หลวงพ่อหวาน พรหมสโร วัดดอกไม้ ตำบลหันสัง อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ภาพและเรื่องโดย เอกลักษณ์ เพริศพริ้ง


หลวงพ่อหวาน พรหมสโร วัดดอกไม้
พิธีมหาพุทธาภิเษกพระเครื่อง ณ วัดสุทัศนเทพวราราม เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๐ จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองกึ่งพุทธกาล ตามพุทธทำนายที่ว่าพระพุทธศาสนาจะยืนยาวถึง ๕,๐๐๐ ปี เรียกพิธีนี้ว่า “ พิธี ๒๕ พุทธศตวรรษ ” ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในสามพิธีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคกรุงรัตนโกสินทร์ ส่วนอีกสองพิธีก็ได้แก่ “ พิธีมหาพุทธาภิเษกวัดราชบพิธ ปี พ.ศ.๒๔๘๑ ” และ “ พิธีมหาพุทธาภิเษกพระพุทธชินราชอินโดจีน เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๕ ” 

ทั้งสามพิธีที่ว่ามาแม้จะต่างวาระกัน แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นก็คือ พระอาจารย์ที่มาเสก ล้วนแต่มีคาถาอาคมเข้มขลัง มีพลังจิตแก่กล้า เป็นที่เชื่อถือของผู้คนประชาชนทั่วทั้งประเทศ และที่สำคัญพระอาจารย์ผู้เป็นเจ้าพิธีหรือประธานฝ่ายสงฆ์ในสมัยนั้นจะเป็นผู้คัดเลือกผู้เสกเองกับมือ คือแบบว่า จะต้องเอาที่เก่งที่สุดแห่งยุคเท่านั้น จะได้ไม่เสียชื่อเจ้าของงาน หรือเสียถึงพระอาจารย์เจ้าพิธี


เหรียญหลวงพ่อหวาน รุ่นแรก พ.ศ.2505
ออกวัดพุขามหวานวนาราม
ผู้ที่เป็นเจ้าพิธีส่วนใหญ่จะมีความเชี่ยวชาญทางด้านไสยศาสตร์ และโหราศาสตร์ชั้นบรมครู ท่านสามารถหยั่งรู้ได้ว่า พระอาจารย์ท่านใด เก่งพอที่จะเข้าร่วมพิธี แนวๆ ว่า “ ปราชญ์ ” ย่อมรู้ว่าผู้ใดคือ “ ปราชญ์ ” ประมาณนั้น ตัวอย่างเช่น พิธีจตุรพิธพรชัย เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๘ ลูกศิษย์ของ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก ต้องการสร้างวัตถุมงคลขึ้นเพื่อออกจำหน่าย โดยจะนำรายได้ไปสร้างโบสถ์ที่วัดบ้านเกิดเมืองนอนของตนในจังหวัดสุพรรณบุรี จึงมาปรึกษากับหลวงปู่ดู่ผู้เป็นพระอาจารย์ หลวงปู่ว่า

“ ให้ทำเหรียญพระเกจิอาจารย์ที่เก่งที่สุดแห่งยุคของภาคกลางขึ้นมา จำนวน ๙ ท่าน ๙ เหรียญ เสร็จก็นำไปให้แต่ละท่านปลุกเสกเดี่ยวก่อน แล้วค่อยนิมนต์ทั้ง ๙ ท่านมาทำพิธีพุทธาภิเษก ณ วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ” ( หลวงปู่ดู่ท่านเลือกพระอาจารย์เองทั้งหมด )


เหรียญหลวงพ่อหวาน รุ่นแรก
ออกวัดดอกไม้ บล็อกมี พ.ศ.2509
ทีนี้ก็มาว่ากันถึงรายนามพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงเวทวิทยาคม ที่ได้รับคัดเลือกให้มาเสกทั้งสามพิธีกันบ้างว่าท่านเป็นใครมาจากสำนักไหน

สำหรับ “ พิธีมหาพุทธาภิเษกวัดราชบพิธ ปี ๒๔๘๑ ” ก็มี หลวงพ่อขัน วัดนกกระจาบ, หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ, หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค, หลวงพ่อพุ่ม วัดบางโคล่นอก, หลวงพ่อพริ้ง วัดบางปะกอก, หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้, หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน, หลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัว, หลวงพ่อกลิ่น วัดสะพานสูง ฯลฯ

ส่วน “ พิธีมหาพุทธาภิเษกพระพุทธชินราชอินโดจีน เมื่อปี ๒๔๘๕ ” ก็มี หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา, หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก, หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม, หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ, หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว, หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว, หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง, หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก, หลวงพ่อเจียง วัดเจริญสุขาราม ฯลฯ


พระอุโบสถวัดดอกไม้ ต.หันสัง
อ.บางปะหัน จ.อยุูธยา
และ “ พิธี ๒๕ พุทธศตวรรษ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๐ ” ก็มี หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ( เสกทั้ง ๓ พิธี ), หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ ( เสกทั้ง ๓ พิธี ), หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อทบ วัดชนแดน, หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน, หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ, หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง ฯลฯ...


รูปปั้นหลวงพ่อสำริด บนหอสวดมนต์
ผู้เขียนเฉไฉไปเรื่องอื่นซะไกล ก็จะขอย้อนกลับมาที่ พิธี ๒๕ พุทธศตวรรษ กันอีกสักหน่อย จะได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาเป็นไปในอดีตของศาสนาพุทธ ซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติของพวกเราชาวไทย โดยเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๐ เป็นปีที่พระพุทธศาสนาล่วงเลยมาถึงกึ่งพุทธกาลตามพุทธทำนายที่ว่า พระพุทธศาสนาจะยืนยาวถึง ๕,๐๐๐ ปี ทางรัฐบาลไทยในสมัยนั้นได้ทำการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่เป็นเวลาถึง ๗ วัน ๗ คืน คือตั้งแต่วันที่ ๑๒-๑๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๐๐ ( ช่วงเทศกาลวันวิสาขบูชา ) พร้อมกันนั้นยังได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นเป็นที่ระลึกแก่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินเพื่อสร้าง “ พุทธมณฑล ” ที่ตำบลศาลายา อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ซึ่งวัตถุมงคลดังกล่าวก็คือ “ พระเครื่อง ๒๕ พุทธศตวรรษ ” นั่นเอง

การครั้งนั้นได้นิมนต์พระคณาจารย์ผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง ทั้งยังมีความเข้มขลังทางด้านมนต์คาถาจากทั่วประเทศจำนวน ๑๐๘ รูป ให้มาร่วมปลุกเสก และก็อย่างที่ผู้เขียนได้กล่าวไว้ตั้งแต่ตอนต้นแล้วว่า พระอาจารย์ทุกท่านที่มาเสก จะต้องเก่งที่สุดแห่งยุคเท่านั้น และ ๑ ใน ๑๐๘ ท่านที่ว่ามาก็คือ หลวงพ่อหวาน วัดดอกไม้ อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นั่นเอง

เรื่องประสบการณ์จากวัตถุมงคลของ “ หลวงพ่อหวาน วัดดอกไม้ ” นั้น หากถามคนรุ่นเก่าๆ ใน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดใกล้เคียง โดยเฉพาะจังหวัดสระบุรี ไม่มีใครที่ไม่รู้จักกิตติศัพท์ชื่อเสียงของท่าน ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไรเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง...


เหรียญหลวงพ่อหวาน รุ่นปีกค้างคาว
พ.ศ.2512 เนื้ออัลปาก้า

ประสบการณ์จากวัตถุมงคล

๑. ตวาดจนหอสวดมนต์สะเทือน
คุณธนากร ทรัพย์ล้อม กรรมการ วัดดอกไม้ ตำบลหันสัง อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เล่าให้ฟังว่า...

ตอนที่ “ หลวงพ่อหวาน ” ยังมีสุขภาพแข็งแรง ท่านได้จำวัดอยู่ที่หอสวดมนต์ซึ่งมีพระพุทธรูปเนื้อทองสำริดเก่าแก่งดงามมากองค์หนึ่ง นามว่า “ หลวงพ่อสำริด ” ประดิษฐานอยู่ หลวงพ่อสำริดองค์นี้เป็นพระศักดิ์สิทธิ์ ท่านคือศูนย์รวมจิตใจของผู้คนในย่านนั้น

แล้วก็อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ต้น หลวงพ่อสำริดเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ที่มีความงดงามเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้ไปเข้าหูเข้าตาของพวกโจรใจบาปหยาบช้าเข้า พวกโจรพยายามหาลู่ทางจะมาขโมยหลวงพ่อสำริดที่หอสวดมนต์ พวกมันสืบทราบมาว่ามี “ พระสูงวัย ” นอนเฝ้าอยู่รูปหนึ่ง ( หลวงพ่อหวาน ) พวกมันคิดว่าเจองานหมูเข้าให้แล้ว แต่พวกมันคิดผิด!


เหรียญหลวงพ่อหวาน ดอกจิก
พ.ศ.2516
วันหนึ่งเวลาประมาณตี ๓ กว่าๆ พวกโจรได้ใช้ชะแลงเหล็กงัดลูกกรงเข้าไปในหอสวดมนต์ พอพวกมันเข้าไปได้ มันก็แบ่งหน้าที่กันทำงาน สองคนเดินตรงไปยังหลวงพ่อสำริดเพื่อเตรียมการขโมย ส่วนอีกคนก็บุกเข้าไปในห้องที่ หลวงพ่อหวาน จำวัดอยู่ และโดยไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลงอะไรให้มากความ มันได้ใช้ “ ชะแลงเหล็ก ” อันที่งัดเข้ามาหวดเข้าที่ท้ายทอยของ หลวงพ่อหวาน เต็มแรง ๒-๓ ที จนท่านนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง โจรใจบาปคิดว่าท่านคงมรณภาพแล้ว ก็เป็นอันว่าหมดอุปสรรคสำหรับการขโมยพระ จึงไปรวมตัวกันที่พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ตามแผนที่วางไว้


รูปปั้นหลวงพ่อหวาน วัดดอกไม้
ขณะที่พวกโจรใจบาปหยาบช้ากำลังช่วยกันยกหลวงพ่อสำริดอยู่นั้น พวกมันก็เห็น หลวงพ่อหวาน มายืนขวางอยู่ที่ประตู จากนั้นท่านก็ “ ตวาด ” พวกโจรเสียงดังกึกก้องปานเสียงฟ้าผ่า และ เสียงตวาดนั้นทำเอาหอสวดมนต์ถึงกับสั่นสะเทือน...

พวกโจรพอเห็น หลวงพ่อหวาน มายืนเด่นเป็นสง่าขวางทางอยู่ โดยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ก็ถึงกับแข้งขาอ่อนเพราะกลัวท่านแทบช็อก!! ( พวกมันนึกว่าหลวงพ่อมรณภาพแล้ว เพราะตีท่านสุดแรงเกิดกะเอาให้ตาย แต่จู่ๆ ท่านกลับมายืนขวางทางหน้าตาเฉย จะไม่ให้พวกมันไม่ช็อกได้อย่างไร ) เท่านั้นยังไม่พอ พอพวกโจรได้ยินเสียง “ตวาด” ของท่านก็ถึงกับขวัญหนีดีฝ่อ ตกใจกลัวสุดขีด พวกมันจึงลนลานทั้งวิ่งทั้งคลานสี่เท้าตาลีตาเหลือกหนีไปแบบไม่คิดชีวิต

และเสียง “ตวาด” นี้เอง ทำเอาเหล่าพระ-เณร และเด็กวัดพากันแตกตื่นตกใจ รีบวิ่งมาดูที่หอสวดมนต์ต้นเสียง แต่ก็ไม่พบพวกโจรใจบาปเสียแล้ว


ป้ายทางเข้าวัดดอกไม้
และที่ หลวงพ่อหวาน โดนชะแลงเหล็กตีเข้าที่ท้ายทอยตั้ง ๒-๓ ครั้ง แต่ไม่ยักจะเป็นอะไร รอยช้ำก็ไม่มีให้เห็น นั่นก็เพราะท่านสำเร็จวิชา “ ชาตรี ๙ เฮ ” บางคนเรียก “ วิชาหินเบา ” ซึ่งเรียนมาจากพระเดชพระคุณ หลวงพ่อกลั่น แห่งวัดพระญาติ

อนึ่ง พระอาจารย์ที่สามารถตวาดผู้คนจน ขวัญเสีย บางคนถึงกับ เป็นบ้า ได้นั้น ท่านต้องมีตบะมหาอำนาจแก่กล้า บารมีสูงส่ง ที่ผู้เขียนเคยได้ยินมาก็มี พระอาจารย์ทองเฒ่า และ หลวงพ่อปาน จากสำนักวัดเขาอ้อ, พระอาจารย์เอียด วัดดอนศาลา, หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดงตะวันออก โดยพระอาจารย์ทั้ง ๔ ท่านอยู่ที่จังหวัดพัทลุง ฯลฯ ส่วนพระอาจารย์จากภาคอื่นที่เคยได้ยินมาก็ หลวงพ่อหวาน วัดดอกไม้ นี่แหละ

( ที่มา : ลานโพธิ์ ฉบับที่ 1196 หลวงพ่อหวาน พรหมสโร วัดดอกไม้ ตำบลหันสัง อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ปักษ์แรก เดือนกันยายน พ.ศ.2559 ราคาปก 60 บาท ภาพและเรื่องโดย เอกลักษณ์ เพริศพริ้ง )

วันนี้อ่านหนังสือ ลานโพธิ์ บน i-Pad หรือ Tablet computer ได้ทั่วโลกแล้ว ตามลิงค์นี้ 

สามารถหาอ่านหนังสือ ลานโพธิ์ ในรูปแบบ E-book ได้แล้วจร้า.. 
Available Now!  You can read whenever, wherever with any device.

 BangkokSarn App on Google Play store    Lanpo App on Google play Store    Ookbee Book Shop   Meb Market Book Shop    AIS Book Store   
 Lanpo App on Google Play Lanpo App on iTunes

#ลานโพธิ์ #หลวงพ่อหวาน #วัดดอกไม้ #จังหวัดพระนครศรีอยุธยา