วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2541

หลีกทางเซียน : ขบวนการ ปล่อยพระ


เรื่องโดย ทแกล้ว ภูกล้า

คนรุ่นเก่า  เรียกขานกลุ่มคนที่หน้าดำคร่ำเครียดกับการส่องพระ  ว่า นักเลงพระ  และเมื่อนักเลงพระเผชิญหน้าแลกพระเครื่องกัน  ก็จึงเกิดคำว่า  “ ตีพระ 

อาจเป็นเพราะคำว่า  “ ตีพระ ”  ดูจะโลดโผนโจนทะยานเกินไป  ต่อมาคำนี้ก็ค่อยๆ เลือนหายไป  เหลือแต่คำต่อมา  คือคำว่า  “ เช่าพระ ”  และ  “ ปล่อยพระ 

แทนที่จะบอกว่า  จะซื้อ จะขาย  ก็เลี่ยงไปใช้คำว่า  “ เช่า ”  แต่ก็เป็นที่เข้าใจ  ว่าหมายถึงการซื้อขายเป็นกรรมสิทธิ์  ไม่ได้แต่ให้เช่าชั่วคราว

ส่วนคำว่า  “ ปล่อยพระ ”  ตอนนี้ยังมีใช้กันอยู่บ้างประปราย  ส่วนใหญ่ใช้คำว่า ขายกันแล้ว  ไม่ต้องนั่งตีความกันตอนพระมีปัญหา

ในช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ  ค่าเงินบาทนิ่งอยู่ที่ 39 บาทต่อดอลลาร์พักใหญ่  เจอปัญหาอินโดนีเซีย  ทำท่าจะตกหล่นไปกว่า  40 อีก  อะไรๆ  ที่ทำท่าจะไม่มีความหวัง  ก็ถึงขั้นหมดหวัง

ปัญหาอาชญากรรมเกิดขึ้นมาก  ตามความคาดหมาย  เริ่มแต่การจี้  ตี  ชิง  วิ่ง  ราว  ไปถึงการปล้น  การฉ้อฉล  ต้มตุ๋น

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2541

หลีกทางเซียน : ราคาพระ ราคาหุ้น

เรื่องโดย ทแกล้ว ภูกล้า

วันที่ผู้ว่าแบงก์ชาติ  สั่งจัดการ  7 ไฟแนนซ์  ราคาหุ้นของ  7 ไฟแนนซ์  ก็หล่นวูบเหลือเพียงหุ้นละ 1 สตางค์

ทำลายสถิติเดิม  ที่บ่นๆ กันว่า  หุ้นถูกกว่าราคาปาท่องโก๋  ถูกกว่าราคากระดาษพิมพ์ใบหุ้น  ฯลฯ  เป็นที่เรียบร้อย

แล้วก็ไม่รู้เป็นยังไงทุกครั้งที่มีข่าวหุ้นตก  คนในแวดวงพระเครื่อง  ก็มักจะเปรียบเทียบกับ ราคาพระเครื่อง

ตั้งสมมุติฐาน  จากราคาพระเครื่อง  เช่น  พระสมเด็จวัดระฆัง  วัดบางขุนพรหม  สุดยอดในชุดเบญจภาคี  เฟ้นจากพระที่ได้มาตรฐาน  ทั้งด้านพิมพ์ทรง  และเนื้อหา  และสภาพพระที่สมบูรณ์หมดจด 

ได้ข่าวจากริเวอร์ซิตี้  ที่ชุมนุมนักสะสมของเก่าระดับไฮโซฯ  มีกระบี่มือหนึ่งในแวดวงนักนิยมพระคนหนึ่ง  ถือกล่องพระสมเด็จ  ออกเร่จำนำ  ราคา 50 ล้าน