู่ในคุณธรรม ประกอบสัมมาอาชีพถือการกสิกรรมทำนาเป็นพื้น เยาวชนของชาติลูกเล็กเด็กแดง กุลบุตรกุลธิดาก็อยู่ในโอวาทของบิดา-มารดา ครูบาอาจารย์ ปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีกันทั่วหน้า ผู้เฒ่าผู้แก่ก็บำเพ็ญทานการกุศล ถือศีลฟังธรรมรักษาอุโบสถ ตามแบบฉบับประเพณีของไทยลูกพุทธ กระทำจิตใจและกายบริสุทธิ์อยู่ในศีลธรรม พระภิกษุสงฆ์-สามเณรผู้บำเพ็ญศีลภาวนาปฏิบัติหลักธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยเคร่งครัด อำนวยประโยชน์เป็นแหล่งเพราะศิลปะวิชาการด้านต่างๆ เป็นอย่างดียิ่ง สมัยกระโน้นโรงเรียนหามีไม่ การรอบรู้วิชาการต่างๆ จนได้เป็นเจ้าคนนายคน ทำตนอันเป็นประโยชน์อย่างใหญ่ยิ่ง มีความเจริญตลอดทั้งประเทศชาติ ก็ล้วนแล้วแต่มาจากศิษย์วัด กินข้าวก้นบาตรกันมาทั้งนั้น สิ่งนี้จึงสมควรจะได้เทิดทูนบรรพบุรุษไว้เหนือหัว
![]() |
เหรียญรุ่นแรก ( ยันต์ใหญ่ ) พ.ศ.2496 เนื้อทองแดง |
![]() |
พระประธานในโบสถ์ วัดกลางท่าเรือ อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา |
พื้นที่หมู่บ้านศาลาลอย เป็นหมู่บ้านอยู่ในเขตแขวงเมืองนครน้อย ( คืออำเภอท่าเรือปัจจุบัน ) มีครอบครัว ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของชาติครอบครัวหนึ่ง ถือประกอบสัมมาอาชีพด้วยการทำนา หัวหน้าครอบครัวชื่อ นายสวน อำแดงพุฒ เป็นต้นตระกูล “ งามวาจา ” เป็นครอบครัวที่ขยันขันแข็ง เมื่อว่างจากการเก็บเกี่ยวแล้วก็หาเวลาว่างไปเที่ยวทำงาน การค้าขาย แลกเปลี่ยนสินค้า ให้เป็นการเพิ่มพูนช่วยรายได้ในครอบครัว จนทำให้ครอบครัวของ นายสวน-อำแดงพุฒ “ งามวาจา ” มีหลักฐานมั่นคงยิ่งขึ้น ด้วยความขยันหมั่นเพียร ประกอบทั้งสองผัวเมียเป็นผู้โอบอ้อมอารี มีนิสัยช่วยเหลือเกื้อกูลต่อญาติมิตร เพื่อนบ้านเรือน เคียง จนเป็นที่รักใคร่นับถือของคนทั่วๆ ไป
![]() |
รูปปั้นหลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา |
![]() |
เหรียญรุ่นแรก ( ยันต์ใหญ่ ) พ.ศ.2496 เนื้ออัลปาก้า |
ปฏิสนธิ
การปกครองประเทศบ้านเมืองสมัยนั้น ปกครองโดย พระมหากษัตริย์ หรือเรียกว่า ปกครองโดยระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ คือพระบรมราชโองการเป็นกฎหมาย ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 หรือที่เรียกกันย่อๆ ว่า “ พระปิยมหาราช ” หรือ ร.5 ก็นิยมเรียกกัน ( การปกครองระบอบประชาธิปไตยโดย รัฐธรรมนูญ เพิ่งมีขึ้นเมื่อ 24 มิถุนายน 2475 )![]() |
โบสถ์วัดกลางท่าเรือ อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา |
ณ วันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ปีมะโรง จาตุศก 1254 เวลาบ่ายประมาณ 3 โมงเย็น ตรงกับ 31 มกราคม 2435 “ อำแดงพุฒ ” ก็ถือกำเนิดทารกเพศชายเพิ่มขึ้นภายในครอบครัวอีกคนหนึ่ง ยังความชื่นชมโสมนัสยินดีปรีดาปราโมทย์ เป็นที่เอ็นดูรักใคร่ของ “ นายสวน ” “ อำแดงพุฒ ” ผู้เป็นบิดา-มารดายิ่งนัก ได้ประคบประหงมทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูชนิดมดมิให้ไต่ไรมิให้ตอม สู้อุตส่าห์อดตาหลับขับตานอน นับได้เป็นบุตรชายคนที่ 3 ( ทารกผู้นี้คือ พระครูประสาธน์วิทยาคม หลวงพ่อนอ นั่นเอง )
มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดา รวม 8 คน คือ
1. นายชม งามวาจา ถึงแก่กรรมเมื่ออายุได้ 80 ปี
2. พระภิกษุคลี่ บวชอยู่ในความอุปการะของหลวงพ่อที่วัดกลาง ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ.2515 อายุได้ 85 ปี
3. พระครูประสาธน์วิทยาคม ( หลวงพ่อนอ ขณะนี้อายุได้ 80 ปี 4 เดือน 14 วัน คำนวณอายุเมื่อ 18 มิถุนายน 2516 )
4. นางห่อ จำพรต ใช้นามสกุลเพื่อนเกลอของโยมบิดา ที่ยกให้เป็นบุตรบุญธรรม
5. นางสุก ได้สามีชื่อโล่ อยู่บ้านน้ำเต้า อ.มหาราช จ.อยุธยา
6. นางเปลื้อง ได้สามีชื่ออยู่ อยู่บ้านพระโขนง กรุงเทพมหานคร
7. นางนี ถึงแก่กรรมเมื่ออายุได้ 19 ปี
8. นายแก้ว งามวาจา ข้าราชการบำนาญกรมรถไฟ
![]() |
มณฑปหลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา |
เมื่อเยาว์วัยรูปร่างลักษณะหน้าตาอ้วนท้วนสมบูรณ์ ไม่ขี้โรค เลี้ยงง่าย ไม่อ้อนโยเย การประจบประแจงอ้อแอ้เก่งตามประสาเด็ก จึงเป็นที่รักใคร่ ได้รับการทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูกันเป็นอย่างดีเชียวละ เป็นที่มีเสน่ห์ ใครพบเห็นก็อดที่จะเว้นการโอบอุ้มชมเชยกอดจูบจนเนื้อช้ำเสียมิได้
![]() |
เหรียญหน้ายักษ์ พ.ศ.2513 เนื้อนวโลหะ |
![]() |
เหรียญหน้ายักษ์ พ.ศ.2513 เนื้อทองแดงรมดำ |
เมื่อเจริญวัยอายุย่างเข้าพอที่จะรับการศึกษาเล่าเรียนหนังสือได้ บิดา-มารดาจึง นำพาไปฝากกับ พระหลวงลุงสวย ( ซึ่งเป็นพระพี่ชายของโยมบิดา ) ที่วัดศาลาลอยข้างๆ บ้านนั่นเอง เมื่ออยู่วัดกับหลวงลุงสวย ก็ได้ตั้งหน้าตั้งตาเล่าเรียนอ่านหนังสืออักขรวิธี เป็นที่โปรดปรานรักใคร่ของหลวงลุงมาก ได้พยายามพร่ำสอนให้เป็นอย่างดียิ่ง ด้วยความขยันหมั่นเพียร จนอ่านออกเขียนได้ทั้งหนังสือไทยและหนังสือขอม ( ขณะนั้นการศึกษาหนังสือถือกันว่า หนังสือขอมเป็นวิชาหลัก หรือภาษาหลัก ) ถ้าผู้ใดเก่งทางหนังสือขอมแล้วถือกันว่าเลิศ นับได้ว่าเป็นผู้มีความรู้สูง จะหางานการทำที่ใดก็ได้ง่าย ถ้าจะเปรียบก็เห็นพอจะได้กับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษสมัยนี้ก็คงจะพอๆ เทียบกัน เพราะสมัยนั้นภาษาอังกฤษยังไม่ใคร่จะคืบมาถึง ใครรู้ภาษาอังกฤษได้ดีในสมัยนั้นก็นับว่าเลิศคนไปเลยทีเดียว เพราะภาษาอังกฤษขณะนั้นจะมีผู้รู้อยู่บ้าง ก็เห็นมีอยู่แต่ในหมู่เจ้านายและบุคคลระดับสูงศักดิ์เท่านั้น
![]() |
เหรียญหน้ายักษ์ พ.ศ.2513 เนื้อเงิน |
![]() |
เหรียญหน้ายักษ์ พ.ศ.2513 เนื้อทองแดง |
สำหรับชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน กรรมกร พวกไกลปืนเที่ยง โดยมาก ก. ข. ไม่ใคร่จะกระดิกหู คืออ่านไม่ออก เขียนไม่ได้เสียส่วนมาก บางทีอ่านออกเขียนไม่ได้ก็มี ก็ยังดีกว่าอ่านไม่ออกเสียเลย เพราะผู้อ่านหนังสือออกก็ยังดี พอมีอาชีพรับจ้างอ่านหนังสือประโลมโลกเรื่องจักรๆ วงศ์ๆ ให้คุณน้า คุณป้า คุณตา คุณยาย ฟัง พอได้เงินค่าขนมบ้าง สำหรับผู้หญิงด้วยแล้วเขาไม่ใคร่จะให้เรียนหนังสือกัน กลัวจะเขียนสารหรือแต่งเพลงยาวถึงผู้ชาย สมัยนั้นหวงลูกสาวหลานสาวนัก ต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนไปไหนไม่ได้เลย การแต่งงานก็ต้องผู้ใหญ่หาให้แทบทั้งนั้น แปลว่าหนุ่มสาวหาเมียผัวกันไม่เป็น ตกเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่หาให้กันทั้งนั้น บางคู่ชายหญิงไม่เคยพบหน้าพบตากันเลย ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายว่าดีก็ต้องยอมโอเค. เอ...ชักจะฟุ้งไปหน่อย ขอประทานโทษที่บันทึกไว้ก็เพื่อให้หนุ่มสาวสมัยนี้ทราบไว้เท่านั้น แต่ก็เห็นเขาอยู่กันยืดเพราะผู้ใหญ่หาให้ทั้งนั้น เรื่องมีชู้สู่สาวกันนะเรอะเย็นใจ หายากยังกับงมเข็มในมหาสมุทร คือผัวเดียวเมียเดียวทั้งนั้น ถ้าใครขืนมีชู้สู่สาวขึ้นคราวใด ก็สะเทือนสะท้านเลื่อนลั่นไปทั่วสารทิศนั่นเชียว ก็เป็นของประหลาดอยู่ บางทีถูกคว่ำบาตรเลย คือไม่มีคนเขาคบหาสมาคมด้วย จนได้คำพังเพยกันว่า หญิง 3 ผัว ชาย 3 โบสถ์ เป็นไงครับเดี๋ยวนี้ยิ่งมากผัวมากเมีย มากโบสถ์เท่าใดก็ยังพอไหว เอ..ว่าจะหยุดไหงเลยมาได้ขอโทษด้วย ให้ทราบไว้เท่านั้น ไม่เป็นพิษเป็นภัยดอก นึกว่าเป็นของแถมความรู้รอบตัวก็แล้วกันนะขอรับ
![]() |
โบสถ์วัดกลางท่าเรือ อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา |
![]() |
หน้าบันโบสถ์วัดกลางท่าเรือ |
ครั้นได้รับการศึกษาความรู้ ซึ่งอยู่กับพระหลวงลุงสวยพอสมควรแล้ว บิดา-มารดาอันเป็นที่รักบุตร หวังจะให้บุตรได้ดีมีวิชายิ่งๆ ขึ้น ด้วยมองเห็นการณ์ไกล หากจะให้อยู่กับหลวงลุงสวยก็คงจะไม่เจริญขึ้นเท่าใดนัก เพราะสมัยนั้นโรงเรียนประชาบาลยังไม่มีการศึกษา ประชาบาลยังไม่ได้เปิดบังคับภาคการศึกษา เพิ่งมีโรงเรียนประชาบาลในอำเภอท่าเรือเมื่อปี พ.ศ.2467 หรือ พ.ศ.2468 นี่เอง คงมีแต่ โรงเรียนรัตนาธร เป็นโรงเรียนประจำอำเภอเพียงโรงเรียนเดียว ตั้งอยู่ที่ศาลาการเปรียญวัดหนองแห้ว บัดนี้กลายสภาพเปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนนิตยานุกูล ย้ายไปอยู่ข้างวัดนั่นแหละ สอนถึงชั้นมัธยมปีที่ 1 มี ราษบุรุษไข่ เป็นศึกษาธิการอำเภอ ครูช่วง เป็นครูใหญ่ มี ครูล่ำ ประมูลศิลป กับ ครูคร้าม สร้อยทอง เป็นครูประจำชั้น กับมีโรงเรียนราษฎร ตั้งอยู่ในตลาดข้างวัดหนองแห้ว ชื่อว่า โรงเรียนครูกลิ่น เดี๋ยวนี้สลายตัวไป เพราะถูกไฟไหม้ตลาดท่าเรือ เมื่อปี พ.ศ.2473 หรืออย่างไรไม่ปรากฏ แต่ไม่เห็นมีแล้ว
เมื่อทั้งฝ่ายบิดา-มารดาพร้อมด้วยหลวงลุงสวย เห็นว่ามีพระที่เป็นพวกกันเป็นท่านมหาชื่อ วงษ์ อยู่วัดกษัตราธิราช จ.พระนครศรีอยุธยา จึงได้พร้อมกันนำไปฝากถวายมหาวงษ์ไว้เป็นบุตรบุญธรรม ( มหาวงษ์ต่อมาได้ลาสิกขาบทออกรับราชการ ภายหลังได้เป็นผู้พิพากษา และได้รับพระราชทานราชทินนามเป็น พระเทพปรีชา ในรัชกาลที่ 5 นั่นเอง )
![]() |
เหรียญดอกจิก พ.ศ.2506 เนื้ออัลปาก้า |
![]() |
เหรียญดอกจิก หลังเรียบ จารอักขระ เนื้อทองแดง |
![]() |
เหรียญดอกจิก หลังยันต์ เนื้อทองแดง |
การลาพักเหมือนเดี๋ยวนี้ )
![]() |
หอประชุมพิบูลสงคราม อุปถัมภ์ พ.ศ.2496 |
เมื่อปลดจากทหารกองประจำการแล้ว ปี พ.ศ.2458 บิดา-มารดาจึงได้นำไปฝากไว้กับท่าน พระครูรัตนาภิรมย์ ( ฮิม ) เจ้าอาวาสวัดศาลาลอย เจ้าคณะอำเภอท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ครั้งกระนั้นก่อนที่จะบวชจะต้องอยู่วัดให้เคยชินกันนานๆ จนรู้ขนบธรรมเนียมของสงฆ์และว่าขานนาคได้คล่อง สวดมนต์ที่เป็นบทกิจวัตรประจำได้หมดแล้วจึงจะบวชกัน สำหรับ หลวงพ่อนอ บอกว่า อยู่นานสัก 2-3 เดือน จึงได้ทำการอุปสมบท และในระหว่างอยู่วัดก็ต้องนอนวัดไปไหนมาไหนต้องลาอาจารย์เหมือนเด็กวัดนั่นเชียว
พระครูรัตนาภิรมย์ ( ฮิม ) เจ้าคณะอำเภอท่าเรือ เป็นพระอุปัชฌาย์
พระปลัดวงษ์ วัดศาลาลอย เจ้าอาวาสและเจ้าคณะตำบลศาลาลอย เลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้นโท เป็นที่ “ พระครูพรหมสิริคุณ ” อายุได้ 87 พรรษาแล้วเป็นพระกรรมวาจาจารย์
![]() |
ซุ้มประตูวัดกลางท่าเรือ อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา |
เมื่ออุปสมบทแล้ว ท่านเป็นผู้เคร่งครัดในศาสนา หวังในความสงบสุขในด้านทางธรรม มีมติในใจว่า อะไรจะมีความสุขยิ่งกว่าการปฏิบัติธรรมไม่มีแล้ว ไหนๆ บวชทั้งทีต้องเอาดีให้ได้ ตั้งจิตมุ่งหน้าพยายามบากบั่นในการศึกษา แว่วข่าวว่ามีพระอาจารย์ดีที่ไหนก็เข้ามอบกายถวายเป็นลูกศิษย์ ทั้งใกล้และไกล ทั้งด้านพระปริติธรรม ด้านวิปัสสนากรรมฐาน จากพระอาจารย์อยู่หลายปี จนเห็นว่าพอจะโปรดญาติโยมได้บ้างแล้ว จึงได้ออกแสดงธรรมแก่ญาติโยม จนญาติโยมเห็นความสามารถก็ถูกอาราธนาให้เทศน์โปรดโดยทั่วๆ ไป
ครั้นอยู่ต่อมามีญาติโยมและประชาชนได้มาหาท่าน พระครูรัตนาภิรมย์ ขอตัวไปเป็นเจ้าอาวาสวัดตากแดด ( วัดหนองกลาง ) ท่านพระครูเห็นว่า ท่านมีความรู้ความสามารถดีพอที่จะไปทำการปกครองคณะสงฆ์และญาติโยมได้ ก็อนุญาตให้ไป เป็นผู้รั้งเจ้าอาวาสวัดตากแดด ต.สามไถ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา รั้งอยู่ 2 ปีจึงได้รับตราตั้ง และก็ได้เป็นหน้าที่ พระคู่สวด ในปีนั้นเอง ได้ช่วยบริหารการศาสนา การก่อสร้าง การศึกษา ทั้งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมทั้งสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐานแก่ภิกษุ-สามเณร ตลอดทั้งประชาชนทั่วๆ ไป
![]() |
ล็อกเกตหลวงพ่อนอ |
![]() |
เหรียญรุ่นแรก ( ยันต์เล็ก ) พ.ศ.2496 |
เมื่อ พ.ศ.2470 พระภิกษุคลี่ ซึ่งเป็นพระพี่ชาย เป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดสามเรือน ( ภูมิกำเนิดของท่านนั่นแหละ ) ไปหาที่วัดโขดแบบไปเยี่ยม เพราะทราบกิตติศัพท์ว่าท่านก่อสร้างเก่ง พูดจาขอร้องให้ไปช่วยสร้างวัดโขดของเราบ้าง เพื่อเป็นการกตัญญูกตเวทิคุณต่อวัดบ้านเกิดเมืองนอน ท่านก็ไปช่วย ได้ปรับปรุงเสนาสนะต่างๆ สร้างอุโบสถ 1 หลัง สร้างโรงเรียนอีก 1 หลัง
![]() |
พระครูประสาธน์วิทยาคม ( หลวงพ่อนอ ) วัดกลางท่าเรือ อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา |
อิทธิปาฏิหาริย์ตอนอยู่วัดสามเรือน
ท่านบอกว่าเป็นที่มหัศจรรย์อยู่บ้างเหมือนกัน พูดไปแล้วก็ไม่น่าเชื่อ จึงไม่อยากพูดเพราะเหตุที่ว่าสิ่งที่ไม่ควรเป็นก็เป็นไปได้นี่แหละ จะเรียกว่าอิทธิปาฏิหาริย์หรือความมหัศจรรย์ก็แล้วแต่จะพูดกันเถอะ ด้วยใจรักในด้านการวิปัสสนากรรมฐาน ได้ศึกษาเล่าเรียนด้านไสยศาสตร์เวทมนต์ท่องบ่นคาถาตามแบบฉบับ ใครว่าอาจารย์ที่ไหนดีมีวิชาแล้ว ก็ยอมตนเป็นศิษย์เสมอมา ท่องเที่ยวอยู่กับวิชาประเภทนี้อย่างโชกโชน ได้เพียรพยายามเป็นเวลาสิบปีเศษก็ยังไม่เห็นเกิดอะไรขึ้น ครั้นต่อมาเขาลือกันว่ามี อาจารย์เพิ่ม อายุสัก 80 ปีแล้ว นิวาสสถานอยู่แถวย่านบ้านเดียวใกล้ๆ กันนั่นแหละ เป็นอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านคาถาอาคมเป่าปลุกเสกเครื่องรางของขลังดีนัก ด้วยความพึงพอใจในวิชานี้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว จึงได้ยอมกายถวายตัวเป็นศิษย์ขอเรียนวิชาการกับอาจารย์เพิ่มผู้นี้ต่อไป ( อ้อ ลืมบอกไปว่าอาจารย์เพิ่มผู้นี้เป็นฆราวาส ) วิชาการอย่างนี้มิใช่ว่าทุกคนจะเรียนได้สำเร็จทั่วๆ ไปก็หาไม่ ท่านก็ได้พยายามฝึกฝนเล่าเรียนอยู่อีกหลายปีก็ไม่สำเร็จอะไรดีขึ้น บางครั้งก็รู้สึกเบื่อหน่าย ระทดใจ ท้อแท้ใจ จะละทิ้งความพยายามเสียให้ได้
( ที่มา : ลานโพธิ์ ฉบับที่ 1213 พระครูประสาธน์วิทยาคม ( หลวงพ่อนอ ) วัดกลางท่าเรือ อ.ท่าเรือ จ.อยุธยา เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2560 ราคาปก 60 บาท )